ตอนที่ 2,180 : ต่งหยวนจิ้น! ไสหัวเจ้าออกมา!!
ต้วนหลิงเทียนมุ่งหน้าไปยังหอคุมกฏก็เพื่อหาทางพบหน้าเค่อเอ๋อ…
กล่าวให้ละเอียดก็เพื่อเค่อเอ๋อและลูกสาว
หากสบโอกาสเหมาะและมั่นใจว่าสามารถทำสำเร็จได้แน่ เขาจะไม่ลังเลอะไรและพาเค่อเอ๋อแม่ลูกหลบหนีออกจากหอคุมกฏทันที ยังจะออกจากลัทธิบูชาไฟเพื่อไปอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง!
แต่แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ยากที่จะกระทำได้
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ถังซวนบรรลุเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน และสำนึกเทวะของมันสมควรแผ่มาตรวจสอบเรื่องราวถึงหอคุมกฏด้วยซ้ำ…
ต่อให้ถังซวนจะไม่ได้เฝ้าตรวจสอบหอคุมกฏอยู่ แต่คนในหอคุมกฏก็สามารถติดต่อมันได้ในเวลาชั่วพริบตา
ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจ ว่าถ้าหากถังซวนสอดมือเข้ามาวุ่นวายล่ะก็ ถึงแม้เขาจะชิงตัวเค่อเอ๋อแม่ลูกออกมาจากหอคุมกฏได้ แต่เขาก็ยากจะรอดพ้นออกจากลัทธิบูชาไฟได้อยู่ดี
‘หากเค่อเอ๋อกับลูกสาวข้ายังคงปลอดภัยดี และไม่มีทีท่าว่าจะได้รับอันตรายใดๆในช่วงนี้…ข้าสามารถหมั่นเข้าไปบ่มเพาะพลังในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง7 สมบัติ เพื่อทะลวงให้ถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนให้ได้โดยเร็วที่สุด!’
ในระหว่างเหินร่างไปยังหอคุมกฏ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวในใจเป็นมั่นเหมาะ ‘ตราบใดที่ข้าทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ด้วยกระบี่นิลสวรรค์ ต่อให้เป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟอย่างถังซวน ข้าก็ไม่กลัว!’
ฟังจากความคิดแล้ว ต้วนหลิงเทียนมั่นใจในเรื่องนี้นัก
ตอนนี้เขาพึ่งทะลวงมาถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน หากทว่ายามใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด กระบี่นิลสวรรค์ก็สามารถเปล่งอานุภาพอันร้ายกาจแทบสยบสิ้นทุกตัวตนที่อยู่ภายใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน! คงมีน้อยคนนักที่สามารถหยุดหนึ่งกระบี่สังหารของเขาได้!!
และหากด่านพลังฝึกปรือของเขาทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนล่ะก็ ด้วยมีพลังอำนาจของกระบี่นิลสวรรค์ การปะทุพลังสังหารของเขาสมควรทวีความร้ายกาจขึ้นมากแน่นอน!
ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน อย่างถังซวน ก็เกรงว่าจะรับกระบี่เขาไม่ได้!
ไม่นานนักร่างต้วนหลิงเทียนก็บรรลุถึงอาณาเขตของหอคุมกฏ ‘จะยังไงก็แล้วแต่มาหอคุมกฏวันนี้คิดพบเจอเค่อเอ๋อก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพยายามหาข้ออ้างดีๆเพื่อไม่ให้ใครโยงไปถึงเรื่องที่ข้ารู้จักนางได้…’
‘เห็นทีคงได้แต่ยกอ้างก่านหรูเยี่ยนอีกครั้ง ในเมื่อข้าเคยมาหานางแล้วครั้งหนึ่ง คิดพบอีกครั้งก็ไม่น่าสงสัยอะไร…จริงสิ’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดในใจว่าจะใช้ก่านหรูเยี่ยนมาเป็นข้ออ้าง เขาก็ฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาก่อน เรื่องดังกล่าวยังเป็นแรงบันดาลใจให้เขาหาข้ออ้างดีๆขึ้นมา
“ข้าเกือบลืมมันไปแล้วเชียว…วันนั้นหากข้าไม่มีคนคอยช่วย เกรงว่าคิดจะเล็ดลอดหูตามันออกไปนอกลัทธิบูชาไฟคงไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยซ้ำ! ในเมื่อวันนี้ข้าได้กลับมาทั้งทีเช่นนั้นก็ต้อง ‘ขอบคุณ’ มันให้หนักๆหน่อย! ไม่งั้นคงไม่สมกับที่มันทำกับข้าเอาไว้!!”
ต้วนหลิงเทียนยิ่งกล่าวพึมพำเสียงกล่าวก็ยิ่งเยียบเย็น แววตายังทอประกายดุร้ายขึ้นมาน่ากลัว
ไม่กี่ปีที่แล้วตอนที่เขาหลบออกจากลัทธิบูชาไฟนั้น เรียกว่าเขาต้องเสี่ยงครั้งใหญ่ หากพลาดขึ้นมาก็มีแต่ตายกับตาย…
และทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ ‘ของขวัญ’ จากผู้อื่น!
และ ‘ของขวัญ’ ที่ว่า ก็คือการเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว! จากรองจ้าวหอคุมกฏต่งหยวนจิ้น บิดาของอาวุโสเพลิงทองแดงในหอคุมกฏ ต่งหลิน ที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเขา!
ถึงแม้ว่าเขายังไม่เคยเห็นหน้าต่งหยวนจิ้นด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายก็สั่งคนให้มาจับตาเขาเพื่อหาโอกาสฆ่าเขาไม่เลิก! เรียกว่าเขาเห็นมันเป็นศัตรูที่ต้องฆ่าให้ตายในสักวันมาตลอด!!
หากมีโอกาสเขาไม่มีวันปล่อยให้มันรอดไปได้แน่!
“ปีกอีกาทองคำ!”
เมื่อเหินร่างเข้าเขตหอคุมกฏแล้ว ก่อนที่อาวุโสลาดตระเวนของหอคุมกฏจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด ต้วนหลิงเทียนก็เร่งเร้าพลังเซียนสุริยันในร่างใช้ออกด้วยเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวทันที มองจากไกลๆ แผ่นหลังเขาคล้ายมีมวลเพลิงขนาดมหึมาลุกไหม้ขึ้นมา!
ในเวลาชั่วพริบตาดุจอัสนีวาบ มวลเพลิงมหึมาที่ลุกโชนอยู่กลางหลังอย่างร้อนแรงของต้วนหลิงเทียน ก็เริ่มควบรวมกลายเป็นปีกเพลิงคู่หนึ่ง!
เมื่อมันควบรวมเป็นปีกแล้ว มันก็สะบัดกระพือทันที!
ทันใดนั้น
ปง! ปง! ปง!
…
เสียงแตกระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้น ร่างต้วนหลิงเทียนพลันพุ่งทะยานล่วงล้ำลึกเข้าไปในเขตหอคุมกฏทันที มองไปยังประหนึ่งลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร!
ความเร็วในขณะที่ร่างเขาเหินทะยานข้ามฟ้านั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแม้แต่น้อย!
“
“ผู้ใด!?”
“ใครกัน!?”
…
แทบจะเป็นวินาทีเดียวที่ร่างต้วนหลิงเทียนคล้ายกลับกลายเป็นสายลมกรรโชกพัดหายไป ร่างผู้อาวุโสลาดตระเวนมากมายก็มาหยุดลงในจุดที่เขาเหินอยู่ก่อนหน้า
ทว่าเมื่อพวกมันมาถึงก็พบเจอแต่ความว่างเปล่า ต้วนหลิงเทียนไม่อยู่แล้ว…
และตอนนี้ร่างต้วนหลิงเทียนก็ทะยานข้ามฟ้ามาฉับไวจนบรรลุถึงน่านฟ้าส่วนตะวันออกของหอคุมกฏ เมื่อตอนที่เขามาทำงานที่หอคุมกฏเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาก็ได้รับทราบมาว่าพื้นที่แถบนี้เป็นเขตหวงห้าม!
ว่ากันว่าชนชั้นจ้าวหอคุมกฏ รวมถึงรองจ้าวหอคุมกฏหลายคนมักบ่มเพาะพลังอยู่ในเขตหวงห้ามดังกล่าว
เหตุผลที่ไฉนมันถึงกลายเป็นเขตหวงห้าม ก็เพราะมันถูกจำกัดไว้ให้เข้าออกได้ก็แต่อาวุโสระดับสูงของหอคุมกฏเท่านั้น อาวุโสทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไป
แน่นอนว่ายังมีข้อยกเว้น
อย่างเช่นหากเป็นลูกของจ้าวหอคุมกฏ ลูกของรองจ้าวหอคุมกฏไม่เว้นศิษย์ส่วนตัว ย่อมมีอิสระในการผ่านเข้าออก ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรมากกับการผ่านเข้าออกของพวกมัน!
หลังเข้าสู่เขตหวงห้ามของหอคุมกฏ ร่างต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง
“ต่งหยวนจิ้น ไสหัวของเจ้าออกมา!!”
ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายดุร้าย ควบพลังส่งเสียงกล่าวออกมาดังสนั่นลั่นไปทั่ว!
เสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดนี้บรรจุไว้ด้วยพลังเซียนสุริยันอันแข็งแกร่ง ทำให้ดังกึกก้องครอบคลุมเขตหวงห้ามของหอคุมกฏแน่นอน!
ภายในเขตหวงห้ามของหอคุมกฏ…มีหุบเขาเล็กๆหนึ่งอันเงียบสงบ และภายในหุบเขาเล็กๆอันเงียบสงบนี้ ก็มีกลิ่นหอมสดชื่นของมวลบุปผานานาพรรณ ยังแว่วเสียงน้ำตกเคล้าคลอไปกับเสียงสกุณาเจื้อยแจ้วกลายเป็นสำเนียงกล่อมใจให้ผ่อนคลายสบายอารมณ์
และในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มใกล้ๆน้ำตก ก็มีคฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่
คฤหาสน์หลังนี้ตั้งอยู่ในหุบเขา รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ข้างคฤหาสน์ก็เป็นสายธารน้ำตก บรรยากาศร่มรื่นฟุ้งไปด้วยละอองน้ำเย็นฉ่ำ จนคล้ายมีหมอกสลัวๆปกคลุมตลอดเวลา ให้บรรยากาศดั่งวิมานฟ้าบนแดนสรวงอยู่บ้าง…
ทว่าเมื่อเสียงตะโกนต้วนหลิงเทียนดังขึ้นมา ความสงบเงียบของหุบเขาเล็กๆแห่งนี้ก็ถูกทำลายทันที
“ผู้ใด!?”
ภายในคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาเล็กๆอันเงียบสงบ อาวุโสของหอคุมกฏ ต่งหลิน สีหน้าถึงกับเปลี่ยนเป็นอึมครึมทันใดเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโอหังดังกล่าว
มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่ายังมีใครขวัญกล้าเทียมฟ้าถึงกับตะโกนเรียกหาบิดามันอย่างโอหังถึงเพียงนี้ในลัทธิบูชาไฟ ถึงกับสั่งให้บิดามันที่เป็นถึงรองจ้าวหอคุมกฏ ไสหัวออกไป!!
นอกจากนั้นมันยังรู้สึกว่าเสียงนี้คลับคล้ายคลับคลานัก ราวกับมันเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน แต่มันยังไม่อาจนึกได้ออก
ขณะเดียวกัน คนอื่นๆที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้ก็ตื่นตระหนกตกใจเช่นกัน
“ผู้ใดหาญกล้ามาสร้างปัญาหาที่หอคุมกฏเรา!”
“ฟังจากเสียงตะโกนดุร้ายนั่นแล้ว สมควรเป็นศัตรูของท่านรองจ้าวหอต่ง…แต่ศัตรูของรองจ้าวหอต่งผู้นี้ใช่ขวัญกล้าไปหรือไม่! ถึงกับกล้าล่วงเกินชนชั้นรองจ้าวหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟถึงเพียงนี้ กระทั่งยังสั่งให้รองจ้าวหอค่งไสหัวออกไป?”
“ข้าอยากรู้นัก ว่าผู้มาเป็นเทพยดาองค์ใดกันแน่!”
…
คนที่ตื่นตระหนกก็เป็นรองจ้าวหอคุมกฏคนอื่นๆ ยังมีลูกหลานรวมถึงศิษย์ส่วนตัว
พอได้ยินเสียงยั่วยุท้าทายแบบนี้ ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความอยากกรู้อยากเห็นนัก ต่างเร่งเหินร่างออกจากสถานที่พักอาศัยขึ้นไปบนฟ้า มุ่งหน้าไปยังต้นเสียงทันที ด้วยอยากเห็นหน้าค่าตาของผู้ที่มาตะโกนอย่างดุร้ายนั่น
หลังจากตะโกนออกไปอย่างดุร้ายแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ลอยร่างค้างกลางหาวอย่างสงบ ใบหน้าปลอดโปร่งไร้ซึ่งความกังวลใดๆทั้งสิ้น
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ทันใดนั้นเองพลันปรากฏเสียงแหวกอากาศมาฉับไว ทั้งสายลมพัดมาหลายสาย เป็นเงาร่างคนกลุ่มหนึ่งที่มุ่งหน้าขึ้นฟ้ามาด้วยความเร็ว พริบตาก็ลุมาถึงพื้นที่ว่างใกล้ๆจุดที่ต้วนหลิงเทียนลอยอยู่
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานทั้งศิษย์ของรองจ้าวหอคุมกฏ
ทั้งหมดเร่งรุดออกมาจากเขตหวงห้ามของหอคุมกฏที่ตั้งอยู่บนพื้นดินใต้เท้าต้วนหลิงเทียน
“หือ? ไฉนคนผู้นี้ถึงได้แลดูคุ้นๆนักล่ะ?”
“มองจากชุดเสื้อผ้าแล้วสมควรเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟเรา! แต่ศิษย์ที่แท้จริงหาญกล้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? ถึงกับบุกเข้ามาในเขตหวงห้ามแถมสั่งให้รองจ้าวหอต่งไสหัวออกมาแบบนี้?”
“เอ ไฉนข้ารู้สึกคุ้นๆหน้าศิษย์ที่แท้จริงผู้นี้จัง…พวกท่านจำมันได้หรือไม่?”
“ข้าเองก็รู้สึกคุ้นๆเช่นกัน…ยิ่งมองข้ายิ่งรู้สึกว่าเคยเห็นมันมาก่อนที่ไหนแน่ๆ ติดอยู่ที่ปากเท่านั้น!”
“งั้นข้าก็ไม่ได้คุ้นหน้ามันคนเดียวสินะ…”
…
กลุ่มคนที่พึ่งมาถึง พยายามมองสำรวจต้วนหลิงเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้า หลายคนรู้สึกคุ้นหน้าต้วนหลิงเทียน ทว่าครุ่นคิดจนคิ้วย่นเป็นปมสักพักก็ยังนึกกันไม่ออก
“ฮ้า! ข้าจำได้แล้ว!”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงอุทานหนึ่งดังขึ้น ทำให้คนรอบๆสะดุ้งตกใจทันที
และทันใดนั้นทุกสายตาก็หันไปมองจ้องผู้ที่โพล่งดังออกมา
ผู้ที่โพล่งออกมาเสียงดังเมื่อครู่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทุกคนหันมาสนใจแล้ว มันก็เชิดหน้ากล่าวออกเสียงดังฟังชัดว่า “มันคือต้วนหลิงเทียน!”
“ต้วนหลิงเทียน!!”
ทันทีที่ชายหนุ่มกล่าวนามนี้ออกมา ทุกคนก็ถึงกับเงียบไปทันที
หลังจากกนั้นไม่นานทุกคนก็ดึงสติกลับมาได้สำเร็จ ต่างหันไปมองศิษย์ที่แท้จริงที่ลอยร่างกลางฟ้าอยู่คนเดียวอีกครั้งด้วยสายตาจริงจัง
“ข้าจำได้แล้ว! เป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆ! ข้าเคยเห็นรูปเหมือนของมัน!!”
“ข้าก็นึกออกแล้วเช่นกัน! ข้าเคยเห็นรูปเหมือนต้วนหลิงเทียนเมื่อ 3 ปีก่อน มิน่าล่ะข้าถึงได้รู้สึกคุ้นหน้ามันนัก!”
“ข้าด้วย!”
“มันคือต้วนหลิงเทียนจริงๆหรือ! ไฉนถึงได้กลับมารวดเร็วนักเล่า ไม่ใช่ว่าท่านจ้าวลัทธิพึ่งออกแถลงการณ์ไปได้แค่ 3 วันหรือไร?”
…
ไม่นานผู้คนที่มาชมดูเรื่องราวก็จดจำต้วนหลิงเทียนได้หมด
“ว่าแต่ต้วนหลิงเทียนมีเรื่องราวบาดหมางกับรองจ้าวหอต่งด้วยหรือ?”
พอนึกถึงเสียงตะโกนอย่างดุร้ายก่อนหน้าต้วนหลิงเทียน บางคนที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ข้าก็ไม่แน่ใจนัก…แต่หากข้าจำไม่ผิด เหมือนต้วนหลิงเทียนจะเคยมีเรื่องกับต่งหลิน บุตรชายของรองจ้าวหอต่ง…แถมเรื่องนั้นนับว่าสร้างความบาดหมางให้ทั้งคู่ไม่น้อยเลยด้วย”
ยังมีคนที่พอจดจำเรื่องราวได้
“ต้วนหลิงเทียน!!”
ทันใดนั้นเองปรากฏเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดหนึ่งดังขึ้นจากด้านล่าง
ภายใต้สายตาที่หันไปจับจ้องมองของทุกคน ปรากฏร่างหนึ่งเหินทะยานขึ้นมาจากด้านล่าง ไม่นานก็หยุดค้างกลางหาวไม่ไกลจากต้วนหลิงเทียนเท่าไหร่ ยังจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง
“เป็นอาวุโสต่งหลิน!”
ทันทีที้ผู้มาใหม่มาถึง ทุกคนก็จดจำมันได้ทันที
ต่งหลิน อาวุโสเพลิงทองแดงของหอคุมกฏ บุตรชายของรองจ้าวหอคุมกฏ ‘ต่งหยวนจิ้น’
แทบไม่มีใครในหอคุมกฏไม่รู้จักมัน
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้หลงคิดไปว่าเพียงเพราะท่านจ้าวลัทธิเชิญเจ้ากลับมาแล้ว…เจ้าจะมีป้ายอาญาสิทธิ์ละเว้นโทษตาย!”
ต่งหลินมองจ้องต้วนหลิงด้วนด้วยสายตาดุร้าย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ประหนึ่งจะผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง!