ตอนที่ 1106 เตรียมตัว

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 1106 เตรียมตัว

หลังจากที่ปิซาร์โรกลับมาจากอู่ต่อเรือและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองเซี่ยเย๋

ฝ่าบาทต้องการให้เขาเข้าเฝ้า แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากยิ่งนัก ทว่าเรื่องที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือวันนี้มีเรือรบลำหนึ่งได้แล่นลงสู่น่านน้ำแล้ว

ในฐานะอดีตเค้านต์แห่งฝูหล่างจี บัดนี้เขาได้เป็นผู้รับผิดชอบอู่ต่อเรือเซี่ยเย๋ในต้าเซี่ย ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เข้ามาเป็นประชากรของต้าเซี่ย กลายเป็นหนึ่งในราษฎรของต้าเซี่ยไปแล้ว

เขาชื่นชอบที่นี่มากยิ่งนัก รู้สึกยินดีที่มีเรือรบขนาดใหญ่เช่นนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากการชี้นำของเขา

บัดนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเรือรบของตนถึงได้พ่ายแพ้ และเขาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าต่อให้องค์จักรพรรดินีส่งกองเรือรบที่แข็งแกร่งกว่าเดินทางมาก็ยังคงพ่ายแพ้ดังเดิม

เนื่องจากเรือรบระดับอู่เว้ยนี้ช่างแข็งแกร่งและน่ากลัวเสียเหลือเกิน !

ตัวเรือทำมาจากเหล็กหลอม มันจึงสามารถรองรับแรงจากกระสุนได้และมิจมอีกด้วย การยิงอันทรงพลังสามารถทำลายล้างศัตรูจากระยะไกลได้

ปืนบรรจุกระสุนหน้าลํากล้องนี้ก็มีเช่นกัน เพราะมันทำการบรรจุกระสุนได้ช้ามากยิ่งนัก

เรือรบของกองเรือฝูหล่างจีก็ใช้ปืนบรรจุกระสุนหน้าลํากล้องเช่นกัน ดังนั้นข้อบกพร่องนี้จึงมิสำคัญเท่าใดในมุมมองของปิซาร์โร

นี่คือกองทัพทหารเรือแห่งต้าเซี่ย หากว่าในตอนนั้นพวกเขามีประสบการณ์ด้านการออกรบในทะเลกว่านี้อีกสักหน่อย และหากว่าตนเป็นคนบังคับกองเรืออู่เว้ยทั้งหกนั้น เขาก็เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถโจมตีกองทัพไร้พ่ายได้อย่างง่ายดาย

บัดนี้การพัฒนาของทหารเรือต้าเซี่ยก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ภายใต้การฝึกฝนของเฮ้อซานเตาผู้บ้าคลั่งนั่น กองทัพเรือกองนี้ ก็เปรียบเสมือนฝันร้ายของศัตรู

บัดนี้ในมือของเขามีโครงร่างเรือรบที่แข็งแกร่งกว่าเดิมอยู่ มันมีชื่อเรียกว่าเรือพิฆาตติ้งหย่วนจี๋ หากเรียกว่าโครงร่างก็อาจจะดูมิเหมาะสมเท่าใดนัก เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่ภาพวาดที่จินตนาการขึ้นมา ทว่าภาพวาดนี้ปิซาร์โรกลับมองว่ามันเป็นแนวคิดที่มหัศจรรย์มากยิ่งนัก !

และภาพนี้ก็ถือกำเนิดขึ้นจากองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งต้าเซี่ย ปิซาร์โรเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าหากสามารถสร้างเรือรบออกมาตามแผนภาพนี้ได้แล้วล่ะก็ ทหารเรือของต้าเซี่ยจะมิมีประเทศใดในใต้หล้าเทียบเคียงได้อีก

ดังนั้นในวันนี้ที่ฝ่าบาทเชิญเขาไปที่เมืองเซี่ยเย๋ เขาจะต้องใช้โอกาสนี้ทูลถามฝ่าบาทเกี่ยวกับเรื่องเรือพิฆาตติ้งหย่วนจี๋ลำนี้ให้ได้

ปิซาร์โรนั่งรถม้ามุ่งหน้าไปทางเมืองเซี่ยเย๋

ในห้องส่วนตัวของร้านหม้อไฟที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงน้ำชาชุนยุน ฟู่เสี่ยวกวน หนิงซือเหยียน เฮ้อซานเตาและถังเชียนจวิน ได้นั่งกินหม้อไฟร่วมกัน

“จะว่าไปแล้ว รสชาติหม้อไฟของที่นี่เทียบกับร้านหม้อไฟที่ภรรยาของเจ้าเปิดขึ้น ณ เมืองกวนหยุนมิได้เลย ซานเตา…โจ่งหยูอยู่ที่ใดกัน ? ”

เฮ้อซานเตาจัดแจงอาภรณ์ จากนั้นก็นั่งหลังตรงพลางกระซิบตอบว่า “นางเดินทางไปยังเมืองต้าติ้ง เห็นว่าจะสร้างโรงงานเย็บปักถักร้อยขึ้นที่นั่นสักสองสามแห่งพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าช่างโชคดีเสียจริง สายตาด้านการค้าขายของคุณหนูหกตระกูลโจ่งนั้นยอดเยี่ยมยิ่ง อีกทั้งยังมีวิธีการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง… ไอหยา เจ้ามิกินหรือเยี่ยงไร ! ”

เฮ้อซานเตายังคงทำท่าทางงก ๆ เงิ่น ๆ เขารู้สึกละอายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มากยิ่งนัก แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงให้อภัยเขา ทว่าเขามิอาจให้อภัยตนเองได้

เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าการฝึกซ้อมกองทัพทหารนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การดูแลกองทัพที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้มิง่ายเลย เขายังมีข้อบกพร่องอยู่อีกมากเลยทีเดียว

หากมิใช่เพราะเขามัวแต่ใส่ใจเรื่องของการฝึกมากจนเกินไป ชีจ่างห้าวก่อเรื่องอวดดีเช่นนี้ขึ้น เขาจะมิรู้เรื่องเลยเชียวหรือ ?

หากว่าในวันนี้เขาเดินทางมาช้าไปสักหน่อย…เขามิอยากจะจินตนาการเลยว่าจะเกิดผลเสียใดตามมาในภายหลัง หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เขาเฮ้อซานเตาผู้นี้ แม้ว่าจะถูกสังหารไปแล้ว ทว่าหัวใจของเขาก็คงมิอาจสงบลงได้

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้สึกว่าความสามารถของกระหม่อมนั้นมีขีดจำกัด ทรงแยกกองทัพที่สามออกไปเถิด กระหม่อมมิค่อยรู้เรื่องราวอันใด ให้กระหม่อมดูแลแค่กองนาวิกโยธินก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าเอ่ยไร้สาระอันใดกัน ! พวกเราล้วนเดินทางออกมาจากเมืองเจี้ยนเหมินด้วยกัน ผู้ใดมิเคยทำผิดบ้างเล่า ? เมื่อรู้ว่าผิดก็ปรับปรุงแก้ไขเสีย ก่อนหน้านี้เจ้ามักจะไปที่หอชุ่ยหงมิใช่หรือ ? บัดนี้ได้ยินว่าเจ้ามิเคยไปที่นั่นอีกเลย นี่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ! ”

“ซานเตา เจ้าเปรียบเสมือนพี่น้องของข้า เป็นเหมือนกับที่ข้าเคยเอ่ยกับหยุนซีเหยียนและเยี่ยนซีเหวินเอาไว้ พี่น้องและสหายของข้ามีมิมาก ข้ามิต้องการสูญเสียพี่น้องไปเนื่องจากเรื่องนี้”

“กองทัพเรือที่สาม เจ้าจงดูแลดังเดิมเถิด เพียงแต่ต่อจากนี้เป็นต้นไปนอกจากการฝึกซ้อมแล้ว จงอย่าลืมให้การอบรมสั่งสอนด้านความคิดให้แก่ทหารเหล่านั้นด้วย…เจ้าต้องบอกให้พวกเขาเข้าใจว่า พวกเขามีหน้าที่คุ้มกันราษฎรในต้าเซี่ย มิใช่ทำตัวเกเรเยี่ยงนายท่านเจ็ด และทำเรื่องเดือดร้อนให้แก่ราษฎร สิ่งเหล่านี้มิใช่ข้อพึงปฏิบัติของทหารต้าเซี่ย จงไปยืนอยู่ต่อหน้าราษฎรแล้วแสดงออกอย่างหนักแน่นและจริงจัง วิธีการนี้จะช่วยให้ราษฎรในต้าเซี่ยมีความไว้วางใจทหารของต้าเซี่ยมากยิ่งนัก”

“ข้าคาดว่าผู้ที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้จะมีมิมากนัก มิเช่นนั้นกองพลที่หนึ่งก็คงจะเกิดจลาจลขึ้นแล้ว นี่คือบทเรียนระหว่างเส้นทางการเติบโต เพียงแต่บทเรียนนี้ค่อนข้างจะลึกซึ้งเท่านั้นเอง และข้าก็เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่านับจากนี้เจ้าจะมิทำผิดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ อีก”

“หากเป็นเช่นนั้น กองทัพเรือที่สามและกองนาวิกโยธินก็จะได้พบกับชีวิตใหม่ และได้กลายเป็นทหารผู้รับใช้ราษฎรอย่างแท้จริง มาเถิด ๆ พวกเราสนทนากันไปพอสมควรแล้วเชิญดื่มสุรา ! ”

ดวงตาของเฮ้อซานเตาเปล่งประกายขึ้นมาอีกครา ฝ่าบาทมิได้ตัดความสัมพันธ์กับเขาแม้จะเป็นเรื่องที่หนักหนาถึงเพียงนี้ พระองค์ยังคงเห็นเฮ้อซานเตาเป็นสหายและพี่น้องดังเดิม สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าฝ่าบาทช่างมีพระทัยที่ยิ่งใหญ่มากยิ่งนัก

ความมีน้ำใจของพ่อค้าที่ดินแห่งเมืองหลินเจียงต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง !

“ขอรับ กระหม่อมขอดื่มให้ฝ่าบาทหนึ่งจอก ! วางใจได้ กระหม่อมจะจัดการดูแลทหารเรือกองทัพที่สามและกองนาวิกโยธินให้เป็นกองทหารของต้าเซี่ยที่มีความจงรักภักดีมากที่สุด ! ”

ดวงตาของถังเชียนจวินก็ลุกวาวขึ้นเช่นกัน เขากังวลเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่าบาทจะทรงถือโทษเฮ้อซานเตา ดังนั้นเขาจึงเดินทางมาที่นี่

วัตถุประสงค์ที่เขาเดินทางมานั้นก็เพื่อจะเกลี้ยกล่อมฟู่เสี่ยวกวน เยี่ยงไรเสียเฮ้อซานเตาก็จงรักภักดีต่อฟู่เสี่ยวกวนมากยิ่งนัก อีกทั้งกองทหารที่เขาฝึกฝนก็ล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอดทั้งสิ้น

หากว่าเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ถังเชียนจวินรู้สึกเป็นกังวลมากยิ่งนักว่าจะมิมีผู้ใดยินยอมขึ้นรับตำแหน่งเป็นแม่ทัพของกองนาวิกโยธินและกองทัพเรือที่สาม เนื่องจากในหัวใจของทหารเหล่านั้น ต่างก็ยกย่องเชิดชูเฮ้อซานเตาอย่างถึงที่สุด

มองดูแล้วในบัดนี้ฝ่าบาทได้ไขข้อข้องใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระองค์ให้อภัยเฮ้อซานเตาอย่างใจกว้าง ถือว่าเป็นจุดจบที่ดีมากยิ่งนัก

“ซานเตา บัดนี้เรือรบที่สามารถออกรบได้มีทั้งสิ้นกี่ลำ ? ”

“ในวันนี้ได้ยินมาว่ามีเรือลำหนึ่งเพิ่งสร้างเสร็จ เช่นนั้น…กองทัพเรือที่สาม มีเรือรบทั้งสิ้น 12 ลำพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าจงเตรียมใจให้พร้อม ต่อจากนี้กรมสรรพาวุธจะขนส่งทรัพยากรมากมายมายังเซี่ยเย๋ ช่วงกลางเดือนสี่ทุกสิ่งอย่างจะถูกจัดเตรียมจนเสร็จสิ้น เจ้าจะต้องเตรียมตัวออกเดินทางไปในทะเล”

เฮ้อซานเตารู้สึกเบิกบานใจมากยิ่งนัก “สามารถออกไปแย่งชิงทรัพย์สมบัติได้แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน ผู้ที่เดินทางไปกับเจ้าหนึ่งในนั้นมีสมาชิกของกรมพิธีการด้วย การเดินทางในครานี้จะดำเนินไปตามแผนภาพที่ปิซาร์โรวาดขึ้น และประเทศที่พวกเราแล่นผ่าน กรมพิธีการจะเดินทางเข้าเยี่ยม หน้าที่ของเจ้าก็คือให้กองนาวิกโยธินปกป้องขุนนางจากกรมพิธีการให้ดี แต่หากมีประเทศใดมิลืมหูลืมตา…”

“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ผู้ใดที่มีพฤติกรรมเช่นนั้นกระหม่อมจะสังหารมันให้สิ้นซาก ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้โต้แย้งประโยคนี้ ซึ่งหมายความว่าเขาเห็นด้วย “การเดินทางในครานี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้าเซี่ยจะทำการลงนามการค้ากับบรรดาประเทศแถบชายฝั่ง ต้าเซี่ยจะทำการสร้างสถานทูตเอาไว้ในประเทศเหล่านี้ ดังนั้นแต่ละสถานที่จะจัดตั้งสถานทูตขึ้นมา เจ้าจะต้องประเมินความเสี่ยงให้ดี ให้ทหารจากกองนาวิกโยธินเข้าไปเผชิญหน้ากับศัตรู”

“การออกเดินทางครานี้ เรื่องของทหารเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนเรื่องการติดต่อระหว่างประเทศหยุนซีเหยียนจะเป็นผู้รับผิดชอบ”

“เจ้าหมอนั่นอยู่ในกรมการค้ามิใช่หรือ ? ”

“วัตถุประสงค์ของการเดินทางไปในครานี้ก็เพื่อทำการค้า หยุนซีเหยียนมีความเข้าใจในเรื่องลงนามการค้าอย่างลึกซึ้ง”

ทันใดนั้น หลิวจิ่นก็ได้นำตัวปิซาร์โรเข้ามาในห้อง ปิซาร์โรอ้าแขนทั้งสองข้างของตนเองออกด้วยท่าทางดีอกดีใจอย่างเปี่ยมล้น “ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ของกระหม่อม รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากยิ่งนักที่ได้พบท่านอีกครา ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มขึ้นแล้วยื่นมือออกไป “เชิญนั่งลงเถิด ปิซาร์โร มีปืนใหญ่ของกองทัพเรือรูปแบบใหม่กำลังลำเลียงมาจากแม่น้ำฉางเจียง คาดว่าอีกสองสามวันก็คงมาถึง เมื่อขนส่งมาถึงแล้ว เจ้าจงทดลองปืนนี้ด้วยตนเอง ข้าต้องการอ่านรายงานการทดลองของเจ้า”