ตอนที่ 748 ค่ายฝึก

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 748 ค่ายฝึก
อันเดรวิชรู้ว่าเยี่ยเทียนเคยขึ้นชกให้ต่งเซิงไห่บนเรือสำราญควีนอลิซาเบธ ส่วนคู่ต่อสู้เป็นถึงอันดับหนึ่งของโลก แอนโทนี มาร์คัส เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องไม่ธรรมดา

การที่เยี่ยเทียนมาถึงรัสเซียในช่วงเวลาที่ค่อนข้างอ่อนไหวแบบนี้ อันเดรวิชแทบไม่ต้องเดาเลยว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับต่งเซิงไห่เป็นแน่ ที่จริงเขาเองก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ตลอด

“เพื่อน คุณออกจากวงการนี้แล้ว อย่าพลัดหลงเข้ามาอีกเลยนะ” เยี่ยเทียนส่ายหัวและพูดว่า “ผมอยากมาเที่ยวหาคุณ แล้วก็ดื่มแสดงความยินดีให้กับพวกคุณเท่านั้น…”

เดิมทีเยี่ยเทียนมาหาอันเดรวิช ก็เพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับค่ายไซบีเรีย เพราะเขาเคยเป็นครูฝึกที่นั่นมาก่อน คงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับอันเดรวิชอีกแล้ว

แต่พอเห็นเลเยฟน่ากำลังตั้งครรภ์ เยี่ยเทียนเปลี่ยนใจทันที

“ไม่ เยี่ยเทียน เรื่องของต่งผมไม่ยุ่งแน่ ๆ แต่การที่คุณมาหาผม ต้องบอกผมก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ? ”

อันเดรวิชยังคงยืนยันและพูดแทรกขึ้นมาว่า “คนจีนแบบพวกคุณจะมีคำหนึ่งว่าไร้เรื่องร้อนใจ ไม่ไปวัด เยี่ยเทียน คุณต้องเจอปัญหาอะไรแน่ ๆ ! ”

“โห คำของจีนเผยแพร่มาไกลขนาดนี้เชียวรึ ? ”

เยี่ยเทียนกรอกตากับสิ่งที่ได้ยิน ทำตัวไม่ถูกแล้วจึงพูดออกไป “ก็ได้ ผมอยากรู้สถานการณ์ของค่ายไซบีเรีย คุณบอกผมได้มั้ย ? หลานของเหล่าต่งถูกคนจับไปขังไว้ที่นั่น ผมมาก็เพราะเขา ! ”

ถึงแม้เยี่ยเทียนมั่นใจว่าจะช่วยต่งต้าจ้วงได้ แต่เขาต้องรู้ที่ซ่อนตัวของต่งต้าจ้วงก่อน ไม่อย่างนั้น ถึงแม้จะมีวิชาทะลวงฟ้าสวรรค์ เขาก็ไม่สามารถพาต่งต้าจ้วงออกจากรัสเซียได้

“ที่แท้เป็นคนหนุ่มคนนั้นนั่นเอง ? ”

อันเดรวิชครุ่นคิดไปครู่หนึ่งพูดว่า “เยี่ยเทียน ค่ายไซบีเรีย เดิมทีเป็นรวมเป็นหนึ่งเดียว ต่อมาถูกแบ่งเป็นหลายเขต คุณรอผมสักครู่ เดี๋ยวผมไปหยิบแผนที่แล้วบอกคุณอีกที ! ”

แม้แต่ประเทศที่ภักดียังแตกสลาย นับประสาอะไรกับอันเดรวิช เขาไม่มีทางปิดบังเรื่องราวในค่ายแน่นอน ที่สำคัญ หลายปีที่ผ่านมา ค่ายไซบีเรียกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกแล้ว

ตอนที่ลงมาจากชั้นสอง ในมือของอันเดรวิชมีแผนที่เพิ่มมาหนึ่งแผ่น เขากางมันบนโต๊ะ และชี้ไปตรงวงกลมสีแดงพูดว่า “ค่ายไซบีเรียในปัจจุบัน แบ่งออกเป็นทั้งหมดสี่เขต…”

ค่ายไซบีเรียในสมัยก่อน อดีตสหภาพโซเวียตใช้สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่หนาวเย็นของที่นี่ เอาไว้ฝึกกองกำลังพิเศษทหารเท่านั้น

“สเปซนาซ” ของอดีตสหภาพโซเวียต “หน่วยซีล” ของสหรัฐฯ และ “กองทัพคอมมานโด” หน่วยพิเศษของอังกฤษ ล้วนแต่เป็นกองกำลังพิเศษทางทหาร

อย่างไรก็ตามหลังจากการสลายตัวของอดีตสหภาพโซเวียตอันเนื่องจากเงินทุนและเหตุผลหลายประการ ค่ายฝึกไซบีเรียก็ถูกแยกออกจากกัน

เพื่อรักษาค่ายฝึกให้คงอยู่ พวกเขาได้จัดให้มีการฝึกฝนแบบพิเศษ เช่นเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เจ้าหน้าที่จารกรรม นักสู้ใต้ดิน และการปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย ฯลฯ ได้กลายเป็นเป้าหมายการฝึกของพวกเขาไปแล้ว

หลังจากที่ฟังอันเดรวิชอธิบายเสร็จ เยี่ยเทียนพูดว่า “คุณแค่บอกผมว่าค่ายที่ฝึกนักมวยใต้ดินอยู่ตรงไหนก็พอ”

เยี่ยเทียนรู้ว่าค่ายฝึกนักมวยใต้ดินของไซบีเรียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในเวทีมวยใต้ดินของมอสโคว ซึ่งค่ายฝึกอื่น ๆ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเวทีมวยใต้ดินเลย ดังนั้นต่งต้าจ้วงจึงถูกนำไปขังในค่ายฝึกมวยใต้ดิน

“อยู่ตรงนี้ ห่างจากที่เราอยู่ตรงนี้ประมาณสามสี่ร้อยกิโล ! ”

อันเดรวิชชี้ไปที่แผนที่และพูดว่า “ที่นี่หิมะไม่เคยละลาย ด้านหลังเป็นภูเขาทิศเหนือ สภาพแวดล้อมค่อนข้างโหดร้าย เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการฝึกนักมวยมาก ! ”

อันเดรวิชถอนหายใจ เมื่อเห็นเยี่ยเทียนจ้องไปที่ตำแหน่งนั้นอย่างไม่ละสายตา และพูดว่า “เยี่ยเทียน ผมรู้ว่าคุณเก่งมาก แต่คุณไม่รู้ คนที่อยู่ในค่าย ตั้งแต่ครูฝึกจนถึงนักเรียน ทุกคนเหมือนคนบ้า คุณไปคนเดียวไม่ได้ ! ”

อันเดรวิชเคยอยู่ในค่ายฝึกมวยใต้ดินมาก่อน ไม่มีใครรู้จักที่นั่นเท่ากับเขาอีกแล้ว ในค่ายฝึกนั้นมีการแบ่งแยกเฉพาะคนเป็นกับคนตายเท่านั้น ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับความเคารพเลย

ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่เพียงแต่นักเรียนที่ไม่ได้สนใจชีวิตของตัวเอง แม้แต่ครูฝึกเองก็มีจิตใจที่ผิดแผก พวกเขามีแต่ความคิดอยากจะส่งนักเรียนทุกคนไปสู่นรก จึงเป็นที่มาของอัตราการตายในค่ายนี้มีแต่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เคยลดลง

อันเดรวิชรู้ว่าเยี่ยเทียนเก่งมาก แต่ถ้าต้องเผชิญกับคนบ้าพวกนี้ ความกล้าหาญไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ ถ้าครูฝึกออกคำสั่ง คนพวกนั้นจะต้องอุ้มระเบิดออกมาและตายไปพร้อม ๆ กับเยี่ยเทียนเป็นแน่

เดาได้เลยว่า พวกกลุ่มก่อการร้ายที่ฝึกให้คนยอมเป็นระเบิดพลีชีพ จะต้องเชิญครูฝึกจากค่ายนี้ไปแน่นอน เพราะมีบางกลุ่มพูดอยู่เสมอว่าค่ายไซบีเรียเป็นแหล่งกำเนิดของการก่อการร้าย

“บอสส์ คุณอันเดรวิชพูดถูก ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเลยว่าต่งต้าจ้วงอยู่ที่นั่นจริงหรือไม่ รออีกสักหน่อยน่าจะดีกว่านะครับ ! ”

มาลาไกย์ที่เงียบตลอดบทสนทนา แสดงสีหน้าความเป็นห่วงและพูดว่า “เดี๋ยวผมไปเร่งทางนั้นอีกที ลองดูว่าได้รับข้อมูลที่แน่ชัดมาหรือไม่ รอมีข้อมูลกันก่อน ค่อยลงมือก็ไม่สายนะครับ ! ”

เยี่ยเทียนคิดไปครู่หนึ่งพูดว่า “ก็ได้ แต่เร็ว ๆ นะ ผมรับปากเหล่าต่งไว้แล้ว ถ้าหาหลานเขาไม่เจอ เขาคงไม่สามารถอยู่ต่อได้อีก ! ”

ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เยี่ยเทียนไม่ได้อยากยุ่งกับคนพวกนั้นเลย เพราะสนามมวยใต้ดินกับค่ายฝึกของที่ต่าง ๆ ล้วนมีความสันพันธ์ที่ซับซ้อนมาก ถ้าไปฆ่าฟันกันตรงนั้น ก็เท่ากับเป็นปฏิปักษ์ต่อมวยใต้ดินทั้งหมด

“บอสส์ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ คืนนี้ผมจะเอาคำตอบมาให้ได้ ! ” มาลาไกย์ยกวอดก้าตรงหน้าขึ้นดื่ม เช็ดปากเสร็จก็ลุกขึ้น เขาต้องไปสืบข้อมูลที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

“เยี่ยเทียน คุณต้องการให้ผมทำอะไรบ้าง ? ” หลังจากมาลาไกย์เดินออกไป อันเดรวิชมองเยี่ยเทียน

“คุณรู้ดีว่าผมไม่ต้องการให้คุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

เยี่ยเทียนยืนยันในคำของตัวเองและมองอันเดรวิช “แบบนี้ก็แล้วกัน คุณช่วยผมสืบดูหน่อยว่า ค่ายฝึกนักมวย ทำไมถึงช่วยฟรุสจัดการคนของเหล่าต่ง ? ”

หลังจากที่ได้พบกับแก๊งค์มาเฟียรัสเซียของท็อกนาโฮโนฟแล้ว เยี่ยเทียนมั่นใจเลยว่า ถ้าไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือจากค่ายฝึกมวยใต้ดินกับผู้มีอำนาจบางคน คนพวกนั้นไม่สามารถขับไล่สมาคมหงเหมินออกจากมอสโควได้แน่

“ไม่มีปัญหา ผู้อาวุโสในค่ายบางคน ยังคงไว้หน้าผมอยู่บ้าง”

หลังจากได้ยินคำขอของเยี่ยเทียน อันเดรวิชรู้สึกโล่งใจ เขาใช้ชีวิตอย่างสงบมานานมาก เขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายพวกนั้นอีก

อันเดรวิชไม่ต้องการเปิดเผยที่อยู่ของตัวเอง หลังจากร่ำลาภรรยาเสร็จ เขาก็ขับรถออกจากหมู่บ้านไปเลย

หลังจากอันเดรวิชออกไปแล้ว เลเยฟน่าออกมาจากห้องครัว พร้อมกับจานสลัดที่ปรุงเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้มีแขกเหลืออยู่แค่คนเดียวก็คือเยี่ยเทียน

“เยี่ยเทียน สามีของฉันจะเป็นอะไรมั้ย ? ”

ดวงตาของเลเยฟน่าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง อันเดรวิชไม่เคยปิดบังชีวิตในสมัยก่อนของเขา ดังนั้นเลเยฟน่าจึงรู้สึกกลัวมาก เธอกลัวว่าสามีจะจากเธอกับลูกไปแบบไม่กลับมาอีก

“ผมสัญญา เขาต้องไม่เป็นอะไรครับ ! ” เยี่ยเทียนมองผู้หญิงรัสเซียคนนี้อย่างรู้สึกผิด

“เขาจะอยู่จนลูกของพวกคุณมาเกิด และแก่ไปพร้อม ๆ กับคุณ ! ”

รอยยิ้มของเยี่ยเทียนทำให้เลเยฟน่าโล่งใจ ความเหน็ดเหนื่อยทำให้เธอหลับตรงโซฟาอย่างไม่ทันรู้ตัว

“ชีวิตเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์จริง ๆ ! ” เยี่ยเทียนป้อนปราณแท้เข้าสู่ร่างกายของเลเยฟน่า เขาสัมผัสได้เลยว่า ในร่างของผู้หญิงคนนี้ มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังเติบโต

เยี่ยเทียนลุกขึ้นและเปิดประตูออกไป เขาเดินเล่นในหมู่บ้านที่มีชาวต่างชาติน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะอันเดรวิชได้บอกทุกคนไว้แล้ว ทำให้เยี่ยเทียนไม่พบเจอปัญหาใด ๆ เลย

เมื่อมาถึงทะเลสาบไบคัลสกีซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกและใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยเทียนมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของชาวประมง เขาสัมผัสได้ถึงความสุขที่เรียบง่ายของพวกเขา

“คุณลุงเฉิน ผมเยี่ยเทียนครับ ! ”

เยี่ยเทียนหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมที่แม่จัดไว้ให้ และโทรไปหาเฉินสี่ฉวน การส่งคน ๆ หนึ่งมาถึงที่แบบนี้ เยี่ยเทียนมีความรู้สึกผิดเล็กน้อย

“เยี่ยเทียน ยอมโผล่หน้ามาแล้วเหรอ ? ”

เสียงของเฉินสี่ฉวนเต็มไปด้วยความดีใจ “เงินก้อนนั้นเข้าบัญชีแล้วนะ ตอนนี้ฉันกำลังซื้ออุปกรณ์อยู่ที่เยอรมัน น่าจะต้องใช้เวลาอีกสองเดือน ก็จะเริ่มขุดเจาะได้แล้ว เธอก็รู้นี่ว่าในไซบีเรียมีเวลาขุดเจาะแค่ห้าเดือนเท่านั้น ! ”

ก่อนหน้านี้เยี่ยเทียนให้เฉินสี่ฉวนพาคนทั้งบ้านออกไปเที่ยว เฉินสี่ฉวนที่กำลังจะไปเยอรมันก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเตรียมการเพื่อขุดเจาะ

ช่วงฤดูหนาวของไซบีเรีย แทบจะปฏิบัติงานด้านนอกไม่ได้เลย ฉะนั้นเฉินสี่ฉวนที่ยุ่งมากเป็นพิเศษ ก็เพื่อที่จะเริ่มขุดเจาะสักหน่อยก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง

“ว่าแต่ อวิ๋นหวาถงติดต่อฉันอีกแล้ว” จู่ ๆ เฉินสี่ฉวนก็นึกถึงเรื่องหนึ่งพูดว่า “เขาจะซื้อเหมืองทองคำด้วยเงินสี่หมื่นล้าน เยี่ยเทียน ฉันจะตอบยังไงดี ? ”

“ลุงเฉิน ลุงเคยบอกไม่ใช่เหรอว่า เหมืองทองคำนั่นมีมูลค่าแค่สามหมื่นล้าน ? ” เยี่ยเทียนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับอึ้ง

“ก็ใช่ไง ลุงว่ามันแปลก ๆ หรือพวกเราคาดการณ์ผิดไป มูลค่าที่แท้จริงอาจจะมากกว่าสามหมื่นล้าน ? ”

เฉินสี่ฉวนเริ่มงง แต่เหมืองทองคำอันนี้ไม่ใช่ของเขาคนเดียว เฉินสี่ฉวนจะตัดสินใจเองไม่ได้แล้ว เขาถึงได้มาถามความเห็นของเยี่ยเทียนก่อน

“เอาไว้ก่อนครับลุงเฉิน สองเดือนนี้ลุงอยู่เยอรมันไปก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที ! ”

เยี่ยเทียนเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เหมืองทองคำนั่นจะต้องมีสิ่งที่ติงหงต้องการแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกตัวยอมซื้อเหมืองด้วยราคาสูงขนาดนั้น

“ความสามารถมีไม่เท่าคนอื่น รู้สึกแย่จริง ๆ ” สิ่งของที่ทำให้ติงหงสนใจได้ จะต้องเป็นของที่ไม่อาจตีเป็นมูลค่าได้ ตอนนี้เยี่ยเทียนรู้สึกคันเหมือนโดนแมวข่วน มันรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก