เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1323

ปัญหาที่ยังคิดไม่ตกในขณะนี้ ลู่ฝานก็หยุดที่จะคิดไปก่อน

ลู่ฝานนำแผ่นเหล็กขึ้นมา ตรวจดูความลี้ลับของวิชานี้โดยละเอียด

วิชาชิงวิญญาณในส่วนครึ่งแรกก็จะไม่ไปพูดถึงแล้ว อย่างมากก็แค่สยบจิตญาณเท่านั้น

แต่วิชาดับวิญญาณในส่วนครึ่งหลัง กลับทำให้ลู่ฝานรู้สึกแปลกประหลาดใจ

ที่จริงแล้วยังสามารถฝึกฝนวิชาแบบนี้ได้ด้วย!

ต้องพูดเลยว่า ในเส้นทางการฝึกฝนบู๊ของนักบู๊ผู้ฝึกชั่วร้ายนั้น ต่างก็พยายามอย่างที่สุดเพื่อคิดหาวิธีทางลัด

เพียงแค่สามารถทำให้วิชาเพิ่มขั้นพลังความสามารถขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะส่งผลร้ายกับคนอื่นมากแค่ไหน พวกเขาก็คิดออกมาได้ทั้งนั้น

ตัวอย่างเช่นวิชาดับวิญญาณ นั่นคือการกลืนกินจิตญาณของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อมายกระดับพลังความสามารถของตนเอง เพื่อบรรลุเป้าหมายให้แข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว

พูดอย่างง่ายว่า วิชาชุดนี้เป็นแบบนี้

เริ่มใช้วิชาชิงวิญญาณทำให้คนตื่นตระหนก ให้อีกฝ่ายหนึ่งเคลื่อนไหวไม่ได้ แล้วจิตญาณก็จะสั่นไหว ปราศจากสิ่งคุ้มกัน จากนั้นก็ใช้วิชาดับวิญญาณกลืนกินจิตญาณของอีกฝ่ายหนึ่ง

วิชานี้ มันช่างโหดเหี้ยมอย่างที่สุดเสียจริง

ลู่ฝานต้องการที่จะดูให้ดีว่า วิชาชุดนี้สามารถฝึกฝนได้หรือไม่ จำพวกไหนที่สามารถนำมาใช้งานได้ จำพวกไหนที่ดูและทำความเข้าใจแล้วก็เป็นพอ

เผื่อวันหลังหากเผชิญหน้ากับผู้ฝึกชั่วร้ายที่ฝึกฝนวิชาเหล่านี้ ก็ยังเตรียมรับมือได้บ้าง

วิชาหนึ่งชุด ได้มีการจดบันทึกไว้สิบกว่าประเภท เกี่ยวกับวิธีทำลายจิตญาณของอีกฝ่ายหนึ่ง รวมไปถึงที่หลินหย่าฝึกฝนด้วย ที่เป็นการผนึกจิตญาณทำให้ร่างกายแข็งทื่อ รวมถึงวิธีที่มีพลังการสังหารอันน่าสะพรึงกลัวอีกสิบกว่าประเภท

อาทิเช่น ทำให้คนเกิดภาพหลอน ทำให้ประสาทสัมผัสทั้งหกของคนสูญสิ้นไป เป็นต้น

ลำพังแค่วิชาเหล่านี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ลู่ฝานเพิ่มพูนความรู้ขึ้นไม่น้อยแล้ว

เดิมทีเขาคิดว่าการโจมตีด้วยวิญญาณ ก็คือการสยบจิตใจที่ไม่น่าตื่นเต้นอะไร คิดไม่ถึงว่า กลยุทธ์ภายในวิชาเหล่านี้ จะมีมากมายขนาดนี้ เป็นการเปิดประสบการณ์รับรู้สิ่งใหม่ให้กับเขามากทีเดียว!

ใบหน้าของลู่ฝานเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ดูแล้วดีใจยิ่งนัก

ที่ด้านข้าง หลินหย่ามองไปที่ลู่ฝานโดยไม่นึกว่าเขาจะมองดูอย่างถูกอกถูกใจ จึงอดไม่ได้ที่จะสอบถามขึ้นว่า: “ลู่ฝาน ตอนนี้นายสามารถฝึกฝนวิชานี้ได้เหรอ? ”

ลู่ฝานมองไปที่หลินหย่า โดยที่ไม่ได้ตอบอะไร

ในขณะนั้นเอง เสียงของหานอู๋ซวงก็ดังขึ้น

“ลู่ฝาน นายยังฝึกฝนอยู่ใช่ไหม? มีคนมาหานายแล้ว”

ลู่ฝานนำแผ่นเหล็กส่งคืนให้กับหลินหย่า แล้วลุกขึ้นมองไปยังระยะไกล

ไม่นานนัก หานอู๋ซวงกับเงาร่างหนึ่งที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า

องค์ชายรองฉินฝาน เดินกะเผลกเข้ามา ยิ้มและพูดว่า: “พี่ลู่ฝาน ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะ! ”

ลู่ฝานเดินเข้าไปต้อนรับ โค้งคำนับและพูดว่า: “องค์ชายรอง ทำไมท่านถึงมาหาฉันล่ะ”

หลินหย่าเห็นองค์ชายรองฉินฝาน ก็ตกใจและส่งเสียงฮึขึ้น แล้วก็สะบัดมือเดินจากไป

ฉินฝานมองเห็นก็รู้สึกแปลกใจ จึงสอบถามขึ้นว่า: “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน”

หานอู๋ซวงตอบขึ้นอย่างผะอืดผะอมว่า: “เตี้ยนเซี่ย เธอก็คือหลินหย่า ท่านเองก็น่าจะรู้จักเธอ ซึ่งมีนิสัยที่ค่อนข้างหยิ่งยโส”

“หลินหย่า? ”

ฉินฝานตกใจอย่างมาก แล้วชี้ไปยังเงาหลังของหลินหย่าที่กำลังเดินจากไปพูดว่า: “พวกนายไม่ได้โกหกฉันหรอกนะ หลินหย่าเป็นผู้หญิง? ”

ลู่ฝานยิ้มและพูดว่า: “เตี้ยนเซี่ย ตอนที่ฉันรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง ก็มีท่าทางเช่นเดียวกับท่าน”

ฉินฝานพูดขึ้นขณะที่ยังคงตกใจอยู่ว่า: “ไอ้หยา ในฐานะที่เป็นผู้หญิงแล้วสามารถเข้าถึงรอบสี่คนสุดท้ายได้ ถือว่าเก่งกาจไม่เบาเลย มีอารมณ์รุนแรงบ้างก็สมควรอยู่หรอก อืม สมควร! ”

ขณะที่พูด ในดวงตาของฉินฝาน ก็ประกายแสงที่ผิดปกติขึ้น

หานอู๋ซวงกับลู่ฝานจ้องสบตากัน สายตาแบบนี้ขององค์ชายรองฉินฝาน เหมือนจะถูกใจหลินหย่าคนนี้เข้าให้แล้ว

ลู่ฝานไอเล็กน้อยและพูดว่า: “ที่เตี้ยนเซี่ยมาในวันนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ? ”

ฉินฝานเก็บสายตาดังกล่าวขึ้นและพูดว่า: “พี่ลู่ฝานอ่า วันนี้ที่พระราชวังมีจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เพื่อต้อนรับการมาถึงของธิดาเทพแห่งประเทศเป่ยเสิน ฉันจึงมาเชิญพี่ลู่ฝานโดยเฉพาะ ใช่แล้ว ยังมีคุณหลินหย่าด้วย รวมถึงเจ้าบ้านหานให้ไปร่วมงานเลี้ยงพร้อมกันที่บริเวณสระเหยา! ”