พลังต่อสู้ที่หวังเป่าเล่อใช้ออกมาเมื่อครู่สามารถสังหารลั่วจือผู้มีพลังฝึกตนอยู่ในดารานิรันดร์ระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ภายในสามอึดใจ ความแข็งแกร่งเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนตื่นตัว
ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะมีกันหลายสิบคน แต่หากให้โจมตีพร้อมกันจริงๆ ก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีโอกาสสังหารเขาได้ เห็นได้ชัดมากว่า…ถึงจะสังหารได้จริงๆ ก็คงมีพวกเขาบางส่วนต้องตกตายอยู่ที่นี่
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่มหาศิษย์ชั้นยอดสุดของสำนักฉันปราณ ทว่าแต่ละคนก็มีโอกาสวาสนาและโชคแตกต่างกันไป ยิ่งกว่านั้นคือมีความกระหายและคาดหวังต่ออนาคต แล้วจะยินดีวางเดิมพันชีวิตไว้ที่นี่ได้อย่างไร
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ…แม้ว่าจะวางเดิมพันแล้วก็อาจสังหารหวังเป่าเล่อไม่ได้ อย่างไรเสียชื่อเสียงด้านการเข้าข้างคนของตัวเองของปรมาจารย์แห่งไฟก็แพร่ไปทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น และท้ายที่สุด ผู้อาวุโสของสำนักที่คุ้มกันพวกเขามาที่นี่ครั้งนี้ก็มีพลังต่อสู้ไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาชนะปรมาจารย์แห่งไฟได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ พวกเขาคงไม่อัดอั้นขนาดนี้หรอก ดังนั้นตอนนี้ความโกรธเกรี้ยวจึงได้แผ่ซ่านออกมา ถึงแม้คำยั่วยุของหวังเป่าเล่อจะดังเข้าหู แต่ทุกคนก็ไม่ได้ลงมือ
“ทำไม เข้ามาพร้อมกันก็ไม่กล้าหรือ” เมื่อเห็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็เลิกคิ้วแล้วผุดยิ้ม เขามีความคิดจะให้อีกฝ่ายลงมือพร้อมกันจริงๆ ในเมื่อตนได้สังหารศิษย์คนหนึ่งของอีกฝ่ายไปแล้ว เช่นนั้นถ้าจะให้ดีที่สุด…ก็ตัดรากถอนโคนไปเลย อย่าให้อีกฝ่ายมีโอกาสลอบโจมตีตนตอนอยู่ในบริเวณอวกาศสีเทาได้
ขณะเดียวกัน สำนักและตระกูลจากจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นในที่นี้ก็มีอยู่มากมาย ถึงแม้การวางอำนาจของตนจะทำให้เผยพลังและไพ่ลับส่วนหนึ่งออกมา แต่ข้อดีก็มีมากเช่นกัน มันใช้สยบผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ได้ ทำให้เมื่อตนเข้าไปในบริเวณสีเทาแล้วจะราบรื่นอย่างที่สุด
ส่วนที่ว่าจะชนะหรือไม่ จุดนี้หวังเป่าเล่อไม่กังวล เขามั่นใจในตนเอง ต่อให้จำนวนของฝ่ายตรงหน้าจะไม่น้อย แต่ก็ยังมั่นใจว่าสามารถสังหารครึ่งหนึ่งได้ และสามารถทำให้บาดเจ็บสาหัสทั้งหมดได้เช่นกัน
“อย่างไรเสียข้างหลังของข้าก็มีอาจารย์ ข้างในมีศิษย์พี่ผู้ไร้พ่าย แล้วข้าจะกลัวอะไร” เมื่อคิดถึงตรงนี้ พลานุภาพของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ยกมือขวาคว้าจับอากาศ ทันใดนั้นอาวุธเทพก็ปรากฏ มันถูกเขาจับเอาไว้ในมือแล้วยกขึ้นชี้ไปยังเหล่าศิษย์บนระฆังสีดำของสำนักฉันปราณ
“สำนักฉันปราณเป็นไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาเช่นนี้หรอกหรือ อยากสู้ก็ไม่กล้าสู้ เจ้าหนูทั้งหลาย รีบพูดจาดีๆ กับพ่อเจ้าหน่อยเร็ว”
เมื่อหวังเป่าเล่อเอ่ยคำพูดออกไป เส้นเลือดบนหน้าผากศิษย์ของสำนักฉันปราณเหล่านี้ก็ปูดโปน ส่วนชายชราผู้นั้นที่ถูกปรมาจารย์แห่งไฟบีบให้ล่าถอยก็มีจิตสังหารส่องวาบอยู่ในตาทันที จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นโดยพลัน
“โอหังนัก ในเมื่อขอให้เข้าไปพร้อมกัน เช่นนั้นพวกเจ้ายังรออะไรอยู่เล่า!” เมื่อเอ่ยออกไป สองมือของชายชราผู้นี้ก็ผนึกมุทรา ทันใดนั้นระฆังหมอกดำก็สั่นไหวขึ้นมาแล้วหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ จากนั้นก็พุ่งไปยังท้องฟ้าด้านบนแล้วแผ่พลังกดดันออกมา
นี่คือการขัดขวางการต่อสู้ เมื่อหวังเป่าเล่อไม่อาจสู้ได้ ปรมาจารย์แห่งไฟย่อมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมกันนั้นศิษย์สำนักฉันปราณพวกนั้นก็พากันคำรามเสียงต่ำหลังจากจบคำพูดของชายชรา พริบตาเดียวก็กลายเป็นสายรุ้งยาวหลายสายส่งเสียงหวีดร้องไปหาหวังเป่าเล่อ
ในบรรคนเหล่านี้ ถึงแม้ครึ่งหนึ่งจะเป็นดาวพระเคราะห์ แต่ก็เป็นดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักร อีกทั้งไม่ใช่พวกธรรมดาสามัญ ล้วนแต่มีพลังที่สามารถต่อสู้กับระดับสูงกว่านี้ได้ พวกที่เหลือก็เป็นดารานิรันดร์ ถึงจะไม่มีระดับดารานิรันดร์ชั้นกลางขั้นสูงแบบลั่วจือผู้นั้น แต่ก็อยู่ห่างจากชั้นปลายเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น และยังมีดารานิรันดร์ชั้นกลางอีกสองสามคน กับดารานิรันดร์ชั้นต้นอีกหกคน
พลังดังกล่าวเพียงพอจะทำลายสำนักและตระกูลที่อยู่ต่ำกว่าระดับกลางได้แล้ว ถึงขั้นที่ถ้าหากเปลี่ยนให้ลั่วจือมาเผชิญหน้ากับพลังเช่นนี้ ร่างวิญญาณก็จะถูกทำลายสิ้นเช่นกัน
ตอนนี้เมื่อพวกเขาลงมือพร้อมกัน ทันใดนั้นก็ทำให้สำนักและตระกูลรอบๆ พากันจดจ้อง และยิ่งทำให้พวกมหาศิษย์เหล่านั้นสังเกตการณ์อย่างจดจ่อ ก่อนหน้านี้พลังที่หวังเป่าเล่อเผยออกมาตอนสังหารสามอึดใจก็ทำให้พวกเขาให้ความสนใจแล้ว ตอนนี้จึงอยากจะเห็นนักว่าหวังเป่าเล่อที่นิสัยโอหังเอาแต่ใจผู้นี้มีเคล็ดวิชาลับอื่นๆ อีกหรือไม่
ท่ามกลางสายตาของทุกคน พริบตาที่ศิษย์ทุกคนของสำนักฉันปราณพุ่งเข้าไปโจมตี หวังเป่าเล่อก็ยกยิ้มขึ้นฟ้า ร่างกายไม่ถอยหลังแต่กลับเข้าใกล้ ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าหา ร่างส่องวาบแล้วหายไปทันที ก่อนจะปรากฏตัวข้างๆ ศิษย์สำนักฉันปราณระดับดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรคนหนึ่งอย่างน่าตกตะลึง อาวุธเทพที่มือขวาฟันผ่านไปราวกับผ่าแยกผิวน้ำจนเกิดระลอกคลื่นอวกาศ
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังออกมา ศีรษะและลำตัวของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรขาดออกจากกันทันที เลือดพุ่งกระฉูด ศีรษะกระเด็นออกไป ร่างกายถูกเปลวเพลิงลุกโหมทันใด ศีรษะที่กระเด็นก็ยากจะหลบเลี่ยงเคราะห์ร้ายได้ มันประสบชะตากรรมเหมือนกับลำตัว เพียงชั่วพริบตาก็เผาไม้กลายเป็นเถ้าถ่าน รวมไปถึงวิญญาณเทพของเขาด้วยเช่นกัน
อึดใจเดียวก็สังหารไปแล้วหนึ่งคน!
เพียงแต่ศิษย์สำนักฉันปราณก็ไม่ใช่ธรรมดาสามัญ ขณะที่หวังเป่าเล่อสังหารไปคนหนึ่ง คนอื่นๆ ก็ลงมือพร้อมกันภายใต้การชี้นำของดารานิรันดร์สองสามคนนั้น พริบตาเดียวกระบวนเทพและอาวุธเวทแต่ละอย่างก็ระเบิดออกมาทันที ก่อนก่อตัวเป็นประกายแสงเจิดจรัสราวกับคลื่นยักษ์มโหฬารแล้วเข้าไปห่อหุ้มตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้
พลังของทุกคนรวมกัน ทันทีที่การโจมตีครั้งนี้แสดงอานุภาพออกมา แม้หวังเป่าเล่อจะไม่ตาย แต่ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่ ทว่าท่ามกลางสายตาจดจ้องไม่หันเหของทุกคน และขณะที่แสงจากพลังเทพอันเจิดจรัสเหล่านั้นกำลังจะปกคลุมร่างกายของหวังเป่าเล่อ หวังเป่าเล่อที่เหมือนจะไม่มีทางถอยหนีและคล้ายไม่อาจหนีพ้นได้ ก็หัวเราะเบาๆ ออกมาในตอนนั้น
เมื่อเสียงหัวเราะนี้ดังขึ้น ร่างกายของเขาก็สะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมาเองแล้วระเบิด นี่ไม่ใช่การระเบิดตัวเอง แต่เขาแยกเป็นสิบร่าง ก่อเกิดเป็นร่างแยกทั้งสิบ กระจัดกระจายพุ่งไปยังทั่วทั้งสี่ทิศ
ถ้าเพียงเท่านั้นอาจจะไม่ทำให้คนที่เฝ้ามองอยู่รอบๆ ตกตะลึงได้ แต่ไม่นาน…พริบตาที่หวังเป่าเล่อกลายเป็นร่างแยกสิบร่าง ร่างแยกทั้งสิบของเขาก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง แต่ละร่างกลายเป็นไอหมอกพุ่งกระจายไปยังทั่วทุกทิศทางด้วยความเร็วสูงและขอบเขตกว้างขวางยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเป็นเช่นนี้ มันจึงดูคล้ายกับตาข่ายยักษ์ที่ทำให้พลังของกระบวนเวทที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังเทพของศิษย์สำนักฉันปราณทุกคนเป็นเสมือนกับคลื่นยักษ์มหึมาซัดผ่านช่องว่างของตาข่ายยักษ์นี้ไปตรงๆ
ภาพนี้ทำให้ดวงตาของทุกคนหดเกร็ง ศิษย์เหล่านั้นของสำนักฉันปราณก็หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ในหมู่พวกเขา ดารานิรันดร์ชั้นกลางสองสามคนที่มีพลังฝึกปรือสูงที่สุดรีบคำรามเสียงต่ำทันที
“ทุกคนระวัง!”
เขาเพิ่งจะเอ่ยออกมาคำพูดก็ดังไปทั่วทุกทิศแล้ว ไอหมอกที่ระเบิดมาจากร่างแยกของหวังเป่าเล่อสั่นไหวแล้วพลิกม้วนทันที มันหวีดร้องมายังศิษย์สำนักฉันปราณ ความเร็วของมันทำให้แม้ว่าทุกคนในสำนักฉันปราณจะพยายามหลบหลีก แต่ดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรเหล่านั้นกลับหลบไม่ทันแล้ว
พริบตาเดียว ไอหมอกจากหวังเป่าเล่อก็แทรกเข้าไปในร่างของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรเหล่านี้ผ่านทางทวารทั้งเจ็ด จากนั้นเสียงร้องโหยหวนและร่างกายก็เหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีเสียงปริแตกพังทลายดังตามมาเป็นชุดๆ!
ราวกับมีดอกไม้โลหิตสิบกว่าดอกผลิบานอยู่ในอวกาศ!
ศิษย์สำนักฉันปราณที่ถูกไอหมอกของหวังเป่าเล่อแทรกซึมเข้าไปร่างแตกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นจนหมด ภายในเศษเลือดเนื้อที่กระจัดกระจายไปทั่วนั้น ไอหมอกได้รวมตัวกันอย่างรวดเร็วแล้วก่อตัวเป็นร่างกายทั้งสิบร่างของหวังเป่าเล่อ เงาร่างทั้งสิบหัวเราะลั่นออกมาพร้อมกัน ก่อนแผ่ประกายแสงแห่งกฎเกณฑ์ของแต่ละตนออกมา เมื่อร่างกายสั่นไหวก็พุ่งโจมตีไปยังคนที่เหลือ!
ทั้งหมดนี้ทำให้สำนักและตระกูลที่เฝ้ามองดูอยู่รอบๆ พากันตกตะลึง มหาศิษย์จำนวนไม่น้อยยิ่งผุดลุกขึ้นมาทันที แววตาเผยความหวาดหวั่นและตกใจขั้นรุนแรง ส่วนชายชราผู้นั้นของสำนักฉันปราณก็หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป การลงมือของหวังเป่าเล่อก็แปลกประหลาดเหลือเกิน ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตะลึงได้ แข็งแกร่งโดยธรรมชาติ
ถึงขั้นที่ชายชราผู้นี้ยังรู้สึกว่าศิษย์สำนักตนที่เหลืออยู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังเป่าเล่อโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ทันแล้ว สองมือจึงผนึกมุทราต้องการจะเข้าไปขัดขวาง
ทว่า ปรมาจารย์แห่งไฟก็ลงมือเช่นเดียวกันพร้อมหัวเราะยกใหญ่ เสียงดังกึกก้องและทำลายการช่วยเหลือของผู้อาวุโสสำนักฉันปราณ เงาร่างทั้งสิบของหวังเป่าเล่อจึงปะทะกับผู้ฝึกตนสำนักฉันปราณที่เหลืออยู่ทันที เสียงสะเทือนดังก้องกังวาน การสังหารเกิดขึ้นอีกครั้ง!
เสียงร้องโหยหวนและเสียงดังสนั่นระเบิดขึ้นฉับพลัน ร่างวิญญาณของศิษย์สำนักฉันปราณคนแล้วคนเล่าถูกทำลายสิ้น ภาพนี้ทำให้ผู้อาวุโสของสำนักฉันปราณระเบิดอารมณ์โดยสมบูรณ์ เขาคำรามลั่น
“ทุกท่าน ไม่ช่วยข้าตอนนี้แล้วจะรอให้เจ้าเพลิงกัลป์ที่โหดเหี้ยมผู้นี้ไปอาละวาดไล่ที่พวกท่านหรือ!”
เมื่อเสียงของผู้อาวุโสท่านนี้ดังออกมา ทันใดนั้นรอบด้านก็มีกลิ่นอายของระดับจักรพิภพสิบกว่าร่างระเบิดขึ้นกะทันหัน ก่อนก่อตัวเป็นเงาร่างหลายร่างอยู่บนฟ้าเหนือปรมาจารย์แห่งไฟ แต่ละคนต่างก็แสดงฝีมือมือออกมา แผ่พลังกดดันปกคลุมไปที่ปรมาจารย์แห่งไฟโดยพร้อมเพรียง ทั้งยังมีเสียงดังก้องกังวาน
“เพลิงกัลป์ หยุดแค่ตรงนี้เถอะ”
“แค่แลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น เหตุใดต้องบีบคั้นคนด้วย!”
“กล้าข่มขู่ข้าหรือ ศิษย์ข้า สังหารต่อไปเลย สังหารให้เจ้าเฒ่านี้เห็นถึงความร้ายกาจ สังหารจนระดับเดียวกันยังไร้คนต่อต้าน!” ปรมาจารย์แห่งไฟเบิกตาโพลงแล้วร้องตะโกนออกมา เทพวัวใต้ร่างก็คำรามคลั่งเช่นเดียวกัน พลานุภาพระเบิดออกมาอีกครั้ง ทะเลเพลิงมโหฬารปรากฏขึ้นนอกร่างแล้วกลายเป็นฝ่ามือเพลิงขนาดยักษ์กระแทกไปยังอวกาศด้านบน!
อวกาศส่งเสียงดังสนั่น ระลอกคลื่นแผ่กระจายอย่างบ้าคลั่ง ร่างแยกทั้งสิบของหวังเป่าเล่อแต่ละร่างสังหารศิษย์สำนักฉันปราณแต่ละคน จากนั้นก็กลับมารวมตัวกันทันทีแล้วกลายเป็นร่างจริง ก่อนจะพุ่งโจมตีไปยังสิบแปดคนที่เหลืออย่างรวดเร็ว!
ดารานิรันดร์เผยโฉมออกมา ล้อมรอบด้วยกึ่งเต๋า ดาราหมื่นดวงแผ่กระจาย ตอนนี้เงาร่างของหวังเป่าเล่อดูคล้ายกับเทพมารยิ่ง!
“ฆ่า!”
…………………………….