หยางเฉินไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเซวหยวนป้าอยู่แล้ว เขาแค่รู้สึกโกรธที่เซวหยวนป้าข่มขู่ครอบครัวเขา
หลังจากการห้ามของหานเซี่ยวเทียนและคนอื่นๆ หยางเฉินก็เตะเซวหยวนป้าออกไปแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้ากล้าพูดจาข่มขู่ถึงคนรอบกายของผมอีก ผมจะฆ่าคุณ!”
เมื่อถูกเหยียบต่อหน้าสาธารณะ และยังถูกดุด่าต่อหน้าสาธารณะแบบนี้ เซวหยวนป้ายังจะกล้าต่อเถียงได้อีกหรือ?
และหลังจากถูกหยางเฉินเตะจนปลิว เขาได้แต่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นและหลับตาเพื่อแสร้งทำเป็นตายแล้ว
เขาเป็นถึงทายาทของตระกูลเดอะคิง แม้กระทั่งอาจเป็นถึงผู้สืบทอดบัลลังก์ในอนาคต แต่วันนี้เขากลับแพ้ให้กับหยางเฉิน แถมยังมีผู้คนจากเยี่ยนตูเป็นพยานอีกด้วย แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ไหนอีก?
“คุณหยางครับ เขาจะตายไหมครับ?”
เมื่อเห็นเซวหยวนป้าแน่นิ่งไม่ขยับ หานเซี่ยวเทียนก็ถามอย่างจริงจัง
แต่หยางเฉินรู้ดีว่าเซวหยวนป้าเป็นนักศิลปะการต่อสู้ แม้เขาจะเตะเซวหยวนป้าจนปลิว แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้ใช้แรงอะไรเลย
อย่างมากสุดเซวหยวนป้าก็แค่กระดูกหักเพิ่มอีกสองสามชิ้น ไม่ถึงกับตายอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องห่วง มันไม่ตายหรอก!”
หยางเฉินชำเลืองมองเซวหยวนป้าที่แกล้งนอนตายอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นหันมองไปที่ทุกคนแล้วพูดว่า “วันนี้ ผู้นำตระกูลทุกคนถือว่าได้รับการช่วยเหลือแล้ว”
“แต่ว่าอาการบาดเจ็บของทุกคนยังสาหัสอยู่ ต้องย้ายไปห้องไอซียู และตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย”
“แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมมอบหมายงานไปแล้ว พวกเขาจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ต่อไป เราเหลือเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำ นั่นคือการจัดการปัญหาของเยี่ยนตู”
หยางเฉินพูดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารออย่างจริงจัง เพราะพวกเขารู้ถึงความสามารถของหยางเฉินเป็นอย่างดี อย่างน้อยการเตะเจ้าชายสามของตระกูลเซวจากตระกูลเดอะคิงก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
ก็แค่เหล่าเศรษฐีไม่กี่ตระกูลจากเยี่ยนตู ถ้ามีหยางเฉินอยู่ด้วย แล้วจะกลัวอะไรอีก?
“คุณหยางครับ ครั้งนี้เราจะปล่อยตระกูลซุนกับตระกูลหลินและตระกูลซ่งไปอีกไม่ได้แล้วนะครับ!”
หวงเจิ้งกัดฟันพูด
เย่หัวก็แสดงสีหน้าโกรธเคืองมาก “ใช่ครับ ครั้งนี้สามตระกูลนี้ร้ายที่สุด ฉวยโอกาสในตอนที่หัวหน้าครอบครัวของพวกเราถูกลอบสังหารแล้วมาโจมตีเรา กลอุบายช่างน่ารังเกียจอย่างที่สุดครับ!”
หวังเฉินก็พูดขึ้น “ใช่ครับ สามตระกูลยักษ์ใหญ่จากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูร่วมมือกันแล้วทำการโจมตีคนอื่นอย่างกะทันหัน ไม่ว่าตระกูลไหนก็ทนรับไม่ได้หรอกครับ”
“ถ้าคุณหยางไม่ได้เตือนพวกเรา แล้วให้พวกเราหยุดต่อสู้กับพวกเขา ผมเกรงว่าตอนนี้ตระกูลของพวกเราต่างก็ต้องประสบความสูญเสียครั้งใหญ่แน่นอนครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเฉิน ทุกคนต่างก็พยักหน้า
ตระกูลเฉิน ตระกูลหาน ตระกูลกวน และยังมีตระกูลหง พวกเขาต่างก็ประสบความสูญเสียอย่างหนักเช่นกัน แต่เป้าหมายหลักของตระกูลซุนกับตระกูลหลินและตระกูลซ่งทั้งสามตระกูลยักษ์ใหญ่นี้ คือการมุ่งเป้าไปที่ตระกูลเย่กับตระกูลอวี๋เหวินและตระกูลหวงเป็นหลัก
ส่วนตระกูลเศรษฐีอย่างตระกูลเฉินและตระกูลอื่นๆ ที่อยู่ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูนั้น พวกเขากลับต้องเผชิญกับตระกูลอื่นๆ เช่นเดียวกับพันธมิตรห้าตระกูลในก่อนหน้านี้
พวกเขาร่วมมือกันเพื่อจะจัดการกับตระกูลเฉิน แต่สุดท้ายกลับถูกหยางเฉินยึดทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูล และหลังจากที่รู้ว่าหยางเฉินกำลังพบเจอกับปัญหาครั้งใหญ่ พวกเขาก็ร่วมมือกันโจมตีตระกูลเฉินอย่างไม่ลังเล
“คุณหยางครับ คุณคิดยังไงครับ?”
ในเวลานี้ เย่หัวถามขึ้นอย่างกะทันหัน
แต่สายตาของหยางเฉินจับจ้องไปที่เซวหยวนป้าที่ยังคงแกล้งตายอยู่บนพื้น และพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมให้คุณสิบวินาที ถ้ายังแกล้งตายอีก ผมจะถือว่าคุณกลายเป็นศพไปแล้วจริงๆ!”
ทันทีที่หยางเฉินพูดจบ เซวหยวนป้าที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นก็รีบกระโดดลุกขึ้นทันที แล้วมันเหมือนผู้ได้รับบาดเจ็บสักที่ไหนกัน?
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง!
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เซวหยวนป้ารู้สึกขายหน้าที่สุด แต่ทำไงได้ ตอนนี้เขาตกเป็นลูกไก่ในกำมือของหยางเฉินไปแล้ว เขาสู้หยางเฉินไม่ได้ ทำได้เพียงทนรับความจริง
“คุณอยากให้ผมทำอะไร?”
เซวหยวนป้าเดินเข้ามาแล้วถามอย่างเย็นชา
“ใช้เครดิตของคุณ แล้วเชิญเหล่าผู้นำของตระกูลเศรษฐีที่เกี่ยวข้องกับคุณมาที่โรงแรมเยี่ยนตู”
หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รูม่านตาของเซวหยวนป้าก็หดตัวลง หยางเฉินต้องการจับตระกูลเศรษฐีทั้งหมดในคราวเดียว!
หวังเฉินและคนอื่นๆ ก็ตระหนักถึงจุดประสงค์ของหยางเฉิน และทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูที่แก่งแย่งชิงดีมาตลอดหลายปีนี้ ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้มาก่อนเลย
ถ้าหากเซวหยวนป้าเชิญทุกคนมาที่โรงแรมเยี่ยนตูในนามของเขา คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธอย่างแน่นอน
และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการรวบรวมเยี่ยนตูให้เป็นหนึ่ง!
สีหน้าของเซวหยวนป้าดูเคร่งเครียดมากขึ้น เพราะสถานะของเยี่ยนตูในจิ่วโจวนั้นมีความสำคัญมาก ถือได้ว่าเยี่ยนตูเป็นเมืองเดียวที่ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของราชวงศ์กับตระกูลเดอะคิงและสี่ดินแดน
ถึงแม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ความสำคัญนั้นมากกว่าเมืองเอกทุกเมือง
เมื่อหยางเฉินรวบรวมตระกูลเศรษฐีในเยี่ยนตูได้สำเร็จ ตระกูลเซวที่อยากกำจัดเขาในอนาคตก็คงต้องยากขึ้น
“ว่าไง? คุณไม่เห็นด้วยงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าเซวหยวนป้าไม่ได้พูดอะไร หยางเฉินก็ขมวดคิ้วถามเขา
เซวหยวนป้ากัดฟันพูด “ถ้าผมทำแบบนี้ ต่อไปใครจะกล้าให้ความร่วมมือกับเซวหยวนป้าอีกล่ะ?”
“คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นแพะรับบาป ผมรับปากคุณไม่ได้!”
หยางเฉินหรี่ตาลงทันที “ในเมื่อคุณไม่ยินยอม งั้นผมคงต้องตัดหัวคุณทิ้ง แล้วเอาหัวคุณไปเก็บหนี้ทีละคน!”
ซึ่งหยางเฉินไม่ได้เก็บซ่อนเจตนาฆ่าที่รุนแรงที่มีต่อเซวหยวนป้าเลยแม้แต่น้อย
คนอื่นๆ ก็เริ่มกังวลอีกครั้ง เพราะกลัวว่าหยางเฉินจะฆ่าเซวหยวนป้าจริงๆ
พวกเขากลัวหยางเฉิน แต่ก็กลัวตระกูลเดอะคิงมากกว่า
ในวันนี้ พวกเขาได้ลงเรือลำเดียวกับหยางเฉินไปแล้ว ถ้าหยางเฉินฆ่าเซวหยวนป้าจริงๆ ตระกูลเซวจะต้องล้างแค้นหยางเฉินแน่นอน และพวกเขาก็ต้องซวยไปด้วยเช่นกัน
“หยางเฉิน คุณอย่ามากไปนะ!”
เซวหยวนป้ากัดฟันพูด
“ผั๊วะ!”
หยางเฉินตบหน้าเซวหยวนป้าทันที “หาว่าผมมากไปงั้นเหรอ?”
“คุณส่งคนไปลอบสังหารผู้นำของเหล่าตระกูลเศรษฐี มันไม่มากไปใช่ไหม?”
“ผั๊วะ!”
“คุณรังแกคนอื่นด้วยสถานะเจ้าชายสามของตระกูลเดอะคิง มันไม่มากไปใช่ไหม?”
“ผั๊วะ!”
“ตอนนี้คุณตกเป็นเชลยของผมแล้ว ชีวิตของคุณก็อยู่ในกำมือของผม คุณยังกล้าใช้นิสัยของตระกูลเดอะคิงกับผมงั้นเหรอ?”
“ผั๊วะ!”
“คุณบอกผมมา ถ้าไม่มีตระกูลเซว ต่อหน้าผม คุณจะนับประสาอะไร?”
“ผั๊วะ ผั๊วะ ผั๊วะ!”
ทุกครั้งที่หยางเฉินถามคำถาม เขาก็จะตบหน้าเซวหยวนป้า และหลังจากตบไปสิบกว่าครั้ง ใบหน้าของเซวหยวนป้าก็บวมช้ำ และคลาบเลือดก็ไหลออกมาจากที่มุมปากของเขา
ทุกคนตกตะลึงมาก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่ากำลังฝันอยู่
ในสายตาของพวกเขา ตระกูลเดอะคิงเป็นกลุ่มคนชนชั้นสูงที่ไม่อาจยุ่งเกี่ยวได้ แต่ตอนนี้ เจ้าชายสามของตระกูลเซวจากตระกูลเดอะคิงกลับถูกหยางเฉินตบหน้าต่อหน้าสาธารณะ
เซวหยวนป้าก็ถูกตบจนมึนไปหมด ซึ่งเขายังรู้ดีกว่าหยางเฉินกล้าที่จะฆ่าเขาจริงๆ
แต่ด้วยศักดิ์ศรีของเจ้าชายในตระกูลเดอะคิงนั้น เขาไม่สามารถก้มหน้าให้กับหยางเฉินจริงๆ
และในตอนนี้ เขายังถูกหยางเฉินตบหน้าอย่างไม่หยุดในที่สาธารณะ ซึ่งมันก็เป็นการดูถูกเขาอย่างที่สุด
“หยางเฉิน คุณทำเกินไปแล้วจริงๆ!”
เซวหยวนป้าคายเลือดออกจากปากแล้วพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ผมส่งคุณไปลอบสังหารผู้นำที่เกี่ยวข้องกับคุณก็จริงๆ แต่ผมไม่ได้ทำเกินเหตุ อย่างน้อยก็ยังไว้ชีวิตพวกเขา!”
“อีกอย่าง ผมเป็นถึงเจ้าชายสามของตระกูลเซวจากตระกูลเดอะคิง และยังเป็นเจ้าตระกูลเซวในอนาคตอีกด้วย”
“ไอ้พวกที่ผมลอบสังหาร สำหรับตระกูลเซวแล้ว พวกมันก็แค่เศษขยะ!”
“แล้วชีวิตของพวกมันจะสำคัญกว่าชีวิตผมได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเซวหยวนป้า ไม่เพียงแต่หยางเฉินที่รู้สึกโกรธ และคนอื่นๆ ก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน