บทที่ 1044 ผู้ทรยศ

Mars เจ้าสงครามครองโลก

ผู้แข็งแกร่งทางฝั่งตระกูลเหย้กำลังติดต่อตัวเอง เย่เซิ่งเทียนตัดสินใจลองเสี่ยงดวง

มีเรื่องราวมากมายที่เขายังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ เขาจำเป็นต้องยืนยันกับผู้แข็งแกร่งทางตระกูลเหย้

ทางฝั่งตระกูลเหย้ทำงานร่วมกันด้วยใจจริงๆหรือเปล่า แค่ลองก็รู้

หลังจากที่เย่เซิ่งเทียนติดต่อกับอีกฝ่ายเสร็จ ทั้งสองฝ่ายนัดสถานที่พบกันเรียบร้อย

ตอนนี้เขามีแต่ความวงสัยต่อตระกูลลี้ลับแล้ว เหย้ม่อบอกว่าปีนั้นมีเจ็ดตระกูลพิทักษ์ ตามการเปลี่ยนแปลงของเวลา มีหลายตระกูลทรยศแล้ว

แต่เย่เซิ่งเทียนก็สงสัย ตระกูลเหย้ก็เป็นหนึ่งในผู้ทรยศหรือเปล่า

ตอนนี้มีเรื่องราวมากมายเข้าก็ไม่ชัดเจน รวมถึงเจ็ดตระกูลพิทักษ์ พวกเขากำลังปกป้องอะไร?

โลกชูร่าต้องการบุกรุกโลกมนุษย์ ทำไมโลกใบนี้เป็นศูนย์กลาง?

แล้วก็ หลังจากที่เริ่มโลกแห่งสงครามใหญ่ สรุปว่าจะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร?

เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย ข้อมูลที่ทางฝั่งเขารู้มากเกินไปแล้ว

รวมถึงเรื่องที่ปิดผนึก ไม่รู้อะไรเลยโดยสิ้นเชิง และก็ไม่มีใครเคยพูดถึงมาก่อน แม้ว่าเป็นหวังเซียวเซียว ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน

ดูเหมือนว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่ตัวของเจ็ดตระกูลพิทักษ์

ไม่นาน เย่เซิ่งเทียนมาเจอที่จุดนัดหมาย ชายชราทั้งสามรออยู่ที่นั่นแล้ว

“ท่านคือเย่เซิ่งเทียน?”

เห็นเย่เซิ่งเทียนมา ชายชราผมขาวท่านหนึ่งริเริ่มเอ่ยถาม

เย่เซิ่งเทียนพยักหน้าแล้ว พูดถามว่า : “ทั้งสามท่านเป็นอาวุโสของตระกูลเหย้ใช่ไหม?”

ทั้งสามคนพยักหน้าตอบรับ ชายชราหนวดขาวแนะนำตัวเองว่า : “ฉันชื่อเหย้เฉิง ทั้งสองท่านนี้คือเหย้หมิงและเหย้เฟิง”

เหย้หมิงเป็นคนแก่ตัวเตี้ย เคราและผมเป็นสีแดง จมูกเหมือนเหยี่ยว ดวงตาแหลมคม สีผ้าก็เป็นสีแดง ราวกับเปลวไฟ

ทำให้คนรู้สึกว่ามีนิสัยที่อารมณ์ร้อน แค่มองก็เป็นคนที่ฉุนเฉียวง่ายแบบนั้น

เหย้เฟิงรูปร่างกลางๆสวมใส่ชุดสีขาว มองดูแล้วเป็นความงามซึ่งเป็นอมตะ ให้ความรู้สึกว่าเป็นบุคคลที่ราวกับเทพอาวุโสแบบนั้นเลย แต่เห็นได้ชัดว่ามีความรู้สึกห่างเหินอย่างหนึ่ง เหมือนเป็นปฏิเสธคนเขาราวกับว่าขจัดคนเขาไปที่แดนไกลยังไงอย่างนั้น สีหน้าท่าทางก็ค่อนข้างเยือกเย็น

ส่วนชายชราผมขาวเหย้เฉิง กลับว่ามีมนุษยสัมพันธ์และความรู้สึกไว้ใจ มองดูแล้วอัธยาศัยดี

เหย้เฉิงยิ้มพร้อมพูดว่า : “สหายตัวน้อย ส่วนที่เกินความจำเป็นพวกเราก็ไม่มีพูดอะไรมากมายแล้ว เชื่อว่าบางอย่างเสี่ยวม่อก็บอกคุณแล้ว แต่สิ่งที่เขารู้มีจำกัด ไว้ฉันจะพูดรายละเอียดให้คุณฟัง คุณมีอะไรสงสัยอยากจะถามไหม?พวกเราจะตอบคำถามของคุณ ตระกูลเย่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลพิทักษ์เหมือนกันกับตระกูลเหย้ของเรา เพียงแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบกลับตาลปัตรอยู่เสมอ แตกต่างกันกับเมื่อก่อนแล้ว”

อะไรนะ?

ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลพิทักษ์?

เย่เซิ่งเทียนตกตะลึงแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง

มองออกว่าเย่เซิ่งเทียนตกตะลึง เหย้เฉิงยิ้มพร้อมพูดว่า : “ไม่ต้องสงสัย โลกใบนี้ นอกจากเผ่าซวนหยวนแล้ว สิ่งที่มีเลือดวิเศษก็คือเจ็ดตระกูลพิทักษ์”

เย่เซิ่งเทียนยิ่งช็อค : “คุณหมายความว่า นอกจากตระกูลเย่ของเราแล้ว บนตัวของพวกคุณก็มีการสืบทอดของเลือดวิเศษ?”

เหย้เฉิงพยักหน้าพร้อมพูดกล่าว : “ถูกต้อง เจ็ดตระกูลพิทักษ์มีการสืบทอดเลือดวิเศษทั้งหมด ตอนนั้น”พญาเทพทั้งเจ็ดร่วมกันปราบปรามโลกชูร่า มีตระกูลใหญ่ทั้งเจ็ดแล้ว ต่อมามีคนทรยศ เจ็ดตระกูลพิทักษ์หวาดระแวงซึ่งกันและกัน ภายใต้การยืนยัน รู้ว่าตอนแรกตระกูลเย่ได้ทรยศแล้ว ดังนั้นตระกูลใหญ่ทั้งหกร่วมแรงกัน ทำลายตระกูลเย่แล้ว
“นับขึ้นมาอย่างแม่นยำ พวกคุณถือว่าเป็นสายแยกของตระกูลเย่ แม้ว่ามีการสืบทอดของเลือดวิเศษ แต่ค่อนข้างเจือจาง ทุกคนก็ไม่ได้สังเกต เพียงแต่ต่อมาถึงได้พบว่าเรื่องมันผิดปกติ ตระกูลเย่ไม่ใช่คนทรยศ อีกหกตระกูลที่เหลือล้วนนแต่มีความสงสัย ว่าถูกคนหลอกใช้ผลประโยชน์แล้ว”

“แต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังนั้นคือใคร ต่อมา ปราณทิพย์ฟ้าดินเจือจางขึ้นเรื่อยๆ โลกประมุขอ่อนแอ ค่อยๆกลายเป็นแบบนี้ในตอนนี้แล้ว”

เสาหลักของตระกูลเย่ถูกทำลายแล้วเหรอ?

เย่เซิ่งเทียนทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ ช็อคจริงๆ แตกต่างกันกับสิ่งที่เขาคาดคิดไว้ในเมื่อก่อนเลย

ถ้าหากเป็นเช่นนี้ งั้นเรื่องราวก็ยิ่งซับซ้อนแล้ว

สรุปว่าใครกันแน่ที่เป็นศัตรูที่แท้จริง?