บทที่ 853 เป็นบรรพบุรุษของเขาจริงๆ!

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

หนูรินจังอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายทั้งสองคน ถึงจะรู้สึกว่าปลอดภัย หลังจากที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด อารมณ์ของเธอก็ค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ

“พอแล้ว ลองบอกพี่ชายมา ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? สองสามวันนี้หลังจากที่จู่ ๆ น้องกับหม่ามี๊หายไป ก็ติดต่อไม่ได้เลย พวกเธอไปอยู่ไหนกันแน่? หม่ามี๊ล่ะ?”

คิวคิวเห็นว่าในที่สุดน้องสาวก็สงบลง ดังนั้นก็เลยเริ่มถาม

ชินจังเองก็ปล่อยเธอออก สายตาที่เป็นห่วง แสดงให้เห็นถึงความสงสัยเช่นเดียวกันกับน้องชาย

หนูรินจังมองยังพี่ชายทั้งสองคน จมูกน้อยๆ หายใจเข้าอีกครั้ง และตอบคำถาม : “พวกเราถูกตาแก่นั่นไล่ออกไป ตาแก่นั่นบอกว่าไม่อนุญาตให้หม่ามี๊ดูแลแด๊ดดี้กับพวกพี่อีกต่อไปแล้ว”

“เป็นตาแก่นั่นจริงๆด้วย ฉันบอกแล้ว เป็นฝีมือของเขาอย่างแน่นอน!”

พอคำพูดจบลง ใบหน้าเล็กๆ ของคิวคิวก็โกรธจนหน้าเขียว และพูดมาอย่างไม่พอใจ

ชินจังเองก็ไม่ต่างกันเลย

ตาแก่นั่น เขาก็ไม่ชอบอยู่แล้ว ตอนนี้ได้ยินแบบนี้ เขาก็ยิ่งเกลียดมากขึ้น

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”

“จากนั้น หม่ามี๊หาลุงใหญ่ เจอ เขาจัดการหาที่พักให้พวกเราอยู่ และยังให้หม่ามี๊ไปทำงานที่โรงพยาบาล หนูไม่มีคนดูแล หม่ามี๊ก็เลยหาหนูไปส่งที่โรงเรียน แต่ โรงเรียนนั้น พวกเขา….พวกเขา….”

ก้อนแป้งน้อย ที่เพิ่งจะอารมณ์สงบลง พูดถึงตรงนี้ ดวงตากลมโตราวกับลูกแก้วก็แดงและร้องไห้ขึ้นอีกครั้ง

คิวคิวที่เติบโตมาพร้อมกับเธอ เห็นฉากนี้แล้ว ก็เข้าใจทุกสิ่งทันที

“สารเลว กล้าบังอาจมารังแกน้องสาวของเฮียชิน!” เขาลุกยืน “พรึ่บ” ขึ้นมา ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห

ใบหน้าน้อยๆของชินจังเองก็สีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน

แต่เมื่อเทียบกับน้องชายแล้ว เขาก็ยังคงใจเย็นกว่า หลังจากที่อดทนอยู่นั้น ก็เลยถามน้องสาวต่อว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

หนูรินจังก็เลยพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนออกมาจนหมดเกลี้ยง เมื่อพูดถึงตอนที่ตัวเองถูกคุณครูต่อว่า ยังถูกเด็กทั้งโรงเรียนตราหน้าว่าเป็นคนโง่ และบอกว่าไม่มีญาติ

ไม่ต้องบอกเลยว่าสีหน้าของเธอจะเศร้าเสียใจมากเพียงใด น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูร่วงหล่นออกมาอีก

“เลวสิ้นดี!!”

ตอนนั้นคิวคิวโกรธจนจะพุ่งออกไป วิ่งไปที่โรงเรียนนั้นเพื่อสั่งสอนพวกคนกลุ่มนี้

ชินจังคว้าตัวเขาไว้ : “นายรอเดี๋ยว แบบนี้คือออกไปไม่ได้นะ คนของตาแก่นั่นต้องดูอยู่ด้านนอกแน่นอน”

คิวคิว : “งั้นจะทำยังไง? หรือว่าจะปล่อยไปแบบนี้?”

“ไม่แน่นอน คนของพวกเราจะโดนรังแกกันได้ง่ายๆเหรอ? นายรอก่อน” จากนั้นหนุ่มน้อยผู้เย็นชาคนนี้ก็ยืนขึ้น และเดินตรงออกไปด้านนอก

ไม่กี่นาทีต่อมา รปภ.สองสามคนนั้นที่มีหน้าที่คุ้มกันพวกเขามาส่งที่โรงเรียนนี้ก็เข้ามา

“พวกคุณฟังผมให้ดี ตอนนี้พวกผมต้องการไปแก้แค้นให้น้องสาวผมที่โรงเรียนประถมศึกษาซากุระ พวกคุณมีสองตัวเลือกคือส่งพวกผมไปที่นั่น หรือพวกผมหายตัวไปต่อหน้าพวกคุณ”

เขาพูดแผนการของพวกเขาออกมาต่อหน้าพวกเขาอย่างไม่ลังเลใจใดๆ

ทันใดนั้นดวงตาน้อยๆ คล้ายพระจันทร์เสี้ยวคู่นั้นของคิวคิวก็เบิกโตขึ้น

เขาบ้าไปแล้ว?

พูดออกมา พวกเขาไม่ยิ่งขวางเอาไว้เหรอ?

เป็นไปตามคาด หลังจากรปภ.เหล่านี้ได้ยินประโยคนี้แล้ว ต่างก้มมองมาที่คุณหนูตัวน้อยใบหน้าน้อยๆ คนนี้ และเผยให้เห็นสีหน้าท่าทางแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“คุณหนู คุณกำลังล้อเล่นกับพวกเราใช่ไหมครับ? คุณจะหายตัวไปต่อหน้าพวกเรา?”

“ใช่ คุณหนู ผมรู้ว่าพวกคุณไปอยากเรียนที่นี่ แต่คุณขู่พวกเราแบบนี้ไม่ได้ผลหรอกครับ”

“……”

ล้วนแต่มีท่าทีที่ไม่คิดว่าเด็กคนนี้เอาจริง

ชินจังจึงไม่พูดอะไรต่อ

เขากวาดสายตาเย็นชาเหลือบมองสองสามคนนี้ ครู่หนึ่งก็หันหลังก้าวเท้ายาวๆ กลับไปยังห้องเรียน

รปภ.เหล่านี้ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมึนงงและแปลกใจ

แต่ เพียงแค่ผ่านไปสองสามนาที จู่ ๆ พวกเขาก็พบว่าในหูฟังที่ตัวเองใส่อยู่นั้น หลังจากที่ได้ยินเพียงแค่เสียง “ซ่า” ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกเลย

“นี่คือ?”

พวกเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และยังคงไม่ได้ตั้งสติกลับคืนมา

คิวคิวยืนอยู่ข้างๆ มองเห็นการตอบสนองของพวกเขา จึงเข้าใจความหมายของพี่ชายแล้ว ดังนั้นก็ชี้ไปที่โทรศัพท์ที่พวกเขาถืออยู่ รวมทั้งนาฬิกาข้อมือที่พวกเขาใส่อยู่ด้วย

แน่นอนว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือถูกปิดกั้น เข็มนาฬิกาบนนาฬิกาข้อมือกับเครื่องติดตามก็หยุดทำงานโดยสิ้นเชิง

เหตุการณ์พลิกผันเช่นนี้ ช่างทำให้คนรู้สึกหวั่นผวาจนขนลุกซู่!

“พวกคุณ…..พวกคุณ…..”

“คุณอา อย่าตกใจไป พวกผมก็แค่ให้คุณได้รู้ความจริงเรื่องหนึ่ง แต่อันที่จริง พวกผมเป็นเด็กดีมากนะ คุณดูสิ ในช่วงนี้ไม่ใช่ปกติดีอยู่เหรอ? ฉะนั้น พวกคุณก็ต้องเชื่อฟัง จัดการกับเรื่องน้องสาวเสร็จ มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ?”

คิวคิวยักไหล่ขึ้นลง เผยให้เห็นสีหน้าท่าทางที่ไร้เดียงสามาก

รปภ.เหล่านี้ทั้งแปลกใจทั้งตกใจ จึงคุกเข่าลงให้กับท่านบรรพบุรุษน้อยสองคนนี้ไปโดยปริยาย

ดังนั้นอีกไม่กี่นาทีต่อมา ในที่สุด กลุ่มคนก็เดินออกไปนอกประตูอย่างสง่าผ่าเผย แน่นอนว่าเป้าหมายก็คือตรงดิ่งไปยังโรงเรียนแห่งนั้นของหนูรินจัง

และในเวลานี้ ที่โรงเรียนทางนั้น หลังหนูรินจังวิ่งออกมาจากโรงเรียนแล้ว คนในโรงเรียนก็ไม่มีแม้แต่จะไปตามหา รวมทั้งคุณครูประจำชั้นนั้นด้วย ในชั้นเรียนมีเด็กหายไปหนึ่งคน เธอก็ไม่มีแม้แต่จะถามหา

“พวกคุณเป็นใคร? ในช่วงเวลาเรียน ไม่อนุญาตคนนอกเข้าไปในโรงเรียนตามอำเภอใจ”

“เฮ้ เข้าไม่ได้ งั้นออกก็ได้?”

คิวคิวเห็นยามที่ดูเหมือนสุนัขขวางทางพวกเขาไว้ที่ประตู ทันใดนั้นก็พูดเยาะเย้ยขึ้นมา

ยามโกรธแล้ว : “เด็กน้อย นายพูดอะไรน่ะ? ช่วงเวลาเรียนก็เข้าออกไม่ได้ทั้งนั้น?”