ตอนที่ 754 สถานการณ์ไม่สู้ดี

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 754 สถานการณ์ไม่สู้ดี
“สองคนนั้น มานี่ พวกเราต้องไปกันแล้ว!”

ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากที่ไกล เยี่ยเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าหากถูกทหารเหล่านั้นโอบล้อมเข้าจริงๆ ถึงแม้เขาจะสามารถหลบหนีออกไปได้ แต่ต่งเทียนอี้กับหลานคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

“ท่านครับ ผมอยากฆ่ามันก่อนแล้วค่อยไป!”

ใบหน้าของต่งเทียนอี้มีรอยยิ้มโหดเหี้ยม ถึงแม้เขาจะไม่มีสัญชาตญาณหลักแหลมอย่างเยี่ยเทียน ที่สามารถสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวจากเชิงเขา แต่เขาก็รู้ว่า เสียงปืนเมื่อครู่ต้องกระตุ้นผู้คนจำนวนหนึ่งอย่างแน่นอน

แค้นใหญ่หลวงต้องสะสาง ต่งเทียนอี้ไม่มีอะไรติดค้างในใจอีก ต่อให้ต้องตายตอนนี้ เขาก็ตายตาหลับแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านั้น ยังมีบุคคลหนึ่งที่ยังไม่ได้ถูกตัดหัว

ต่งเทียนอี้หยิบดาบซามูไรที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา ใช้มันต่างไม้เท้า ยันก้าวทีละก้าวไปข้างตัวฟรุส ในดวงตาแสดงให้เห็นแววเกลียดชังอย่างปกปิดไม่มิด

เป็นคนผู้นี้ที่อำนวยความสะดวกให้มีการรวมตัวกันกดดันสมาคมหงเหมินในมอสโคว และเป็นเขาที่ก่อให้เกิดคดีฆ่าล้างตระกูลต่งหลายสิบชีวิต หากไม่ฆ่าฟรุสด้วยมือตัวเอง ต่งเทียนอี้คงตายตาไม่หลับ

“เร็วหน่อยแล้วกัน ให้เวลาคุณสองนาที!”

เยี่ยเทียนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าทหารในชุดเครื่องแบบเต็มยศเกือบพันนายกำลังมุ่งตรงมาบนภูเขา ถ้าหากไม่เป็นเพราะหิมะยังไม่ละลาย เดินทางไม่สะดวกง่ายดายนัก สองนาทีนี้คงไม่เพียงพอ

ความจริงต่อให้ต่งเทียนอี้ไม่ลงมือ ฟรุสก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ตอนที่เยี่ยเทียนบดขยี้แขนและขาของเขา ได้แอบส่งพลังลมปราณแฝงเข้าไปภายในกระแสโลหิต เพียงตื่นเต้นตื่นตัวก็จะทำให้เขาถึงที่ตาย

“น่าเสียดายที่พ่อของฉันเห็นแกเป็นเพื่อน แต่แกกลับร่วมกับคนกลุ่มใหญ่กลั่นแกล้งตระกูลเรา คงไม่คิดว่าจะมีวันนี้สินะ?”

ต่งเซิงไห่มีลูกชายทั้งหมดสามคน ทั้งหมดล้วนทำหน้าที่การงานอยู่ในสมาคมหงเหมิน ต่งเทียนอี้ลูกชายคนที่สองในนั้นรับผิดชอบเรื่องธุรกิจเกี่ยวกับสนามมวยใต้ดิน จึงรู้เรื่องที่พ่อไปยังประเทศไทยคราวนั้นอย่างแจ่มแจ้ง

เรื่องนี้จึงทำให้ต่งเทียนอี้เกิดความแค้นต่อฟรุส ทั้งหมดล้วนเป็นเจ้าคนอังกฤษคนนี้ทำให้เกิดขึ้น เพราะเขา…ทำให้ธุรกิจหลายสิบปีของตระกูลต่งในรัสเซียกลายเป็นประวัติศาสตร์

ยืนอยู่ต่อหน้าฟรุสที่นอนขวางบนพื้น ต่งเทียนอี้ชูดาบซามูไรขึ้นสูง เมื่อนึกถึงภรรยาและลูกที่ตายอย่างน่าเวทนา ขอบตาก็อดมีน้ำตาเลือดหลั่งรื้นขึ้นมาไม่ได้

“ไปตายซะ!” ลำคอของต่งเทียนอี้สำรอกเสียงคำรามเหมือนสัตว์ป่า สองมือจับด้ามดาบซามูไร ฟันลงไปยังช่วงลำคอของฟรุสอย่างหนักหน่วง

“อ๊าก…”

ฟรุสที่นอนอยู่บนพื้นร้องโหยหวนขึ้นมา ทว่าต่งเทียนอี้ถูกคุมขังไว้นานหลายวัน จึงไม่มีเรี่ยวแรงเหลือภายในร่าง ดาบนี้จึงฟันลงไปได้เพียงครึ่งลำคอของฟรุสเท่านั้น

ลำคอที่ถูกผ่าออกของฟรุสมีเลือดไหลริน เสียงดัง “ฟู่ๆ” ไหลออกมาราวกับถุงลม แต่กลับไม่ตายในเดี๋ยวนั้น ใบหน้ามีความทรมานอย่างสุดแสน

“ลุงสอง ผมเองครับ!”

ต่งต้าจ้วงที่ว่านอนสอนง่ายนับตั้งแต่เด็กจนโต เวลานี้ก็คว้าดาบเดินเข้ามา ฟันที่บาดแผลตรงลำคอของฟรุสอีกครั้ง ราวกับการหลั่งเลือดสังหารหมู่ในวันนี้ปลุกสัญชาตญาณกระหายเลือดในกายเขาขึ้นมา

เพียงแต่สภาพของสองลุงหลานคู่นี้ไม่ต่างกันนัก ดาบนี้ของต่งต้าจ้วงไม่สามารถตัดหัวของฟรุสให้ขาดออก แต่กลับโดนเลือดกระเซ็นกระสายใส่ทั่วทั้งเนื้อตัว

“พอแล้ว รีบไปกันเถอะ ขืนยังไม่ไปอีกจะหนีไม่รอดนะ!”

เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว โยนดาบซามูไรในมือขวาออกไป ตัดลงบนลำคอชองฟรุสจนหัวหลุดพอดี

“ต้าจ้วง นายเอาสองหัวนี้กลับไปเซ่นไหว้พ่อกับแม่”

ต่งเทียนอี้หยิบปืนกลมือที่อยู่บนพื้นขึ้นมาหนึ่งกระบอก ดึงลูกเลื่อนอย่างเชี่ยวชาญ กล่าวว่า “นายท่าน ขอฝากฝังต้าจ้วงด้วย ผมจะช่วยคุ้มกันข้างหลังเอง!”

จากสายตาของต่งเทียนอี้ เขาและต่งต้าจ้วงล้วนไม่มีเรี่ยวแรงจะวิ่ง ต่อให้เยี่ยเทียนแบกขึ้นหลัง ก็พาไปได้แค่คนเดียว คงฝ่าวงล้อมของศัตรูไปไม่รอดแน่ สู้สังเวยตัวเองหลอกล่อความสนใจของศัตรูดีกว่า เยี่ยเทียนและหลานจะได้หนีไปได้อย่างปลอดภัย

“คุณเนี่ยนะ จะช่วยคุ้มกันหลังให้พวกเรา?”

ได้ยินคำพูดของต่งเทียนอี้แล้ว เยี่ยเทียนก็อดขำขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ แค่หยิบปืนขึ้นมายังต้องออกแรงถึงขนาดนี้ เกรงว่าเหนี่ยวไกยิงกระสุนออกมาเพียงนัดเดียวคงจะทำให้ปืนเลื่อนหลุดจากมือ

“แย่แล้ว มีเฮลิคอปเตอร์มา!”

ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังจะพูด สีหน้าก็พลันเเปลี่ยนไป เพราะว่าเขาได้ยินเสียงของเฮลิคอปเตอร์ข้างใบหู

“อย่าขยับ อย่าส่งเสียงด้วย!”

สองมือของเยี่ยเทียนคว้าอากาศ ต่งเทียนอี้และหลานที่อยู่ห่างไปสิบกว่าเมตร พลันถูกแรงมหาศาลดึงเข้าสู่ข้างตัวเขา ขณะเดียวกันหมอกควันสีขาวก็พวยพุ่งจากใต้ฝ่าเท้า ห่อหุ้มคนทั้งสามเอาไว้

เยี่ยเทียนซ่อนตัวอยู่ภายในหมอกควัน นิ้วทั้งสิบแทนกระสุน เสียงหลอดไฟระเบิดแตกดังขึ้น ค่ายฝึกทหารที่เดิมส่องสว่างด้วยแสงไฟพลันกลับกลายเป็นมืดสนิท

มือแต่ละข้างจับไว้คนหนึ่ง เยี่ยเทียนควบคุมปราณแท้ ลอยตัวขึ้นเบื้องบน เพียงชั่วพริบตาก็ลอยข้ามกำแพงสูง กลมกลืนเข้าสู่ความมืด

“บ้าเอ๊ย พาคนเหาะมันยากเย็นอย่างนี้เองเรอะ?”

สิบกว่านาทีหลังจากนั้น เยี่ยเทียนและทั้งสองคน ก็มาปรากฎตัวยังป่าละเมาะห่างจากค่ายฝึกทหารห้าสิบกว่าเมตร พอวางทั้งสองคนลงบนพื้นแล้ว เยี่ยเทียนก็อดสบถเสียงแผ่วเบาออกมาไม่ได้

นำปราณแท้มาบังคับร่างกายต้านทานแรงดึงดูดของโลก จากนั้นก็บินขึ้นออกมาในระยะทางสั้นๆ จำเป็นต้องใช้พลังอย่างสูง

ก่อนหน้านี้เยี่ยเทียนเดินทางสามร้อยกว่ากิโลเมตร ปราณแท้ยังสลายไปถึงเกือบหกส่วน เมื่อใช้อีกสี่ส่วนที่เหลือประคองคนสองคน เขาจึงรู้สึกแทบไม่มีแรงเหลือ

คนที่เข้าสู่ระดับเซียนเทียน ภายในร่างจะไร้ซึ่งไอขุ่น ไอสะอาดจะลอยสูง ร่างกายจึงไม่หนักหน่วงอะไร ดังนั้นเวลาเยี่ยเทียนทะยานขึ้นสู่ฟ้าจึงง่ายดายอย่างยิ่ง

แต่ต่งเทียนอี้และหลานล้วนเป็นกายเนื้อขุ่นระดับโฮ่วเทียน ตอนจับตัวทั้งสองบนพื้นดิน เยี่ยเทียนอาจไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของพวกเขา แต่เมื่อพาทั้งสองคนขึ้นสู่ห้วงอากาศ กลับทำให้เขาเหนื่อยยากจนพูดไม่ออก

“คุณ…คุณเป็นเทพเซียนเหรอครับ?”

เมื่อครู่ตอนที่บินข้ามหัวกองทหารอาวุธครบมือเหล่านั้น แม้ต่งเทียนอี้และหลานจะกล้าหาญ แต่ก็ตกใจกลัวจนแทบปล่อยของเสียออกมา พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ตัวเองจะได้มาบินอยู่บนฟ้าด้วย?

พอลงมายังพื้นดิน ทั้งสองคนก็เข่าทรุดฮวบ ความหวาดกลัวของพวกเขาเวลานี้ ยังห่างชั้นจากตอนที่เยี่ยเทียนรบราฆ่าฟันในค่ายฝึกทหาร ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งที่มนุษย์มีกำลังทำได้

“เทพเซียนกะผีน่ะสิ ถ้าเป็นเทพเซียน ระยำนั่น จะเหนื่อยขนาดนี้เหรอ?”

เยี่ยเทียนสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้เขาเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยเลยจริงๆ เพียงระยะทางสั้นแค่ห้าสิบกิโลเมตร ก็แทบทำให้เขาสูญปราณแท้ภายในกายไปทั้งร่าง

ผมของเยี่ยเทียนถูกหยาดเหงื่อชะโลมจนชุ่ม พอโน้มตัวก็ไหลลงบนหน้าผาก นับตั้งแต่เข้าสู่ระดับเซียนเทียน เขาก็ไม่เคยต้องกระเสือกกระสนขนาดนี้

“แล้ว…แล้วพวกเราจะทำยังไงกันต่อครับ?”

ได้ยินคำสบถของเยี่ยเทียนแล้ว ต่งเทียนอี้กับหลานกลับรู้สึกโล่งใจมากขึ้น ในความคิดของพวกเขา เทพเซียนควรจะมีบุคลิกอย่างเซียน ไม่เห็นเคยได้ยินมาว่ามีประเภทที่ชอบสบถด่า

“พวกคุณหาอะไรกินกันก่อนเถอะ เดี๋ยวจะมีคนมารับ!”

เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือ โยนกาน้ำกับหมั่นโถวที่เย็นเยียบเหมือนก้อนหินให้กับทั้งสอง ส่วนตัวเองนั่งลงขัดสมาธิกับพื้น

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ก็ดังมาแต่ไกล เยี่ยเทียนผุดลุกยืน สติสัมปชัญญะไม่อ่อนล้าเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว

“บอสส์ ทำไมมีสองคนล่ะครับ?” พอเยี่ยเทียนใช้ญาณนำทางมาแล้ว มาลาไกย์ก็ปิดเครื่องยนต์ ขมวดคิ้วมองต่งเทียนอี้กับหลานที่เปรอะเปื้อนเลือดไปทั้งตัว

“เหล่าต่งยังมีลูกชายเหลืออีกคน ฉันคงทิ้งไว้ที่นั่นไม่ได้หรอกใช่ไหม?” เยี่ยเทียนส่ายหน้า บอกว่า “รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ รู้สึกเหมือนถูกใครจับตามองอยู่!”

ตอนที่อยู่ในค่ายฝึก เยี่ยเทียนมีความรู้สึกอย่างนั้น แต่ว่าตอนนี้หนีออกมาจากค่ายฝึกแล้ว ความรู้สึกนั้นของเขากลับยังคงไม่จางหายไป เยี่ยเทียนรู้ว่า ต้องมีอะไรผิดพลาดบางอย่าง

มาลาไกย์พยักหน้า หยิบชุดหนังสองชุดออกมาจากในรถ พูดกับต่งต้าจ้วงและลุงว่า “เอ้า คุณสองคน เปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนเถอะ!”

เมื่อครู่ตอนขับรถมา มาลาไกย์สัมผัสได้ว่าในเขตแดนนี้มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ถ้าหากมาลาไกย์ไม่รู้จักทางลัดล่ะก็ เกรงว่าอาจไม่สามารถขับรถมาถึงจุดนี้ได้

“คุณสองคนนอนพักกันก่อนเถอะ ตื่นขึ้นมาก็ปลอดภัยแล้วล่ะ!”

เยี่ยเทียนนั่งลงบนเบาะหน้ารถยนต์ หันหลังไปกดจุดล่างใบหูของต่งต้าจ้วงและลุง ทันใดทั้งลุงและหลานก็เกิดรู้สึกง่วงงุน เอนร่างนอนลงบนเบาะ

“เกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เยี่ยเทียนมองไปทางมาลาไกย์ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ หัวคิ้วของเหล่าหม่าไม่คลายออกจากกันเลย

“สถานการณ์ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ครับ”

มาลาไกย์พยักหน้า บอกว่า “ไม่รู้ว่าทางรัสเซียเกิดอะไรขึ้น กองกำลังประจำจังหวัดกำลังรวมตัวกันมาทางนี้ เส้นทางสายหลักล้วนถูกปิดหมด เกรงว่าจะไปไม่ถึงอีร์คุตสค์

ตามแผนการเดิมของมาลาไกย์ หลังจากเดินทางถึงอีร์คุตสค์แล้ว จะใช้ขั้นตอนการปลอมแปลงที่ตระเตรียมเอาไว้ ส่งตัวต่งต้าจ้วงไปยังสาธารณรัฐอัลไตในไซบีเรียก่อน จากนั้นค่อยหาทางพาเขาส่งตัวกลับประเทศ

เนื่องด้วยสาธารณรัฐอัลไตแยกตัวออกมาจากโซเวียตเมื่อในอดีต มีเครือข่ายนับพันหมื่นเส้นทางกับรัสเซีย เขตแดนถูกแบ่งกั้นด้วยหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น การหาทางข้ามแดนจึงง่ายดายอย่างมาก

แต่ว่าตอนนี้เส้นทางไปอีร์คุตสค์ถูกปิดกั้นเอาไว้หมดแล้ว ตลอดทางมีด่านกั้นมากมาย มาลาไกย์จึงไม่สามารถพาพวกเขาขับผ่านตลอดระยะทางสามร้อยกิโลเมตรได้

“ก็แค่สงครามระหว่างแก๊งค์มาเฟียไม่ใช่เหรอ? รัฐบาลรัสเซียให้ความสำคัญขนาดนี้เชียว?”

เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว เขตไซบีเรียแห่งนี้พื้นที่กว้างใหญ่ผู้คนเบาบาง หากรอจนฟ้าสาง ทางกองทัพส่งกำลังค้นหาทางอากาศหรือเฮลิคอปเตอร์มา น่ากลัวว่ารถยนต์คันนี้จะถูกพบเข้าโดยเร็ว

“มีวิธีอื่นอีกไหม?” เยี่ยเทียนไม่ค่อยคุ้นชินกับพื้นที่ในไซบีเรียนัก เขาทำได้เพียงมองมาลาไกย์ หวังว่าจะพบสักหนทางที่เหมาะสม

มาลาไกย์ส่ายหน้า บอกว่า “ทหารบนเส้นทางหลักในเขตอีร์คุตสค์ต้องถอนตัวออกไป ไม่อย่างนั้นก็ต้องซ่อนตัวพวกเขาไว้แถวนี้แหละครับ!”

“ไม่ได้ ต้องส่งตัวออกจากรัสเซียโดยเร็วที่สุด!”

เยี่ยเทียนปฎิเสธคำแนะนำจากมาลาไกย์ เขาสังหารทหารรัสเซียไปสิบกว่านาย ทางรัสเซียจะต้องไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่นอน