ตอนที่ 2009 เทพสวรรค์นั้นเก่งกาจมากหรือ?

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

หลู่เหยียนนั้นโกรธแค้นจนหน้าแดงก่ำ ตั้งแต่ที่เขาก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพสวรรค์มันยังไม่เคยมีใครกล้าดูถูกว่ากล่าวเขาถึงขั้นนี้

แต่คำพูดที่ออกมาจากปากเย่หยวนนี้มันกลับเรียกเขาว่าผู้สมองมีปัญหา

การขัดขืนเทพสวรรค์นั้นมันเป็นโทษทัณฑ์อันสูงสุด!

ดวงตาทั้งสองของเขานั้นหรี่เล็กลงมองพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “โอหัง! คำพูดของเทพสวรรค์นั้นคือความศักดิ์สิทธิ์! บอกให้เข้าไปตาย เจ้าก็ต้องตาย! คิดกล้าขัดขืนเทพสวรรค์ผู้นี้ต่อให้วันนี้เจ้าคิดอยากตาย ข้าก็จะมิให้เจ้าได้ตาย!”

ที่ด้านข้างเติ้งหยุนไซก็กล่าวเสริมขึ้น “พี่หลู่เหยียน จะยังไปพูดคุยกับมันเพื่อการใด? รีบจัดการจับมันมาบดกระดูกหลอมวิญญาณเสียเถอะ ดูว่ามันจะยังมีหน้ามาโอหังอีกหรือไม่!”

เมื่อเย่หยวนได้ยินใบหน้าของเขาก็แสดงท่าทางเย้ยหยันออกมาอย่างเต็มที่ “บดกระดูก? หลอมวิญญาณ? แผนการของเจ้าคนหลงตัวเองนี่มันช่างโหดเหี้ยมดีจริงๆ!”

เติ้งหยุนไซหัวเราะตอบกลับ “ทำไมเล่า? กลัวก็เป็นหรือ? เปล่าประโยชน์! ต่อหน้าเทพสวรรค์อย่างเราเจ้ามันก็เป็นได้แค่มดปลวก! ที่สำคัญตอนนี้ยังมีเทพสวรรค์ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าถึงสามคน! ไม่ว่าเจ้าจะมีลูกไม้ใดมันก็ไร้ค่า! แต่… การที่ทำให้พวกเราทั้งสามต้องลงมาจัดการเรื่องราวด้วยตัวเองเช่นนี้ เจ้าควรจะภูมิใจในจุดนั้นไว้เสียเถอะ!”

ในสายตาของเติ้งหยุนไซแล้วการที่เทพถ่องแท้สามดาวตัวน้อยผู้หนึ่งก่อเรื่องราวจนทำให้พวกเขาทั้งสามต้องลงมาจัดการเองเช่นนี้มันเป็นอะไรที่สมควรยึดถือไว้ภูมิใจแล้ว

ตำแหน่งของเทพสวรรค์นั้นมันยิ่งใหญ่ปานใด?

ปกติเวลาแล้วพวกเขาทั้งหลายไม่คิดจะหันมาสนใจเรื่องราวของเทพถ่องแท้ตัวน้อยเช่นนี้แน่

แต่วันนี้พวกเขากลับต้องเดินทางลงมาเอง

เมื่อเหล่านักยุทธในเมืองได้เห็นเย่หยวนยืนปะทะคารมกับเทพสวรรค์อย่างไม่หวาดหวั่น พวกเขาแต่ละคนต่างแทบวิญญาณหลุดออกจากร่าง

“นั่นมันคือเทพสวรรค์เลยนะ! ท่านเย่หยวนไม่กลัวจะไปทำให้พวกเขาไม่พอใจเลยหรือ?”

“ท่านเย่หยวนนั้นยอมหักไม่ยอมงอเราก็รู้กันดี! หากตัวข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าเทพสวรรค์เช่นนั้นบ้างแล้วขาข้าคงไม่อาจมีแรงมากพอจะยืนได้ไหว”

“ข้าล่ะกลัวแทนท่านเย่หยวนจริงๆ! แม้ว่าข้าจะรู้ดีว่าท่านนั้นมีแผนลับไว้เสมอแต่ข้าก็ยังไม่อาจนึกได้จริงๆ ว่ามันคือแผนการใดถึงจะสามารถรับมือกับเทพสวรรค์ได้”

หากจะบอกว่าพวกเขาทั้งหลายไม่กังวลมันก็คงเป็นการโกหก

แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเย่หยวนจะได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้น สังหารล้างบางกองทัพเทพถ่องแท้นับพันๆ ไปด้วยตัวคนเดียว แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้มันคือเทพสวรรค์!

เทพถ่องแท้นับพันๆ มันอาจจะฟังดูน่าหวาดกลัวแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพสวรรค์แล้วพวกเขาก็เป็นได้แค่กระดาษเปล่า

ต่อให้จะเป็นแค่เติ้งหยุนไซคนเดียวเขาก็คงสามารถจัดการเทพถ่องแท้นับพันๆ นั้นลงได้อย่างไม่ยากลำบากใดๆ แม้แต่น้อย

นั่นมันคือความแตกต่างของเทพสวรรค์และเทพถ่องแท้!

ความแตกต่างในระดับที่ไม่อาจใช้จำนวนมาแทนที่ได้

แต่เย่หยวนนั้นสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เหล่าชาวเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างเชื่อมั่นในตัวของเขา

และความมั่นใจนั้นมันทำให้พวกเขาทั้งหลายเกิดห่วงความปลอดภัยของเย่หยวนขึ้นมา พร้อมๆ กันนั้นมันก็ยังทำให้เกิดความตื่นเต้นว่าเบื้องหน้ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อเย่หยวนได้ยินคำของเติ้งหยุนไซเขาก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา

“เทพสวรรค์นั้นเก่งกาจมากหรือ? แผนการของข้านั้นมันเหนือล้ำกว่าที่สมองน้อยๆ ของพวกเจ้าจะคิดตามได้”

หลู่เหยียนหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือก “มันจะเก่งกาจปานใดอีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้! เจ้าแผนการโง่ๆ ของเจ้านั้นมันไม่มีค่าใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง”

ตอนนี้ความอดทนใดๆ ที่ตัวเขามีนั้นมันถูกเย่หยวนทำลายลงสิ้น

เขานั้นคิดว่าการที่ตัวเขาลงมาจัดการเรื่องราวเองมันจะทำให้เย่หยวนต้องหวาดกลัว ทำให้เย่หยวนสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวเต็มหัวใจ ทำให้เขาต้องก้มหัวลงแทบพื้นร้องขอชีวิต

แต่เรื่องใดๆ เช่นนั้นมันไม่เกิดขึ้นเลย!

ไม่เพียงเท่านั้นแต่คำพูดของเย่หยวนแต่ละคำยังทำให้ตัวเขาแทบกระอักเลือด

ตอนนี้คลื่นพลังเทพสวรรค์จากร่างของหลู่เหยียนจึงได้พุ่งเข้ามาหมายจับเย่หยวนไว้ด้วยฝ่ามือ

เย่หยวนนั้นยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยและไม่มีท่าทีจะลงมือทำสิ่งใด

หลู่เหยียนที่เห็นเช่นนั้นจึงได้หัวเราะลั่นออกมา “ปากเก่งเสียจริง แต่สุดท้ายเจ้าก็ยังยอมงอมืองอเท้ารับความพ่ายแพ้มิใช่หรือ?”

แต่ในเวลานั้นเองที่มิติเบื้องหน้าระหว่างตัวเย่หยวนและหลู่เหยียนกลับเกิดรอยแตกขึ้น

คลื่นพลังเทพสวรรค์ที่มิใช่พลังของเขาปะทุออกมาจากภายในพร้อมด้วยฝ่ามือหนึ่งที่ซัดออกมาปะทะเข้ากับฝ่ามือของเขา

‘ปัง!’

หลู่เหยียนต้องถอยไปไกลก่อนจะเงยหน้ามามองชายหนุ่มชุดขาวนั้นด้วยใบหน้าสุดแสนตื่นตกใจ

“เทพสวรรค์… สองดาว!” หลู่เหยียนร้องขึ้นอย่างตกตะลึง

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็เบิกตากว้างไม่แพ้กันด้วยความตื่นตกใจกับการปรากฏกายของชายหนุ่มผู้นี้

เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันไปมีเทพสวรรค์ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

หลู่เหยียนร้องบอกขึ้นแก่ไป๋ตงด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น “เจ้าผู้นี้ เทพสวรรค์ผู้นี้เป็นผู้นำแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ วันนี้ข้าเดินทางมาเพื่อจัดการเรื่องราวในเขตแดนตนเอง โปรดอย่าได้มายุ่ง!”

ไป๋ตงมองดูหลู่เหยียนด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “เย่หยวนนั้นเป็นน้องชายของข้า เจ้ากลับบอกว่าจะไม่ให้ข้ายุ่ง? เจ้า… สมองมีปัญหาหรือ?”

ใบหน้าของหลู่เหยียนดำมืดลงทันทีที่ได้ยิน

ทำไมปากของเจ้าหมอนี่มันถึงได้ร้ายกาจเช่นนี้?

คำพูดที่ออกมานั้นมันแทบจะเป็นคำเดียวกับเย่หยวน!

แต่มันยังมีสิ่งที่ทำให้จิตใจของเขาตื่นตะลึงมากกว่า

เพราะเทพสวรรค์สองดาวนั้นกลับเรียกเย่หยวน เทพถ่องแท้สามดาวผู้นี้ว่าเป็นน้อง?

หลู่เหยียนนั้นยังคงไม่อาจตั้งสติขึ้นมาจากความตกตะลึงที่เขามีในเวลานี้ได้

“น-นั่นมันท่านไป๋ตงมิใช่หรือ?”

“เอ๋ จริงด้วย! ท่านไป๋ตงนั้นเป็นเพียงเทพถ่องแท้สี่ดาวมิใช่หรือ? เหตุใดเขาจึงสามารถบรรลุขึ้นมาเป็นเทพสวรรค์สองดาวได้เช่นนี้? นี่มัน… จะรวดเร็วเกินไปหรือไม่?”

“ฮ่าๆ! ท่านเย่หยวนนั้นช่างสมเป็นท่านเย่หยวน มีแผนการที่เหนือล้ำรอรับไว้จริงๆ!”

“ท่านเย่หยวนนั้นมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำไม่เป็นรองผู้ใดอย่างแท้จริง ท่านอาจจะทำการหลอมโอสถวิเศษใดขึ้นมาช่วยให้ท่านไป๋ตงได้บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ก็เป็นได้!”

ไป๋ตงนั้นได้ลงมืออยู่หลายต่อหลายครั้งทำให้เรื่องราวของเขานั้นไม่ได้เป็นความลับแก่คนในเมืองอีกต่อไป

แต่การปรากฏตัวในครั้งนี้เขากลับทะยานขึ้นจากเทพถ่องแท้สี่ดาวกลายเป็นเทพสวรรค์สองดาวในพริบตา มันย่อมจะทำให้ผู้คนทั้งหลายโห่ร้องด้วยความชื่นชมแล้ว

พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้ว่าเดิมทีไป๋ตงนั้นเป็นเทพสวรรค์มาก่อน ทำให้ในสายตาของพวกเขาการทะยานขึ้นฟ้าเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่สุดแสนเหนือล้ำจินตนาการ!

ตัวตนของเทพสวรรค์นั้นมันน่าตกตะลึงถึงระดับใด?

คำพูดของนักยุทธทั้งหลายในเมืองนั้นมันทำให้พวกหลู่เหยียนทั้งสามคนแทบตาถลนออกจากเบ้า

เทพถ่องแท้สี่ดาว?

ผู้อยู่ตรงหน้าของพวกเขานี้คือเทพถ่องแท้สี่ดาวแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์?

มันเป็นเวลาสักเท่าไหร่กัน เหตุใดตัวเขาผู้นี้จึงสามารถบรรลุจากอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวขึ้นมาเป็นเทพสวรรค์สองดาวได้?

ความเป็นไปได้นับล้านๆ หลั่งไหลเข้ามาในสมองของหลู่เหยียน

อย่าได้ไปกลัว!

แต่ไม่ว่าอย่างไรเสีย… เจ้าบ้านี่มันหลอมโอสถประเภทใดขึ้นมากัน?

หลู่เหยียนกัดฟันแน่นร้องบอก “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าแค่เอาเทพสวรรค์สองดาวออกมาผู้หนึ่งแล้วจะรอดหรือ? อย่าลืมว่าพวกเรานั้นมีเทพสวรรค์กันถึงสามคน!”

พูดไปเขาก็หันไปสั่งพวกเติ้งหยุนไซ “ข้าจะจัดการเจ้านี่เอง พวกเจ้ารีบไปจัดการเจ้าเด็กคนนั้นเสีย! จับมันให้ได้รวดเร็วที่สุดอย่าได้เสียเวลาอีก!”

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวพยักหน้ารับทำให้หลู่เหยียนพุ่งตัวเข้ามาปะทะถ่วงไป๋ตงไว้ทันที

ไป๋ตงเองก็สะบัดแขนส่งพัดนั้นออกมาและเจ้าพัดนี้มันกลับเป็นถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!

แต่ตัวเขานั้นกลับพุ่งตัวออกมาด้านหน้าอย่างไม่คิดสนใจจะปกป้องเย่หยวนใดๆ

คลื่นพลังอันรุนแรงนั้นจึงเข้าปะทะกับหลู่เหยียนอย่างรุนแรงจนเขาหน้าถอดสี

เพราะตัวเขานั้นไม่มีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!

ตัวเขาจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้นได้อย่างไร? มีหรือที่เทพสวรรค์ทุกผู้คนจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์พกติดตัวไว้?

ด้วยการปะทะในครั้งนี้ เขาจึงถูกไป๋ตงกดดันในทันที

“รีบจัดการมันเสีย เจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดา!” หลู่เหยียนร้องบอก

เมื่อเหล่านักยุทธทั้งหลายในเมืองเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็อดไม่ที่จะร้องขึ้นด้วยความตื่นตกใจ

“ไม่ดีแล้ว ท่านเย่หยวนประมาทเกินไป! อีกฝ่ายนั้นมีเทพสวรรค์ถึงสามคน!”

“ท่านเย่หยวน หนีเร็ว!”

เหล่านักยุทธในเมืองต่างร่ำร้องบอกขึ้นอย่างตกตะลึง

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวหันหน้าส่งสัญญาณให้กันก่อนจะยิ้มเย้ยเย่หยวน “เด็กน้อย เจ้ายอมรับชะตาเสียเถอะ! ครั้งนี้ข้าอยากรู้เสียจริงว่าจะมีใครมาช่วยเหลือเจ้าอีก!”

พูดจบคนทั้งสองก็ก้าวเท้าออกมาคิดจับตัวเย่หยวนไว้ในทันที

แต่ในเวลานั้นเองที่ห้วงมิติด้านหน้ามันกลับเกิดรอยแยกเผยให้เห็นสองเงาร่างค่อยๆ ก้าวออกมา

…………………………