อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1053 มีอำนาจมีหน้าตา
กู้ชูหน่วนแหงนหน้าขึ้น กลับเห็นว่าทุกคนกำลังมองนางอยู่

จึงนั่งลงอย่างสงบนิ่งเสียเลย ปล่อยให้คนอื่นวิจารณ์ตามใจ

หยางโม่มีฐานะเป็นองค์ชาย ฐานะสูงส่ง จะนั่งด้านหลังก็ลำบาก ไม่เช่นนั้นเขาก็อยากจะเปลี่ยนที่นั่งกับคนอื่น เพื่อนั่งข้างๆกู้ชูหน่วน

คนมากมายต่างทยอยล้อมไปทางกู้ชูหน่วน แนะนำตัวเองกับกู้ชูหน่วนอยู่ไม่หยุด

“แม่นางมู่ ข้าคือซาป้าเทียน บุตรชายของประมุขพรรคดาบยักษ์ ข้าและท่านพ่อของข้าชอบเจ้ามาก ข้าจะเชิญเจ้าไปเป็นแขกที่พรรคดาบยักษ์ได้หรือไม่?”

“ไปไปไป พรรคดาบยักษ์นับอะไรได้ แม่นางมู่ ข้าคือประมุขของพรรคฉางซา เจ้าจำข้าได้หรือไม่?”

“ในหุบเขาอสูร ข้าเคยสนทนากับเจ้า เจ้ายังบอกว่า……”

“พอแล้วพอแล้ว คนอื่นเขาไม่รู้จักเจ้า เจ้าจะประจบอะไรอยู่ตรงนั้นอีก แม่นางมู่ ข้าคือประมุขของพรรคไห่เทียนในหุบเขาอสูรข้ายังเคยขอเจ้าแต่งงานด้วย เจ้ายังมีพอจำได้หรือไม่?”

กู้ชูหน่วนยังคงส่ายหน้า

คนอื่นส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ “ประมุขของพรรคไห่เทียนอะไร คนอื่นเขาก็จำเจ้าไม่ได้เหมือนกัน”

“วันนั้นที่หุบเขาอสูรมีคนมากมายขนาดนั้น พวกเราก็พบหน้ากันด้วยความรีบร้อนอีก นางลืมก็เป็นธรรมดา อย่างน้องข้ากับนางก็ยังมีวาสนาได้พบหน้ากันครั้งหนึ่ง ก็คงจะดีกว่าพวกเจ้าที่ไม่รู้จักนางเลยรึเปล่าล่ะ”

“ลูกชายของข้ากับนางเป็นเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียนกัน”

“ลูกสาวของข้าก็เป็นเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียนกับนางเช่นกัน”

“……”

หนิงเทียนโย่วกล่าวเหน็บแนม “การผจญภัยในแห่งหุบเขาอสูร เจ้าได้หน้าได้ตามากจริงๆ ชื่อเสียงโด่งดังเชียวนะ ธรณีประตูจวนมู่แทบจะถูกเหยียบจนพังแล้วล่ะสิ ไม่น่าแปลกใจที่แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ก็ไม่คุ้มค่าพอที่จะชายตามอง”

“ทำไมคำพูดนี้ข้าฟังแล้วถึงได้ปวดใจขนาดนั้นนะ เสี่ยวโย่วจื่อ สี่ตระกูลใหญ่ที่เจ้าพูดถึง คงไม่ได้รวมตระกูลหนิง รวมเจ้าไปด้วยหรอกนะ”

“ถุย ข้าแต่งงานกับใครก็จะไม่แต่งงานกับเจ้า”

เช่นนั้นก็ดี ยังนับว่าเจ้ารู้ตัวดี”

“เจ้า….ยัยผู้หญิงคนนี้ โด่งดังแล้วก็รู้สึกว่ายอดเยี่ยมใช่หรือไม่?”

“ข้ามีอะไรยอดเยี่ยมกัน คนเหล่านี้ก็เพียงแค่เสริมสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น เจ้าเชื่อหรือไม่ หากว่าข้าไม่มีความสามารถในการควบคุมสัตว์ หรือหากว่าสี่ตระกูลใหญ่เปลี่ยนมาต่อกรกับข้า คนที่ไม่มีจุดยืนเหล่านี้ก็จะต้องกลับไปอยู่อีกฝั่งแน่”

หากไม่ใช่เพราะหนิงเทียนโย่วทนดูไม่ได้ ไล่พวกที่เข้ามาประจบประแจงเหล่านั้นออกไป ก็ไม่รู้ว่าคำพูดเช่นนี้ของกู้ชูหน่วนจะล้วงเกินคนอีกมากมายเพียงใดอีก

หนิงเทียนโย่วและหลินซือหย่วนแทบอยากจะอุดปากนางซะ

“วันนี้เป็นวาระโอกาสใด แต่พรรคแต่ละสำนักของทั้งทวีปปิงหลิงล้วนอยู่ที่นี่ เจ้าพูดคำเหล่านี้ อยากจะล่วงเกินคนทั่วหล้าให้หมดเลยหรือไง?”

“ล่วงเกินก็ล่วงเกินสิ พวกเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกับข้าสักหน่อย”

“เจ้ายัยผู้หญิงคนนี้ ข้าไม่รู้ว่าควรว่าเจ้ายังไงดี”

หลินซือหย่วนพยักหน้าอย่างฉับพลัน เห็นด้วยกับความคิดของหนิงเทียนโย่ว

“แม่นางมู่ ข้าว่าพวกเราอ่อนน้อมถ่อมตนหน่อยจะดีกว่า”

“ข้ายังถ่อมตัวไม่พออีกเหรอ? ข้ามาปะปนอยู่กลางฝูงชนขนาดนี้แล้ว พวกเขาก็ปฏิบัติเหมือนกับข้ามีความนิยมมากเช่นนั้นให้ได้ ข้าจะทำอะไรได้”

คนอื่นไม่ได้ยิน แต่ซ่างกวนหมิงหลางได้ยินอย่างชัดเจน

ทุกครั้งที่มู่หน่วนทำการล้วนก่อความวุ่นวายจนรู้กันไปทั่ว นางยังจะถ่อมตัวอีกเหรอ?

“สี่เจ้าบ้านตระกูลใหญ่มาถึงแล้ว……”

จากเสียงที่ดังขึ้น ทุกคนล้วนมองไปบนที่นั่งด้วยความสนใจ

สี่เจ้าบ้านตระกูลใหญ่มีเจ้าบ้านไป๋หลี่เป็นผู้นำ ต่างพากันนั่งลงตรงที่นั่ง

เจ้าบ้านเวินยังคงอ่อนน้อมถ่อมตัวเหมือนดังเคย นั่งในที่นั่งที่สองจากด้านขวา

เจ้าบ้านไป๋หลี่และเจ้าบ้านซ่างกวนแย่งชิงที่นั่งแรกทางซ้ายและทางขวา

เจ้าบ้านหนิงนั่งเก้าอี้ที่สองจากซ้าย

ในสนามจัตุรัสมีเสียงสูดหายใจด้วยความตะลึงดังขึ้น

ไม่ว่าชายหรือหญิง ทุกคนล้วนถูกชายหนุ่มผู้อ่อนโยนในที่นั่งที่สองจากทางด้านขวาดึงดูดเข้าแล้ว

“เขาเป็นใคร? ชายหนุ่มรูปงามขนาดนั้น หรือว่าจะเป็นเจ้าบ้านเวินตามคำร่ำลือจริง? อายุน้อยเกินไปแล้ว”

“ใช่แล้ว มีเงิน มีอำนาจ มีหน้าตา ช่างเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวในใจของข้าจริงๆ ไม่รู้ว่าเข้าแต่งงานแล้วรึยัง”