ตอนที่ 2149 นั่นคงจะยากเกินไป!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2149 นั่นคงจะยากเกินไป!

เมื่อทั้งสองฝ่ายทัดเทียมกันแทบจะทุกด้าน การสู้รบครั้งนี้จึงโหดร้ายและยืดเยื้อยาวนาน

“ถึงตาเราแล้ว…”

ปรมาจารย์ขงไม่แยแสการรบราฆ่าฟันที่เกิดขึ้น เขาก้าวพรวดออกไปทีเดียว ครอบคลุมระยะทางหลายสิบลี้ในชั่วพริบตา ยังไม่ทันที่ใครจะรู้ตัว เขาก็ไปยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าจางเซวียน

แต่พริบตาต่อมา ค่ายกลที่สร้างขึ้นจากธงค่ายกลหนึ่งแสนอันก็ปล่อยเสียงหึ่งเบาๆออกมา เกิดปราการแสงขนาดใหญ่ล้อมรอบร่างของจางเซวียนกับนักรบอมตะตัวจริงทั้งหนึ่งแสนชีวิตเอาไว้

ค่ายกลนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อป้องกันพลังจิตวิญญาณไม่ให้รั่วไหลออกสู่บรรยากาศ แต่เพื่อปกป้องผู้ที่อยู่ภายในด้วย ต่อให้นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ก็ไม่อาจฝ่าเข้าไปได้โดยง่าย

ฟึ่บ!

ปรมาจารย์ขงกระดิกนิ้ว เขาสร้างรอยแยกและก้าวเข้าไป ปราการนั้นไม่อาจยับยั้งปรมาจารย์ขงไว้ได้แม้เพียง 1 วินาที

หลังจากเข้าสู่ค่ายกล ปรมาจารย์ก็จับจ้องที่แท่นบูชาทันที

กิริยานั้นทำให้หวู่เฉินสูญเสียการควบคุมแท่นบูชา มันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับพร้อมจะลอยละลิ่วเข้าหาปรมาจารย์ขงได้ทุกเมื่อ

หวู่เฉินรีบกัดนิ้วและหยดเลือดของเขาลงไปบนแท่นบูชา

แท่นบูชาที่กำลังสั่นสะท้านค่อยๆสงบลงเมื่อได้เลือดเป็นบรรณาการ แม้จะยังสั่นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่รุนแรงแบบเดิม

“หัวหน้าตู้ ช่วยผมที!” หวู่เฉินร้องออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด

ตู้ชิงหย่วนที่กำลังต่อสู้กับนักรบอมตะขั้นสูง 2-3 คนรีบผละจากคู่ต่อสู้เพื่อเข้ามาถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่แท่นบูชา

เมื่อเธอทำแบบนั้น แท่นบูชาจึงสงบนิ่ง

ปรมาจารย์ขงไม่แยแส เขาหันไปพูดกับจางเซวียน “คุณจะนำมันออกมาเอง หรือต้องให้ผมจัดการ? รู้ไว้ด้วยนะว่าจบไม่สวยแน่ถ้าผมต้องลงมือ”

ฟึ่บ!

แม้จะดูเหมือนปรมาจารย์ขงไม่ได้ทำอะไร แต่จางเซวียนก็รู้สึกว่ามิติที่อยู่รอบตัวเขาหนักอึ้ง เกิดเป็นปราการที่กักขังเขาไว้ ไม่อาจหลบหนีออกไปได้

แม้จะเป็นอย่างนั้น จางเซวียนก็ยังดำเนินการบรรยายของเขาต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ต่อให้ปรมาจารย์ขงฝ่าปราการเข้ามา พยายามฉกฉวยแท่นบูชาไป และเปิดการโจมตีใส่เขา การบรรยายของเขาก็จะไม่มีวันหยุดชะงัก

นักรบอมตะตัวจริงทั้งหนึ่งแสนชีวิตยังคงดื่มด่ำกับคำบรรยาย ถึงจุดที่ไม่แม้แต่จะรับรู้ว่าอันตรายใหญ่หลวงกำลังเข้าประชิดตัว

“การถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ ถ้อยคำเรียบง่ายแห่งภูมิปัญญาล้ำลึก…ลูกไม้ตื้นๆที่ล่อลวงหัวจิตหัวใจของพวกงี่เง่าให้ยอมสวามิภักดิ์และทอดกายรับใช้ นั่นคือวิธีการที่เขาชื่นชอบและช่ำชอง ซึ่งดูเหมือนคุณก็เชี่ยวชาญไม่เบานะ แต่นั่นแหละ มันสายไปแล้ว” ปรมาจารย์ขงคำรามขณะเงื้อมือขึ้น เตรียมเล่นงานจางเซวียน

“คุ้มกันเจ้าสำนัก!”

หวู่เฉินกับตู้ชิงหยวนพุ่งปราดเข้ามาอย่างพรั่นพรึงเพื่อปกป้องจางเซวียน แต่พริบตาต่อมา ลำแสงมากมายก็ระเบิด ขวางทางปรมาจารย์ขง

“ถ้าคุณคิดจะทำร้ายท่านอาจารย์ของเราล่ะก็ ข้ามศพของพวกเราไปก่อน!” พละกำลังมหาศาลของวัยรุ่น 11 คนแทบจะฉีกกระชากท้องฟ้าให้ขาดออกจากกัน

พวกเขาคือจ้าวหย่า เจิ้งหยาง และคนอื่นๆ!

ศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนของจางเซวียนสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว และต่างก็มีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่ท่านอาจารย์มอบให้ ด้วยการผนึกกำลังกันอย่างไร้ที่ติ พวกเขาจึงทำได้แม้แต่ปัดป้องพละกำลังจากฝ่ามือของปรมาจารย์ขง

“หวู่เฉิน เริ่มพิธีกรรม!”

ด้วยการกระดิกนิ้ว รังสีสวรรค์ที่จางเซวียนได้มาจากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายก็พุ่งลงสู่แท่นบูชา

“โอ เทพเจ้าผู้สูงส่ง ผม, หวู่เฉิน ขอมอบความจงรักภักดีและความศรัทธาอย่างจริงใจของจิตวิญญาณทั้ง 100,000 ดวง ขอวิงวอนให้ช่วยชำระรังสีสวรรค์นี้ให้บริสุทธิ์…”

สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง-หวู่เฉินกับตู้ชิงหย่วน คนหนึ่งยืนอยู่ทางซ้ายของแท่นบูชา ขณะที่อีกคนอยู่ทางขวา ทั้งคู่ชูนิ้วชี้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ขณะปล่อยเลือดให้หยดลงสู่แท่นบูชา ลำแสงเจิดจ้าส่องสว่างออกไปโดยรอบขณะที่พลังจิตวิญญาณเข้มข้นเข้าโอบล้อมนักรบอมตะตัวจริงทั้งหนึ่งแสนชีวิตไว้

ฟึ่บ!

เปลวเพลิงสีเหลืองนวลลุกโพลงขึ้นเหนือแท่นบูชา ลามเลียรังสีสวรรค์ที่มีสีดำสนิท แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับรังสีสวรรค์สีดำนั้นเลย

“ในบรรดานักรบอมตะตัวจริงทั้งหนึ่งแสนชีวิต มีบางส่วนที่ยังไม่ได้เปิดใจเต็มที่” ตู้ชิงหย่วนกัดฟันพูด “เปลวเพลิงจะต้องเปลี่ยนเป็นสีทอง ถึงจะชำระรังสีสวรรค์ให้ปลอดจากองค์ประกอบของการเสื่อมถอยได้!”

เพราะได้รับการถ่ายทอดกรรมวิธีการประกอบพิธีกรรม เธอจึงรู้ดีว่าเงื่อนไขที่จะทำให้ประสบความสำเร็จคืออะไร

เมื่อจิตวิญญาณของนักรบอมตะตัวจริงทั้งหนึ่งแสนชีวิตรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริงเท่านั้น เปลวเพลิงบนแท่นบูชาถึงจะเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม การที่เปลวเพลิงยังคงเป็นสีเหลืองนวลบ่งบอกว่าจิตวิญญาณของพวกเขาเพิ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น!

“ถ้าผมมีเวลามากกว่านี้สักหน่อย…” จางเซวียนพึมพำพร้อมกับส่ายหน้า

ในบรรดานักรบอมตะตัวจริง 100,000 ชีวิต มีเพียง 50,000 ชีวิตเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างเขา และนั่นรวมถึงนักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ 40,000 ชีวิตที่เพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปเมื่อครู่นี้ด้วย ไม่ใช่เพราะการบรรยายของเขาไม่อาจดึงดูดใจนักรบเหล่านั้น แต่เวลาที่เขาใช้ยังสั้นเกินไป!

ความเชื่อถือและความไว้วางใจต้องการเวลาในการบ่มเพาะ

ต่อให้เป็นความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างพ่อแม่กับลูก ถ้าไม่ใช่เพราะการบ่มเพาะดูแลด้วยความเอาใจใส่และการอยู่เคียงข้าง ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็คงเป็นไปอย่างตื้นเขิน

เรื่องนี้ย่อมเป็นความจริงที่ชัดเจนขึ้นอีกเมื่อเป็นความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์

ความผูกพันระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์อาจลึกซึ้งได้ แต่ต้องการระยะเวลาในการบ่มเพาะอย่างเอาใจใส่ นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ตอนนี้จางเซวียนยังขาดไป

ถ้าเขามีเวลาอีกสัก 1 ชั่วโมง คงไม่ต้องเสี่ยงอันตรายแบบนี้

“นั่น…รังสีสวรรค์จากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย? เจ้าโครงกระดูกสีดำงี่เง่ามอบมันให้คุณจริงๆหรือนี่? ไอ้สารเลว! ทำไม? ทำไม?”

ปรมาจารย์ขงที่กำลังรับมือกับจ้าวหย่าและพรรคพวกเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่าง และเข้าใจความมุ่งหมายของจางเซวียนทันที นัยน์ตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว

ในฐานะผู้ที่มีชีวิตอยู่มาหลายพันปี เขาเองก็รู้ความลับของเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย

อันที่จริง เขาเคยเข้าสู่พื้นที่นั้นเพื่อเสาะหาสมุนไพรบางชนิด แต่แล้วหลายอย่างก็เกิดขึ้น

ทั้งสองครั้งที่เขาสำรวจลึกเข้าไปในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย เขาได้พบกับโครงกระดูกสีดำตัวหนึ่ง แต่หมอนั่นทำตัวเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรง โจมตีเขาโดยไม่ลังเล อย่าว่าแต่จะได้รังสีสวรรค์เลย เขายังเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น!

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล่อลวงจางเซวียนให้เข้าท้าทายหอเทพเจ้าเพื่อให้ได้รังสีสวรรค์มา แทนที่จะลงมือทำเอง

ว่าแต่…ทำไม?

โลกนี้ขัดขวางเขามาตลอด แต่กลับปล่อยให้ชายหนุ่มคนนี้ทำทุกอย่างที่เขาไม่เคยทำได้!

นี่มันไม่ยุติธรรม! ปรมาจารย์ขงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและปล่อยพลังจากฝ่ามือ

การโจมตีครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนเป็น 2 เท่า ทำให้ค่ายกลสั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายเพราะแรงกดดันนั้น

“สกัดกั้นไว้!” จ้าวหย่าร้องออกมาขณะรับมือกับกระแสดาบฉีที่พุ่งลงมาเป็นห่าฝนเพื่อยับยั้งการโจมตีของปรมาจารย์ขง ราวกับเสาหินที่ยืนหยัดค้ำยันสรวงสวรรค์

เจิ้งหยางพรวดออกมาและจ้วงแทงหอกเข้าใส่มิติที่แตกสลาย พยายามผลักดันการโจมตีนั้นกลับไป

เว่ยหรูเหยียน ขงซือเหยา หลิวหยาง หวังหยิ่ง ตั้นเฉี่ยวเทียน ลู่ชง ไป๋เหรินชิง จางจิ่วเซี่ยว และหยวนเทาก็ทำแบบเดียวกัน

ศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนของจางเซวียนไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อยทั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ทุกคนขับเคลื่อนพละกำลังจนเต็มพิกัดและรักษาความมั่นคงของมิติไว้ได้แม้ความวอดวายจะถาโถมเข้าใส่อย่างไม่ลดละ

“พวกนั้นต้านทานไว้ได้ไม่นานหรอก จับตาดูให้ดี!”

เห็นหวู่เฉินนิ่งอึ้งด้วยความตกตะลึง จางเซวียนรีบส่งโทรจิตหาอีกฝ่ายขณะบรรยายต่อไป

ขณะที่การบรรยายดำเนินไปเรื่อยๆ สีของเปลวเพลิงสีเหลืองนวลบนแท่นบูชาก็เข้มขึ้น ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีทอง

“นายน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ เรายังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 15 นาทีกว่าจะรวบรวมจิตใจของพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ผมเกรงว่าพวกนั้นจะยื้อไว้ได้ไม่นานพอ!” หวู่เฉินพูดอย่างวิตก

เปลวเพลิงสีเหลืองนวลเปลี่ยนสีไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ดูเหมือนพวกเขาไม่น่าจะทำสำเร็จได้ทันเวลา

ด้วยความแข็งแกร่งและอดทนของจ้าวหย่ากับพรรคพวก ก็น่าจะสกัดกั้นปรมาจารย์ขงผู้ทรงพลังอย่างล้นเหลือไว้ได้หลายอึดใจ แต่หากต้องยื้อให้ได้ถึง 15 นาที…

นั่นคงจะยากเกินไป!

ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าไม่ต่างอะไรกับการหวังให้เกิดปาฏิหาริย์!

“ผมรู้ แต่เราต้องต้านทานไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้” จางเซวียนตอบอย่างเคร่งเครียด

การบรรยายเดินหน้าต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง เหล่านักรบที่อยู่ด้านล่างดูจะไม่รับรู้อย่างสิ้นเชิงถึงนรกบนดินที่อยู่รอบตัวพวกเขา ทุกคนขับเคลื่อนพลังปราณอย่างไม่ลดละขณะที่ความเข้าใจในเทคนิคการต่อสู้ล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ

การโจมตีของปรมาจารย์ขงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงจุดที่ไม่อาจยับยั้งได้

รอยแยกแห่งมิติเริ่มทำลายมิติที่เคยมั่นคง จ้าวหย่ากับพรรคพวกกระเด็นไปอย่างแรง ทุกคนกระอักเลือดออกมา

การปะทะเมื่อครู่ทำให้พวกเขาบอบช้ำสาหัส

ปรมาจารย์ขงเป็นผู้ไร้เทียมทานในบรรดานักรบระดับเดียวกันกับเขาอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าตอนนี้เขาได้ฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ความเป็นเทพเจ้า ในฐานะผู้เป็นสุดยอดของมิติเบื้องบน เขาไม่ใช่คนที่จ้าวหย่ากับคนอื่นๆจะเล่นงานได้

“คนอย่างพวกคุณน่ะไม่เก่งกาจพอจะชำระรังสีสวรรค์หรอก หากอยู่ในมือของผม จะมีประโยชน์มากกว่า”

หลังจากสอยจ้าวหย่ากับพรรคพวกกระเด็นไป ปรมาจารย์ขงยื่นมือเข้าหาแท่นบูชา

รู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากกระโจนเข้าสู้ จางเซวียนชักดาบถงซังออกมาเพื่อสำแดงเจตจำนงเพลงดาบพร้อมกับดำเนินการบรรยายของเขาต่อไป

จางเซวียนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่เคลื่อนไหวเพื่อไม่ให้การบรรยายถูกขัดจังหวะ พิธีกรรมอาจล้มเหลวได้หากมีสิ่งใดผิดพลาด

ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแสดงตัว

ตาข่ายขนาดมหึมาปรากฏขึ้นครอบคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า เกิดเป็นปราการขนาดใหญ่ที่ขวางฝ่ามือของปรมาจารย์ขงไว้

“ถ้าผมยังฝ่าด่านวรยุทธไม่สำเร็จ กระบวนท่านี้ของคุณคงทำให้ผมลังเลอยู่บ้าง…แต่คุณคิดจริงๆหรือว่าทำแบบนี้แล้วจะยับยั้งผมได้?” ปรมาจารย์ขงหัวเราะหึๆขณะปล่อยพลังจากฝ่ามือต่อไป

ครืดดดด!

รอยร้าวปรากฏบนตาข่าย

หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม

มันคือกระบวนท่าที่เหนือชั้นยิ่งกว่าศิลปะเพลงดาบเทียบฟ้า ทำให้จางเซวียนกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในบรรดานักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ด้วยกัน แม้เทพเจ้าทั่วไปก็คงจนปัญญา…

แต่คู่ต่อสู้ของเขาคือปรมาจารย์ขง!