บทที่ 894 ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 894 ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

“ศิษย์พี่กู่ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว…”

ทันทีที่เห็นหน้ากัน กานเซียวซวงก็ลุกขึ้นยืน พูดกับเขาด้วยความร้อนรน

หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก

ถ้อยคำเหล่านี้คุ้นหูเขาเหลือเกิน

คนสวย นี่เจ้าเป็นหวังจงเวอร์ชันผู้หญิงหรืออย่างไร?

“ไม่ต้องกังวล ค่อยๆ พูดออกมา”

หลินเป่ยเฉินจับมือกานเซียวซวงด้วยความอ่อนโยนและพูดว่า “เสี่ยวเอ้อร์ นำสุราอาหารของดีทุกอย่างของที่นี่มาอย่างละสองชุด”

“รับทราบขอรับ”

คนรับใช้ประจำโรงเตี๊ยมรับคำด้วยความดีใจ

กานเซียวซวงมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความเคารพเทิดทูน

ความสงบสุขุมของกู่เทียนเล่อผู้นี้ช่างมีเสน่ห์เหลือล้น เพียงเขาพูดออกมาประโยคเดียว กานเซียวซวงก็รู้สึกได้ถึงความปลอดภัย

“ได้โปรดบอกมา มีเรื่องอะไรกันหรือ?”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเกาเฉิงฮั่นกลับมาถึงนครหลวงแล้ว

เมื่อถึงเวลา พี่ใหญ่เกาก็จะสามารถช่วยออกหน้าพูดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในนครเจาฮุย และข่าวลือในแง่ร้ายที่เกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉินก็จะต้องจางหายไปในไม่ช้า

และเมื่อเวลานั้นมาถึง กลุ่มศิษย์สำนักศึกษาที่เดินขบวนเพื่อขับไล่หลินเป่ยเฉินก็จะได้เข้าใจความจริง

ฮ่าฮ่าฮ่า

เพราะมีใครบ้างที่จะไม่เชื่อคำพูดของผู้มีพลังระดับเซียน?

ต้องไม่ลืมว่าพี่ใหญ่เกาไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับชาวจักรวรรดิเป่ยไห่ เนื่องจากเขาเป็นนายทหารชื่อดังของดินแดนแห่งนี้ มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนานหลายปี

“เรารู้ตัวคนทรยศในนครหลวงแล้วขอรับ…”

หลี่ซิวเยวียนพูดด้วยสีหน้าร้อนรนกระวนกระวาย

“พรวด…”

หลินเป่ยเฉินที่กำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบถึงกับสำลักพรวดออกมา

“พวกเจ้ารู้อะไรนะ…?”

เขาถามด้วยความไม่อยากเชื่อ

“รู้ตัวผู้ทรยศขอรับ”

หลี่ซิวเยวียนตกใจเล็กน้อยกับปฏิกิริยาตอบรับของกู่เทียนเล่อ จึงลดเสียงลงเป็นกระซิบกระซาบ

“อ้อ ไม่มีอะไร ว่าต่อเถอะ”

หลินเป่ยเฉินรีบยกมือเช็ดคราบน้ำชาบนริมฝีปาก “ผู้ทรยศคนนั้นเป็นใครกันล่ะ?”

หลี่ซิวเยวียนตอบว่า “เป็นประมุขตู้กู่แห่งสำนักแสงตะวันขอรับ”

แล้วกลุ่มเด็กหนุ่มเด็กสาวกลุ่มนี้จะไปจับตัวประมุขตู้กู่ได้หรือ?

หลินเป่ยเฉินไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะทำได้

เพราะช่องว่างระหว่างขั้นพลังต่างกันมากเกินไป

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าอย่างใช้ความคิด “เป็นเขาจริงๆ ด้วยสินะ”

เมื่อหลี่ซิวเยวียน กานเซียวซวงและหลิวเหวินฮุยได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ต้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “ศิษย์พี่กู่รู้อยู่แล้วหรือ?”

เป็นไปตามคาด ผู้มีพลังระดับเซียนย่อมมีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าคนธรรมดา

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นด้วยความเคยชิน “ระหว่างที่ปะทะฝีมือกันคืนนั้น เพียงเห็นการปรากฏตัวของผู้อาวุโสลู่ล่าย ข้าก็รู้แล้วว่าสำนักยุทธ์แห่งนี้มีเบื้องหลังไม่ธรรมดา ดูเหมือนข้าจะคิดไม่ผิดจริงๆ …เอ๊ะ ว่าแต่ว่าพวกเจ้ารู้ได้อย่างไร? ข้อมูลเชิงลึกเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์สำนักศึกษาธรรมดาจะหามาได้เด็ดขาด”

ทั้งสามคนมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความเคารพมากกว่าเดิม

กานเซียวซวงแก้มแดงเล็กน้อยขณะตอบว่า “ความจริงนั้น ศิษย์พี่ตู้กู่อู๋อิงเป็นคนบอกอาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นเจ้าค่ะ และอาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นก็มาบอกพวกเราอีกที ส่วนนอกเหนือจากพวกเรานี้ ก็ไม่มีผู้ใดรู้อีกแล้ว”

“อ้อ?”

หลินเป่ยเฉินถึงกับตกตะลึงไปไม่น้อย

ปรากฏว่าบุตรสาวของจ้าวสำนักเป็นผู้ที่นำความลับมาบอกแก่ทุกคนเองหรือ?

เรื่องนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินประหลาดใจจริงๆ

“แล้วอาจารย์เยวียนก็คงบอกให้พวกเจ้ามาหาข้าสินะ?”

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับของตนเองขณะถาม

หลิวเหวินฮุยพยักหน้า

หลี่ซิวเยวียนกล่าวเสริมว่า “ตัวตนที่แท้จริงของผู้อาวุโสลู่ล่ายก็คือสายลับของจักรวรรดิจี้กวง เมื่อสิบปีก่อน เขาแฝงตัวเข้ามาอยู่ในสำนักแสงตะวันเพื่อยกระดับสำนักขึ้นอย่างปาฏิหาริย์ ไม่ว่าท่านประมุขตู้กู่ต้องการสิ่งใด เขาก็สามารถทำให้เป็นจริงได้ทุกเมื่อ กว่าที่ท่านประมุขจะรู้ตัวว่ากำลังคบหาอยู่กับคนผิด มันก็สายเกินไปที่เขาจะหันหลังกลับ และเพื่อปกป้องครอบครัวรวมถึงคนที่ตนเองรัก ท่านประมุขตู้กู่จึงต้องยอมทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าและร่วมมือกับพวกจักรวรรดิจี้กวงอย่างไม่มีทางเลือกขอรับ…”

หลินเป่ยเฉินเม้มริมฝีปาก

เหตุผลเดิมๆ

ลูกไม้เดิมๆ

เรื่องราวเดิมๆ

นี่แหละหนาชีวิตมนุษย์!

“สมมุติถ้าประมุขตู้กู่เป็นคนทรยศในนครหลวงจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ เขาจะจับตัวอาจารย์เยวียนไปเพื่ออะไร?” หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย “หรือว่าอาจารย์เยวียนก็เป็นสายลับด้วยเช่นกัน?”

พูดไปแล้วเด็กหนุ่มก็ต้องสะดุ้งโหยงให้กับคำพูดของตัวเอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแค่ล้อเล่นน่ะ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”

“เหอเหอเหอ งั้นข้าขอเดาก็แล้วกัน”

“อาจจะเป็นเพราะว่าอาจารย์เยวียนค้นพบความลับของเขาแล้วกระมัง?”

“ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”

“มันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความรักของบุตรชายเขาแน่ๆ อาจารย์เยวียนเริ่มระแคะระคายเรื่องที่ประมุขตู้กู่เป็นสายลับ แต่เพราะว่าเยวียนหนงรักอยู่กับตู้กู่อู๋อิง เขาจึงกลัวว่าบุตรชายของตนเองอาจจะต้องติดร่างแหพลอยได้รับเภทภัยไปด้วย แต่ในเวลาเดียวกันนั้น อาจารย์เยวียนก็รู้สึกว่าตู้กู่อู๋อิงน่าจะเป็นลูกสะใภ้ที่ดี เขากลัวที่จะทำร้ายความรู้สึกของเด็กทั้งสอง จึงยังไม่ได้เปิดโปงความจริงเรื่องนี้ออกมา…”

“แต่ใครจะไปรู้เลยว่าศัตรูมีความเจ้าเล่ห์มากเกินไป อาจารย์เยวียนหลงเข้าใจผิดคิดว่าตนเองสืบข้อมูลโดยไม่มีผู้ใดรู้ แต่ในความเป็นจริงนั้น การสืบสวนของเขาอยู่ภายใต้การจับตามองของสำนักแสงตะวันตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ อาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นจึงถูกจับกุมตัวไปขังไว้ในคุกใต้ดิน เพื่อป้องกันไม่ให้เขานำความจริงไปเปิดเผยต่อผู้อื่น”

“เป็นอย่างไร สิ่งที่ข้ากล่าวออกมาถูกต้องหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินพูดประโยคทั้งหมดนี้ด้วยความภาคภูมิใจ

สมัยอยู่ที่โลกใบเก่า เขาอ่านนิยายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ให้คาดเดาเนื้อหาย่อมไม่มีทางพลาด

เฮอะ ไม่ว่าจะเป็นนิยายเรื่องไหนๆ สุดท้ายก็ต้องเดินเรื่องแบบนี้ทั้งนั้น

เพราะมันเป็นสิ่งที่รองรับกับเหตุผลทุกอย่างมากที่สุด

ถ้าให้หลินเป่ยเฉินใช้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์แยกแยะเนื้อหาในนิยายออนไลน์แต่ละเรื่องแล้วละก็ บอกเลยว่ายอดนักสืบจิ๋วโคนันยังต้องชิดซ้าย และยอดนักสืบเชอร์ล็อก โฮมส์ก็ยังต้องชิดขวา

เมื่อพูดจบ หลินเป่ยเฉินก็รอฟังคำตอบจากพวกของหลี่ซิวเยวียน

ทุกคนนิ่งเงียบอยู่นานสองนาน

สุดท้าย กานเซียวซวงก็กล่าวออกมา “เอ่อ มันไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ…”

“ว่าแล้วเชียว…”

หลินเป่ยเฉินตบเข่าฉาด ยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “หืม? ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า ว่าแล้วเชียวว่าต้องไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อสักครู่นี้ ข้าแค่ล้อเล่นน่ะ”

หลี่ซิวเยวียน หลิวเหวินฮุยและกานเซียวซวงไม่สงสัยในคำพูดของหลินเป่ยเฉินแม้แต่น้อย พวกเขาพยักหน้าอย่างหลงเชื่อหมดหัวใจ

“สรุปว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่?”

หลินเป่ยเฉินถาม

“ความจริงก็คือเมื่อครึ่งเดือนก่อน ขุนนางใหญ่ท่านหนึ่งในนครหลวงพบเห็นศิษย์พี่ตู้กู่ระหว่างเดินขบวนประท้วง เขาตกหลุมรักนางในทันทีและอยากจะแต่งศิษย์พี่ตู้กู่เป็นภรรยาน้อย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงบังคับให้ท่านประมุขตู้กู่ยกเลิกการแต่งงานระหว่างศิษย์พี่ตู้กู่อู๋อิงกับศิษย์พี่เยวียนหนง รวมถึงบังคับให้สำนักแสงตะวันใส่ความศิษย์พี่เยวียนหนงและจับกุมตัวอาจารย์เยวียนเหวินจวิ้น…”

หลี่ซิวเยวียนอธิบายเรื่องราวทั้งหมดคร่าวๆ

อ้อ?

เดี๋ยวนี้มีการพัฒนาพล็อตเรื่องแล้วแฮะ

หลินเป่ยเฉินไม่เคยอ่านพล็อตแบบนี้ในนิยายออนไลน์เรื่องไหนมาก่อน

เพราะฉะนั้น เขาจึงนึกไม่ถึง

ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลอย่างไรชอบกล

คือว่า…

ขุนนางใหญ่ผู้นั้นมีรสนิยมในการเลือกสตรีอย่างไรกันแน่?

แม้ตู้กู่อู๋อิงจะมีบุคลิกใสซื่อบริสุทธิ์ ร่างกายผอมเพรียว หน้าตาไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่เมื่อเทียบกับสาวงามด้วยกันอย่างเยว่เว่ยหยางหรือเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ตู้กู่อู๋อิงก็ไม่ได้มีความงดงามขนาดนั้น

แล้วในนครหลวงไม่มีคนที่สวยงามมากกว่าตู้กู่อู๋อิงหรืออย่างไร?