ตอนที่ 1393

Alchemy Emperor of the Divine Dao

จากการคำนวณเวลา บุปผามกรสมควรจะเบ่งบานในช่วงนี้ ดังนั้นเหล่าปรมาจารย์ที่อยู่ภายนอกเขตแดนจึงเป็นกังวลมาก เมื่อจอมยุทธระดับดาราปรากฏตัวออกมา พวกเขาจึงตรวจสอบด้วยสัมผัสสวรรค์ทันที

สมุนไพรพิษอย่างบุปผามกรเป็นสมุนไพรที่น่าสะพรึงกลัว พวกเขาเตรียมการมาเป็นเวลาไม่รู้กี่ล้านปีเพียงเพื่อเก็บเกี่ยวสมุนไพรต้นนี้

แต่ทันใดนั้นเอง ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ คนจำนวนนับหมื่นก็ปรากฏตัวแทบจะพร้อมกับ

ทุกคนถูกขับไล่ออกมาจากถ้ำจ้าวสมุนไพร

บางคนกำลังเก็บเกี่ยวสมุนไพรอยู่ บางคนกำลังทดสอบขึ้นชั้นถัดไป บางคนกำลังเตรียมตัวอยู่ในวิหาร แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ทุกคนกลับถูกโยนออกมาโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆทำให้ทุกคนตกอยู่ในความสับสน

ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะไม่ใช่รึ?

เหล่าปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ต่างมึนงง สถานการณ์เช่นนี้มันอะไรกัน?

ใครบางคนรีบกล่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์การปรากฏตัวของชายชราทันที แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องที่บุปผามกรถูกชายชรากินไปด้วย

พริบตานั้นเองเหล่าปรมาจารย์ต่างรู้สึกกลายเป็นตัวโง่งม

จนถึงตอนนี้แต่ละตระกูลต่างเตรียมการมาเป็นเวลากว่าสิบล้านสิบ แต่สุดท้ายบุปผามกรกลับถูกทำลายด้วยตัวตนอันพิสดารที่ไม่รู้ที่มาที่ไปงั้นรึ?

พวกเขาแทบจะกลายเป็นบ้า ตัวประหลาดเช่นนั้นโผล่มาจากไหนกันแน่

“สุนัขของข้า?”

“เจ้าเห็นสุนัขของข้ารึไม่?”

คำพูดนี้มีความลับอันใดแฝงอยู่รึเปล่า?

หลิงฮันอดหัวเราะไม่ได้ คนเหล่านี้คงจะรู้ต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นไปตลอดกาล อีกไม่นานกู่ต้าวอี้จะถือกำเนิดใหม่แล้ว สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละชั้นจึงถูกเก็บรักษาไว้สำหรับตัวเขาเอง สี่ตระกูลของตำหนักเป่าหลินจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ได้อีกต่อไป

แต่ทำไมถ้ำจ้าวสมุนไพรถึงเปิดออกเพื่อให้คนอื่นเข้าไปเก็บเกี่ยวงั้นรึ?

หลิงฮันก็ไม่เข้าใจความคิดของกู่ต้าวอี้เหมือนกัน

บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากจะเหงาอยู่คนเดียวก็ได้

เนื่องจากการเก็บเกี่ยวบุปผามกรไม่สำเร็จ เหล่าปรมาจารย์ถึงไม่สนที่จะตรวจสอบว่าแต่ละคนได้รับสมุนไพรอะไรมาบ้าง เพราะอย่างไรแทบจะทุกครั้งผลเก็บเกี่ยวก็แทบจะเหมือนๆกัน แต่ละคนต่างกลับออกมาพร้อมกับสมุนไพรและตำราเม็ดยาระดับต่ำ หากมีวาสนาก็อาจจะพอเก็บเกี่ยวสมุนไพรระดับสิบมาได้บ้าง

หลิงฮันเดินแยกออกมาพร้อมกับสุนัขตัวดำโดยที่ไม่กล่าวอำลาหลินอวีฉี

ถึงเวลากลับแล้ว

แน่นอนว่าเจ้าสุนัขตัวดำย่อมไม่ติดตามหลิงฮัน มันตั้งใจจะออกเดินทางเที่ยวชมโลกภายนอกโดยที่ไม่สลดเสียใจที่ถูกเจ้านายทิ้งเลยแม้แต่น้อย แต่มันกล่าวไว้ว่าในอีกร้อยปี มันเองก็จะไปยังเขตดวงดาวสี่ทิศและเข้าร่วมสำนักละอองดารา

จากที่มันกล่าวเอาไว้ มันบอกว่าต้องการจะตามหาสตรีงดงามมาเป็นสัตว์ขี่ให้กับมัน

ช่างต่ำทราม!

หลิงฮันเข้าใจทนัทีว่าสุนัขตัวดำตนนี้ไม่ใช่สุนัขที่ดี เขาอยากจะโยนโสมเฒ่ากับเจ้ากระต่ายไปให้พวกมันตั้งกลุ่มสามสหายสัตว์อสูรเสียเหลือเกิน แต่จากนิสัยของสุนัขตัวดำ เกรงว่าคงหนีไม่พ้นจับเจ้ากระต่ายและโสมเฒ่าไปทำเป็นอาหาร

เขาเลิกคิดเรื่องไร้สาระและนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาพร้อมกับมุ่งหน้าขึ้นสู่อวกาศ

ด้วยข้อมูลของดวงดาวที่มี อุปกรณ์บินแหวกเมฆาจึงสามารถเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายได้ด้วยตัวมันเอง หลิงฮันเข้าสู่หอคอยทมิฬเพื่อขัดเกลาพลังบ่มเพาะก่อนจะทะลวงผ่านระดับดาราขั้นกลาง

ภายในหอคอยทมิฬ ทุกคนพัฒนาขึ้นมากทีเดียว

ติงผิงบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด จิ่วเยาเริ่มสัมผัสได้ถึงประตูของขั้นสมบูรณ์ แต่เฟิงโปหยุนกับมู่หลงชิงสามารถขัดเกลาพลังบ่มเพาะถึงเพียงระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดเท่านั้น พวกเขาไม่อาจเอื้อมถึงประตูของขั้นสมบูรณ์

พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หากต้องการทะลวงผ่านขั้นสมบูรณ์ หนึ่งส่วนคือพรสวรรค์ เก้าส่วนคือความพยายาม หากพรสวรรค์ไม่ถึงต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถทดแทนหนึ่งส่วนที่ขาดหายไปได้

แต่หลิงฮันก็ไม่ได้บังคับให้พี่ชายทั้งสองล้มเลิกความคิดที่จะทะลวงผ่านขั้นสมบูรณ์ นั่นเป็นทางเดินที่พวกเขาเลือกเอง ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกเส้นทางไหนเขาก็จะคอยสนับสนุนอยู่เงียบๆ

Anchor

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์นั้นยังห่างจากระดับดาราอีกเพียงเล็กน้อย บางทีหลังจากทำความเข้าใจกฎแห่งเต๋าใต้ต้นสังสารวัฏสักสองปีนางอาจจะทะลวงผ่านได้สำเร็จ เพราะอย่างไรพวกเขาก็มีอดีตเซียนคอยชี้แนะ

หากพูดถึงคนที่พลังบ่มเพาะก้าวหน้าเร็วที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นเซียนหวู่เซียง ตอนนี้เขาบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้ว ด้วยการที่เขาเคยเป็นถึงเซียนมาก่อนจึงไม่มีคอขวดในการบ่มเพาะพลังแถมเขายังมีเม็ดยามากมายคอยช่วยเหลือด้วย

หลิงฮันเริ่มลงมือฝึกฝนสลับเปลี่ยนไปมาระหว่างกฎแห่งเต๋าและศาสตร์ปรุงยา เพราะอย่างไรเขาก็แค่ทะลวงผ่านขั้นพลังย่อยซึ่งไม่ใช่เรื่องยากลำบากอยู่แล้ว

ภายใต้ต้นสังสารวัฏ หลิงฮันใช้เวลาเพียงสองเดือนก็สามารถหลอมเม็ดยาเพลิงลอยล่องได้อย่างเชี่ยวชาญ ถึงแม้มันจะเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบแต่มันได้มีไว้สำหรับกินแต่ใช้โจมตีศัตรู

จำนวนของเม็ดยาเพลิงลอยล่องที่ถูกหลอมค่อยๆมีจำนวนเพิ่มขึ้นจนกระทั่งผลเพลิงระเบิดถูกใช้จนหมดหลิงฮันก็กลับไปขัดเกลาพลังบ่มเพาะ

ครึ่งปีผ่านไป ในที่สุดเขาก็สามารถทะลวงผ่านขั้นพลัง

อุปกรณ์บินแหวกเมฆาหยุดกลางอวกาศ หลิงฮันไปด้านนอกเพื่อรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ หลังจากขัดเกลากายหยาบเสร็จสิ้นเขาก็ทะลวงผ่านเป็นระดับดาราขั้นกลาง ดาบอสูรนิรันดร์เองก็ดูดซับพลังจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จนทรงพลังยิ่งขึ้น

หลังจากนั้นคนในหอคอยทมิฬเองก็ค่อยๆทะลวงผ่านทีละคน

ตอนนี้ธาตุทั้งห้าในหอคอยทมิฬสมบูรณ์แล้ว หลิงฮันเริ่มรับรู้ถึงความน่าเกรงขามของคัมภีร์สวรรค์นิรีนดร์ จากคำกล่าวของหอคอยน้อย หากเขาเข้าใจหลักการของคัมภีร์สวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์บางส่วน เขาจะสามารถป้องกันการโจมตีของปรมาจารย์ระดับสร้างสรรพสิ่งได้หนึ่งครั้ง

นี่มันบ้าบอเป็นอย่างมาก การโจมตีของเซียนนั้นแม้จะเพียงครั้งเดียวก็สามารถบดขยี้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ได้ทุกคน แต่เขาจะสามารถป้องกันการโจมตีของเซียนได้หนึ่งครั้งงั้นรึ?

ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังเชี่ยวชาญหลักการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านขั้นต้นอย่างเชี่ยวชาญแล้ว พูดตามหลักการแล้วคือเขาสามารถป้องกันการโจมตีของปรมาจารย์ระดับสร้างสรรพสิ่งได้สองครั้ง

นี่มันเหนือสามัญสำนึกอย่างสิ้นเชิง!

หลิงฮันพยายามทำความเข้าใจหลักการที่ว่า แต่ถึงแม้จะมีการช่วยเหลือของต้นสังสารวัฏ เมื่อมาถึงดาวเหอหนิงเขาก็เข้าใจหลักการได้เพียงส่วนต้นเท่านั้นซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะรับการโจมตีของปรมาจารย์ระดับสร้างสรรพสิ่ง แต่หากเป็นการโจมตีของตัวตนระดับวารีนิรันดร์เขาก็ยังพอจะต้านทานได้

Anchor

อุปกรณ์บินแหวกเมฆาร่อนลงสู่ดวงดาวที่มีท้องฟ้าอันคุ้นเคย หลิงฮันตะโกนออกมา

ข้ากลับมาแล้ว!