ตอนที่ 2,187 : คิดหนี?
“เซียนอมตะข้ามภพ!”
ทันทีที่พลังเซียนสุริยันหลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่กระบี่พันอาคมเซียน ต้วนหลิงเทียนพลันใช้ออกด้วยเวทย์พลังสายจู่โจมประเภทกระบี่ที่ไม่ได้ใช้ออกมาเสียนาน!
ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งยามประมือกับ 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์อย่างหงอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ใช้เวทย์พลังดังกล่าว!
เรื่องนี้เผยให้เห็นชัด
ว่าจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงนั้น สามารถสร้างแรงกดดันให้เขาได้มากกว่าผู้พิทักษ์หงอวิ๋น! หาไม่แล้วเขาคงไม่จำเป็นต้องใช้ออกด้วยเวทย์พลังดังกล่าว!!
วู้มมม! ซัวว! ซัวว!!
…
ภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนที่ถือกระบี่พันอาคมเซียนอยู่ดีๆร่างก็สั่นไหวพริบตาคนคล้ายเป็นเงาเลือน ก่อนที่จะปรากฏเงาร่างมากมายผุดแยกออกมา กลับกลายเป็นร่างแยกที่เหมือนกับต้นแบบไม่มีผิดเพี้ยน!
เรียกว่าชั่วพริบตา ก็ปรากฏร่างต้วนหลิงเทียนอีกหลายคนผุดโผล่ขึ้นมากลางอากาศ!
ทว่าแม้ร่างต้วนหลิงเทียนจะปรากฏขึ้นมาหลายคน แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้แยกย้ายกระจายตัวออกไป
ราวกับไม่มีแผนจะใช้การล้อมโจมตีจากหลายทิศทาง
“ใจกระบี่เหิน!”
และแทบจะพร้อมกันกับที่ร่างแยกอวตารปรากฏขึ้น ใจต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏหนึ่งห้วงคิด สำแดงเคล็ดควบคุมกระบี่ผสานออกด้วยขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจทันที!
ฟั่ฟฟฟ! ฟั่ฟฟฟ! ฟั่ฟฟฟ!
…
พริบตานั้นเองไม่ว่าจะเป็นกระบี่พันอาคมเซียนในมือต้วนหลิงเทียนตัวจริง หรือกระบี่พันอาคมเซียนในมือร่างแยกอวตาร พวกมันทั้งหมดก็คล้ายมีชีวิตจิตใจพากันพุ่งออกจากมือ เหินทะลวงทำลายไปยังหอกที่แทงเข้ามาอย่างน่ากลัวปานมังกรพิโรธอันเกรี้ยวกราดของเหลิ่งอิง!!
อีกทั้งยามเมื่อกระบี่หลายเล่มเหินบินออกไป พวกมันก็เรียงตัวเป็นแถวตรง ราวกับทหารที่ฝึกฝนมาอย่างดี!
เพียงเวลาชั่วพริบตาดุจละอองไฟตั้งแต่ต้วนหลิงเทียนเริ่มจ่ายพลังเซียนสุริยันลงกระบี่ กระบี่บินที่เรียงแถวตอน ก็ปะทะเข้ากับหอกที่ทะลวงแทงมาด้วยพลังสูงสุดของเหลิ่งอิง!
บรึม! ซัว ซัวว!
…
ยามเมื่อการปะทะครั้งแรกบังเกิดขึ้น ผลกระทบกลับไม่ได้มากมายอะไร เพียงบังเกิดคลื่นพลังสะท้อนซัดกวาดออกมาอย่างรุนแรงเท่านั้น ราวกับพลังสองขุมแทบจะมีพลังอานุภาพพอๆกัน
ทว่าครู่ต่อมา…
ทันใดนั้นเอง!
เปรี๊ยงงงง!!
เสียงระเบิดดังยิ่งกว่าการปะทะกันรอบแรกดังขึ้น ยังดังเสียจนสะท้านสะเทือนแก้วหูผู้คน! พาลให้ทั้งหมดใจสั่นไปอย่างไม่อาจห้าม!!
ปง! ปง! ปง!
…
หลังจากเสียงสนั่นลั่นขึ้น ก็บังเกิดเสียงระเบิดดังติดต่อกันไม่หยุด!
เป็นกระบี่พันอาคมเซียนเล่มแรกที่นำขบวนปะทะเข้ากับหอกของเหลิ่งอิงอย่างจัง! มวลพลังที่อัดแน่นอยู่ในศาสตราพันอาคมเซียนทั้งสองปะทะกันจนแตกระเบิดออกมาอย่างรุนแรง มวลอากาศโดยรอบคล้ายถูกผนึกแข็งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะสะท้านสะเทือนไปอย่างแรง
ลมคล้ายมังกรม้วนตัว ซัดกวาดออกมา!
ยังเป็นคลื่นลมอันรุนแรงปานมหาพายุกรรโชกออกไปทุกทิศทาง!!
และในที่สุด กระบี่พันอาคมเซียนเล่มแรกที่ปะทะเข้ากับหอกของเหลิ่งอิงก็แพ้พ่าย! พลังที่บรรจุไว้เสมือนถูกเผาผลาญจนสาบสูญ ไม่อาจต้านทานหอกพันอาคมเซียนของเหลิ่งอิงได้อีกต่อไป!
พลังแพ้พ่าย กระบี่ดังกล่าวก็ถูกหอกแทงเข้าอย่างจัง จนแตกสลายกลับกลายเป็นละอองพลังสาบสูญไปในสวรรค์และโลก!
ฉากเรื่องราวชวนให้ผู้คนโดยรอบพิศวงงงงวยนัก นั่นเพราะกระบี่เล่มนี้เป็นเพียงกระบี่พลังมีสภาพเสมือนจริง ที่ถูกสร้างขึ้นพร้อมร่างแยกอวตาร!!
เซียนอมตะข้ามภพนั้น เป็นเวทย์พลังสายจู่โจมประเภทกระบี่อันร้ายกาจ ยามใช้ออกไม่เพียงแต่จะปรากฏร่างแยกอวตารของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ยังสร้างกระบี่อวตารขึ้นมาอีกด้วย และอันที่จริงพลังของเวทย์พลังนี้ก็มุ่งเน้นไปที่กระบี่อวตารที่สร้างขึ้นเป็นหลัก!!
แต่แน่นอนว่าพลังอำนาจของกระบี่อวตาร ย่อมอ่อนด้อยกว่ากระบี่ที่แท้จริง!
แม้กระบี่อวตารเล่มแรกของต้วนหลิงเทียนจะแพ้พ่ายสลายไป หากแต่มันก็บั่นทอนพลังสภาวะในหอกของเหลิ่งอิงลงไปไม่น้อย!!
ปงงง! ปงงง!!!
เสียงกระบี่ปะทะหอกอย่างรุนแรงดังสะท้านลั่นไปในอากาศอีก 2 ครั้งติดต่อ และกระบี่อวตารทั้ง 2 เล่มนี้ ก็ทำให้พลังสภาวะของหอกเหลิ่งอิงสาบสูญไปแทบไม่มีเหลือ…
“ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่อวตารเล่มที่ 4 แล้วมั้ง…”
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวพึมพำออกมาเบาๆ
และทันใดนั้นเอง ประหนึ่งได้รับพลังอำนาจหนุนเสริมจากทวยเทพ กระบี่พันอาคมเซียนเล่มสุดท้ายที่อยู่หลังสุดในแถวตอนกระบี่ พลันปะทุความเร็วขึ้นอย่างน่าพรั่นพรึง! เหินทะยานขึ้นมาด้วยความเร็วสูงแซงกระบี่ 2 เล่มอื่นที่อยู่ด้านหน้าในชั่วพริบตา!!
เป็นกระบี่พันอาคมเซียนที่แท้จริง ไม่ได้เกิดจากเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพ!!
ฟั่ฟฟฟฟ!!
ทันทีที่กระบี่พันอาคมเซียนที่แท้จริงปะทุความเร็ว เสียงกรีดอากาศแหลมเล็กพลันดังขึ้นอย่างแผ่วเบา!!
และทันทีที่กระบี่พันอาคมเซียนเล่มนี้ปะทุความเร็วอันเหนือล้ำขึ้นมา สีหน้าเหลิ่งอิงที่เดิมทีก็ซีดลงจากการปะทะกับ 3 กระบี่แรกไปแล้ว ก็แทบจะไร้สีสันไปทันใด แถมลูกตายังจำต้องหดหยีลงอย่างตื่นตระหนก!!
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเหลิ่งอิงตระหนักได้ชัดเจน!
ว่ากระบี่ที่พุ่งทะยานเข้ามาดั่งประกายแสงเล่มนี้ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระบี่ 3 เล่มแรกไม่น้อย!!
“แย่แล้ว!!”
เพียงเวลาชั่วพริบตาที่ปลายกระบี้จี้ปะทะเข้าปลายหอก เหลิ่งอิงก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอันมหาศาลที่บรรจุไว้ในตัวกระบี่ ยังทราบว่าด้วยสภาวะพลังในหอกที่ถดถอยลงดั่งศรสิ้นแรงส่ง มันไม่อาจต้านรับไว้ได้แน่!!
ทันใดนั้นเหลิ่งอิงตัดสินใจอย่างดุดัน ฝืนรีดเค้นพลังทั่วร่างออกมา 12 ส่วน ถ่ายทอดลงสู่หอกพันอาคมเซียนอย่างลืมตาย หมายสู้สุดใจไม่ท้อถอย!
อนิจจา แม้กระนั้นแล้วก็ยังไม่มีประโยชน์อันใด
กระบี่สุดท้ายของต้วนหลิงเทียนทะลวงทำลายมาได้รุนแรงเกินไป ทรงพลังเกินไป ทั้งฉับไวเกินไป! พลังในกระบี่บดขยี้ทำลายพลังที่หลงเหลืออยู่ในหอกรวมถึงธารพลังที่ทะลักเข้ามาหนุนเสริมจนย่อยยับไม่มีชิ้นดี!
ปง! ปง! ปง! ปง!!
…
เสียงระเบิดดังถล่มทลายขึ้นมาก้องฟ้าอีกครั้ง ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับพร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเวลา
กระบี่พันอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนยามนี้คล้ายอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลไร้ผู้ต้าน ทำลายพลังในหอกเหลิ่งอิงจนราบคาบ ยังทำให้หอกเหล่งอิงปลิวกระเด็นไปพร้อมกันกับเสียงระเบิดครั้งสุดท้าย!
และจังหวะที่หอกของเหลิ่งอิงถูกระเบิดจนปลิวกระเด็นไป ง่ามมือของเหลิ่งอิงก็ปริฉีกอย่างรุนแรง
โลหิตสาดกระจายพร่างพราวไปในอากาศ
“อั๊คคค!!”
ร่างเหลิ่งอิงเองก็สะท้านไปอย่างแรงเพราะพลังสะท้อน เลือดลมตีกลับจนแน่นหน้าอก สุดท้ายก็ไม่อาจห้ามได้ไหวสืบไป โลหิตแดงสดเป็นลิ่มกระอักออกมาอย่างแรง!
เนื่องเพราะก่อนหน้านี้เหลิ่งอิงรีดเค้นพลังสุดตัวถ่ายทอดลงสู่หอก ร่างกายจึงแทบไม่เหลือพลังคุ้มครอง! อาศัยพลังสะท้อนจากการซัดหอกปลิวก็ทำให้อวัยวะภายในของมันได้รับบาดเจ็บสาหัส!!
“ปีกอีกาทองคำ!!”
แทบจะพร้อมกันกับที่เหลิ่งอิงกระอักโลหิตออกมาคำโต แผ่นหลังต้วนหลิงเทียนปรากฏมวลพลังมหาศาลปะทุออก ก่อนที่จะควบรวมเป็นปีกมหึมาคล้ายมีเปลวเพลิงลุกโชน! ปีกเพลิงมหึมายังสะบัดลงฉับไว ส่งร่างให้พุ่งทะยานแหวกฟ้าไปดั่งลำแสง พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าเหลิ่งอิง!!
ปงงง!!
ต้วนหลิงเทียนที่บรรลุมมาถึงไร้ซึ่งจิตเมตตาอันใด ฝ่ามือตบฟาดเข้ากลางอกเหลิ่งอิงอย่างจัง!
ทันใดนั้นร่างเหลิ่งอิงก็ปลิดปลิวกระเด็นไปดั่งลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร สภาพดูไม่ได้!!
เพราะระหว่างทางมันยังกระอักโลหิตออกมาเป็นสาย ที่สำคัญโลหิตที่กระอักออกครานี้ยังมีสีดำคล้ำ ชวนให้ผู้คนขวัญผวานัก!
ซู่มมม!
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดมือคราหนึ่ง รับกระบี่พันอาคมเซียนที่ย้อนกลับมา พร้อมหอกพันอาคมเซียนที่ใช้พลังดูดรั้งมาเช่นกันกลับเข้าแหวนพื้นที่ไปหน้าตาเฉย…
ครู่ต่อมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันสลายพลังทั้งหมด ลอยร่างอย่างสงบมองร่างเหลิ่งอิงที่ตอนนี้กำลังพยายามประคองตัวกลางหาวอย่างสุดกำลังด้วยสายตาไร้แยแส พลางกล่าวออกว่า “จ้าวหอเหลิ่ง…ตอนนี้ท่านยังคิดคุ้มกะลาหัวต่งหยวนจิ้นไม่ให้ถูกข้าฆ่าอยู่อีกหรือไม่?”
วาจาพอดังจบคำ…ไม่ทันที่เหลิ่งอิงจะได้ตอบอะไรกลับมา ก็เป็นต้วนหลิงเทียนที่กล่าวขัดขึ้นมาเสียงเรียบอีกรอบ
“แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน…ถ้าตอนนี้ท่านยังกล้าขยับอีกแม้แต่องคุลีเดียว ข้าจะไม่ปราณีผู้ที่อยู่ใต้บัญชาของท่านแม้แต่คนเดียว…”
ถึงแม้ว่าเสียงของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็ชัดเจนในหูของุทกคนกลางฟ้า พาลให้ทั้งหมดร่างสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บ!
“นะ…น่ากลัวยิ่ง!”
“พะ…พลังฝีมือต้วนหลิงเทียน ไฉนกลายเป็นน่ากลัวถึงขนาดนี้!?”
“เพียงเวลาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ที่แท้ต้วนหลิงเทียนไปพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อันใดมากันแน่!?”
“ปะ…เป็นไปได้หรือไม่ ว่าข่าวลือเรื่องที่มันฆ่าจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬใน 3 กระบี่ จะมิใช่ข่าวปลอม…ตอนนี้มันสามารถเอาชนะใต้เท้าจ้าวหอได้ และดูเหมือนจะใช้เพียงไม่กี่กระบี่เช่นกัน”
…
เหล่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์พอกลับมามีสติ มองต้วนหลิงเทียนอีกกครั้งสายตายังเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อตกตะลึง
คนที่กระซิบคุยกันก็ลดเสียงให้เบาลงกว่าเดิม ราวกับกลัวว่าเสียงพูดมันจะทำให้ต้วนหลิงเทียนรำคาญ
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร?!”
ห่างออกไปไม่ไกล ต่งหยวนจิ้น ถึงกับหน้าเสียเมื่อได้เห็นความพ่ายแพ้ของจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิง ยังเป็นการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับคามือต้วนหลิงเทียน!ทำให้มันรู้สึกสิ้นหวังนัก!
มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ…
ว่าต้วนหลิงเทียนนจะทรงพลังขนาดนี้!
กระทั่งจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวนสวรรค์ 7 เปลี่ยน กลายเป็นผู้ที่มีอายุขัยตราบชั่วฟ้าดินไปแล้วยังไม่ใช่คู่ต่อสู้!
“ต้วนหลิงเทียน…”
ขณะเดียวกันจ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง ที่ลอยร่างด้วยสีหน้าซีดเซียวสภาพย่ำแย่ อดไม่ได้ที่จะหน้าถอดสีเมื่อได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจังกล่าวออกเสียงเข้ม
“ข้ายอมรับว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้…แต่เจ้าคิดว่าอาศัยกำลังของเจ้าเพียงคนเดียวมากพอจะไม่เห็นหัวลัทธิบูชาไฟหรือไร…คิดว่าลัทธิบูชาไฟไร้ผู้ใดจัดการเจ้าได้?”
“อีกทั้งเจ้าก่อเรื่องถึงขนาดนี้ หรือไม่กลัวท่านจ้าวลัทธิเอาเรื่องเจ้า?”
วาจาท้ายประโยค เหลิ่งอิง เลือกจะยกอ้างจ้าวลัทธิบูชาไฟออกมา เพราะอย่างไรนั่นก็คือตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน เปลี่ยนสู่เซียนอมตะ! มันหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะกริ่งเกรงและยอมรามือ!!
“คิดหนีงั้นเหรอ?”
ทว่าแทบจะพร้อมกันกับที่เหลิ่งอิงกล่าวจบคำ โดยที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้ตอบอะไร เขาพลันพบว่ารองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น กำลังเหินร่างจากไปอย่างรีบร้อน! ท่าทางมันคิดหนีไม่ผิดแน่!!
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็สะบัดปีกอีกาทองคำที่ยังไม่ทันได้ยกเลิก
ซู่มมม!!
ต่อมาร่างต้วนหลิงเทียนคล้ายแปรเปลี่ยนไปเป็นสายลมหอบหนึ่ง พัดกรรโชกกไปดักขวางอยู่เบื้องหน้าต่งหยวนจิ้นในพริบตา!
เมื่อต่งหยวนจิ้นเห็นต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาขวางทาง หน้ามันก็เปลี่ยนสีไปทันที ต้วนหลิงเทียนที่เห็นดังนั้นก็กล่าวออกมาเสียงเรียบว่า “ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เจ้ายึดถือจ้าวหอเหลิ่งว่าเป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายหรือไง ตอนนี้เจ้าว่าอย่างไรเล่า?”
“อ่อ หากข้าจำไม่ผิดไม่ใช่ข้าบอกเจ้าไว้แต่แรกแล้วรึไง…ว่าวันนี้ข้าจะให้เจ้าตายต่อหน้าคนที่เจ้าคิดว่ามีปัญญาช่วยเจ้…!”
ต้วนหลิงเทียนยังกล่าวคำ ‘เจ้าได้’ ไม่ทันจบ ร่างต่งหยวนจิ้นเบื้องหน้าพลันคุกเข่าลงกลางอากาศ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงวิงวอนร่างสั่นระริก “ต้วนหลิงเทียนได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย!!”
“บุตรไม่รักดีของข้าอย่างไรก็ถูกเจ้าฆ่าตายไปแล้ว แถมระหว่างเราก็มิเคยมีเรื่องบาดหมางอันใด เช่นนั้นเลิกแล้วต่อกันเถอะ…เช่นนี้ดีหรือไม่!?”
“ได้โปรด! ละเว้นเข้าเถอะ ข้ามิได้ทำอันใดเจ้าเลย!!”
ต่งหยวนจิ้นที่กำลังสิ้นหวัง เมื่อเผชิญกับความตายตรงหน้า ไม่เพียงแต่มันจะก้มหัวอันหยิ่งผยองลง ยังคุกเข่าให้กับคนที่มันเคยดูเบาไม่ต่างอะไรจาก มด ในสายตาเพื่อวิงวอนร้องขอชีวิต!
ตอนนี้ในใจมันเหลือเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
เอาตัวรอด!
“งามหน้านัก! มันทำให้หอคุมกฏเสียหน้าผู้คนแทบตายแล้ว!!”
เมื่อเห็นรองจ้าวหอคุมกฏอย่างต่งหยวนจิ้นถึงกับคุกเข่าก้มหัววิงวอนร้องขอชีวิตผู้อื่น เหลิ่งอิงก็โกรธจนแทบกระอัก!