“เทพสวรรค์สี่ดาว! นี่มันเทพสวรรค์สี่ดาวอย่างแท้จริง!”
“พระเจ้าช่วย! จะทำอย่างไรกันดี?”
“อาณาจักรเทพสวรรค์นั้นมันยิ่งใหญ่เหนือล้ำ หนึ่งดาวเทียบเท่าโลกทั้งใบ ต่อหน้าเทพสวรรค์สี่ดาวแล้วท่านเย่หยวนย่อมจะไม่อาจต้านทานใดๆ ได้แม้แต่น้อย!”
…
มันเกิดเสียงร่ำร้องขึ้นทั่วทั้งเมืองด้วยความตื่นตะลึงในการมาถึงของเทพสวรรค์ชางหยวน
อาณาจักรเทพสวรรค์นั้นความแตกต่างของหนึ่งดาวนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่
ในหมู่คนที่อยู่ตรงนี้ไป๋ตงคงนับได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่ต่อให้เขาจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์สองชิ้นอยู่กับตัวมันก็ไม่อาจจะช่วยให้เขาก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นได้
ไหนจะยังเรื่องที่ว่าเทพสวรรค์สี่ดาวนั้นเป็นเทพสวรรค์ขั้นกลาง เหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์ขั้นต้นอย่างมากมายมหาศาลอีกด้วย
ไม่มีใครนึกใครฝันว่าเรื่องราวมันจะกลับกลายมาเป็นเช่นนี้
ทางวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ส่งคนออกมาเองและเขายังเป็นถึงเทพสวรรค์สี่ดาวสุดแข็งแกร่ง
คนเช่นนี้ต่อให้เย่หยวนจะมีแผนการที่เหนือล้ำปานใดมันก็คงไม่อาจพลิกกลับมาชนะได้อีก!
เทพสวรรค์ชางหยวนนั้นหันไปมองเย่หยวนอย่างเย็นเยือก “เจ้าจะเดินไปเอง? หรือต้องให้เทพสวรรค์ผู้นี้อุ้มกลับไป?”
เมื่อหลบรอดจากห้วงความตายมาได้หลู่เหยียนจึงหัวเราะลั่นอย่างตื่นเต้นดีใจ “เด็กน้อย เจ้าเก่งกาจมากหรือ? เจ้าคิดอยากสังหารเทพสวรรค์ผู้นี้หรือ? ตอนนี้เทพสวรรค์ผู้นี้อยากจะรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะยังมีปัญญามาอวดดีอีกหรือไม่!”
เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา ความเจ็บแค้นสิ้นหวังในอกนั้นมันทำให้พวกเขาแทบลืมไปว่าตัวนั้นเป็นถึงเทพสวรรค์ไปชั่วขณะ ตอนนี้พวกเขาทั้งสองได้แต่หัวเราะลั่นราวกับคนเสียสติ
“เจ้าเด็กเย่หยวน เทพสวรรค์ผู้นี้จะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ให้ได้!” เติ้งหยุนไซกัดฟันร้องบอก
ในฐานะเทพสวรรค์แล้วตัวเขาย่อมไม่เคยคิดว่าตนจะต้องพ่ายให้แก่น้ำมือของเทพถ่องแท้
แต่ตอนนี้เป็นด้านเทพสวรรค์ชางหยวนที่มองดูคนรอบๆ อย่างมึนงงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงได้มีความแค้นฝังรากลึกปานนี้
เขานั้นแค่รีบมุ่งหน้าออกมามีหรือที่จะได้รู้ว่าเทพสวรรค์ทั้งสามคนนี้ถูกเย่หยวนเล่นงานจนไม่เหลือความสูงส่งใด?
คนที่คิดจะสังหารพวกเขาทั้งสามนั้นคือเทพสวรรค์ทั้งสามคนของอีกฝ่ายแท้ๆ!
ต่อให้เย่หยวนจะวางยาทัพเทพถ่องแท้นับพันๆ ได้แต่คนทั้งหลายนี้มันก็ไม่น่าจะโกรธแค้นเย่หยวนได้ถึงขั้นนี้ใช่หรือไม่?
แต่ดูหน้าตาของคนทั้งสามในตอนนี้แล้วพวกเขาทั้งหลายไม่ได้มีความโกรธแค้นกับเทพสวรรค์ทั้งสามที่ประมือด้วยเลย
มันเป็นภาพที่แปลกประหลาด
ในตอนนั้นเองที่เจียนหงเซียวรีบพุ่งตัวเข้ามาปิดทางขวางหน้าเย่หยวนไว้ “ผู้ฝึกตนชางหยวน ข้านั้นเป็นผู้อาวุโสแห่งวังดาราจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศ เจียนหงเซียว เย่หยวนนั้นเป็นสหายกับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเรา ท่านคิดจะทำให้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเราต้องตกที่นั่งลำบากแล้วหรือ?”
ต้วนยี่เองก็พูดขึ้นมาตาม “เย่หยวนนั้นคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งศาลาโอสถสวรรค์เราและยังเป็นยอดคนเทียบเคียงท่านเทพสวรรค์เปียวหยูได้ ท่านแน่ใจหรือว่าอยากจะชิงพาตัวเขาไปเช่นนี้?”
นั่นทำให้สีหน้าของชางหยวนเปลี่ยนสีไปทันที
ดูท่าแล้วคำพูดของทั้งสองเทพสวรรค์นี้มันจะทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล
นอกจากตัวท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวแล้วมันย่อมจะไม่มีใครในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวกล้าไปท้าทายยอดค่ายสำนักทั้งสองนี้
แค่เด็กน้อยเทพถ่องแท้ผู้หนึ่งกลับมีเบื้องหลังและเส้นสายที่ยิ่งใหญ่ปานนี้?
ชางหยวนนั้นตื่นตะลึงอย่างไม่อาจควบคุมได้
แต่ถึงเขาจะหยุดคิดไปสุดท้ายก็ต้องส่ายหัวออกมา “เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็เพียงแค่รับคำสั่งจากผู้อาวุโสใหญ่ให้นำพาตัวเย่หยวนกลับไปยังวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยว บางที… มันอาจจะมิใช่เรื่องเลวร้ายก็ได้ หากทางวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ประเมินเขาไว้สูง บางทีวันหน้าเขาอาจจะได้ผงาดขึ้นด้วยอนาคตที่แสนสดใส”
เมื่อพวกหลู่เหยียนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็แทบจะสำลัก
นี่มันมิใช่ผลที่พวกเขากำลังเฝ้ารออยู่เลย!
แต่ไม่นานสีหน้าของหลู่เหยียนก็เริ่มสงบลงได้
เพราะหากเย่หยวนเข้าวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวไปจริง วันหน้าตัวเขาก็คงพอที่จะทำอะไรได้บ้าง
เย่หยวนมองดูที่ชางหยวนอย่างเย็นชาก่อนจะตอบกลับไป “เช่นนั้นคงต้อบขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่ที่มีเจตนาดี แต่… เย่ผู้นี้ไม่ต้องการจะเดินทางไปยังวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยว”
นั่นทำให้สีหน้าของเทพสวรรค์ชางหยวนเปลี่ยนสีไปทันที ดูท่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะไม่รู้จักประมาณตัวเสียแล้ว!
เขาจึงได้แต่ต้องหัวเราะออกมา “เจ้าหนู คนเขาไว้หน้ายังจะคิดปฏิเสธอีก! แค่เทพถ่องแท้ผู้หนึ่งคิดหรือว่าตัวเองจะสำคัญมากมายนัก? ต่อให้เบื้องหลังของเจ้าจะมีสองยอดค่ายสำนักหนุนแต่เจ้าคิดว่าด้วยกำลังของตนนั้นจะสามารถหลบรอดเทพสวรรค์ผู้นี้ไปได้? ช่างเถอะ! หากเป็นเช่นนั้นแล้วเทพสวรรค์ผู้นี้ก็ไม่อยากจะเสียน้ำลายคุยให้มากกว่านี้ ข้าจะจับตัวเจ้าไปเสียเดี๋ยวนี้”
พูดจบเทพสวรรค์ชางหยวนก็ปล่อยคลื่นพลังออกมาอย่างรุนแรง
ทุกก้าวที่เขาเดินเข้ามา ชางหยวนก็ยิ่งปล่อยพลังที่รุนแรงหนักหน่วงกว่าเดิมออกมา
‘อ่อก!’
‘อ่อก!’
ในที่สุดเจียนหงเซียวและต้วนยี่ก็ไม่อาจอดทนไหวต้องกระอักเลือดออกมา
ความแตกต่างนี้มันยิ่งใหญ่เกินไป!
“ถอยไป!” ชางหยวนสะบัดแขนส่งร่างของทั้งเจียนหงเซียวและต้วนยี่ลอยไปไกลด้วยแรงผลักดันอันมหาศาล
เมื่อไม่มีคนทั้งสองคนปิดบังพลังให้แล้วเย่หยวนจึงต้องรับพลังกดดันจากชางหยวนตรงๆ
นี่มันคือพลังกดดันจากเทพสวรรค์สี่ดาว แน่นอนว่ามันย่อมรุนแรงจนกระดูกของเขาแทบแตกร้าว
ชางหยวนมองดูเย่หยวนและกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น “เด็กน้อย เจ้านั้นมันโอหัง เจ้าคิดว่าแค่มีเทพสวรรค์หนุนหลังอยู่ไม่กี่คนแล้วจะสามารถขัดคำเทพสวรรค์ผู้นี้ได้? เทพสวรรค์ผู้นี้จะบอกเจ้าให้… กำลังของเทพสวรรค์นั้นมันไม่อาจขัดขืน! เอาล่ะ มากับข้าเสีย!”
พูดจบชางหยวนก็ยื่นมือออกมาคิดคว้าจับตัวเย่หยวนไว้
คลื่นพลังโลกที่รุนแรงแสนเชี่ยวกรากนี้มันรุนแรงเสียจนทำให้เย่หยวนไม่อาจจะมีแรงใดๆ ไปขัดขืนได้เลย
แต่ทว่าชางหยวนเองกลับเห็นถึงรอยยิ้มเย้ยเยาะบนใบหน้าของเย่หยวนทำให้สายตาของเขาต้องเปลี่ยนไปเป็นความมึนงง
จู่ๆ ชางหยวนก็หน้าถอดสีจนต้องถอยร่างกลับไปไกล
สองเงาร่างปรากฏตัวขึ้นมาจากรอยแยกมิติ หนึ่งเฒ่า หนึ่งหนุ่ม
คนเฒ่าผู้นั้นมองดูชางหยวนและกล่าวขึ้นมา “เฒ่าคนนี้มีนามว่าเฉาหยวนแห่งสิบล้ำ ขอพี่ชางหยวนโปรดละเว้นเรื่องราวเมตตาเขาบ้าง”
เทพสวรรค์ชางหยวนที่ได้เห็นก็ต้องร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง “เจ้า… เจ้าคือเจ้าเมืองแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสิบล้ำ เทพสวรรค์เฉาหยวน?”
ชายแก่คนนั้นพยักหน้ารับออกมา “ใช่แล้ว เฒ่าคนนี้เอง”
ชางหยวนจึงขมวดคิ้วตอบกลับไป “พี่เฉาหยวนเองนั้นอยู่ใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์หยุนฮุย มือท่านจะไม่ยืดมายาวจนเกินไปหน่อยหรือ?”
เทพสวรรค์เฉาหยวนจึงตอบกลับไป “สหายน้อยเย่หยวนนั้นคือสหายของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสิบล้ำเรา เมื่อได้ยินว่าจะมีใครมาจับพาตัวเขาไป เฒ่าคนนี้จึงอดทนไม่ได้ต้องออกมาเป็นคนกลางเจรจาให้”
แม้ว่าคำพูดมันจะฟังดูนอบน้อมแต่ความหมายของเขามันสุดแสนชัดเจน
เทพสวรรค์เฉาหยวนนั้นได้พาเด็กหนุ่มผู้หนึ่งตามติดมาด้วย หากไม่ใช่ซงหยูแล้วมันจะเป็นใครได้?
เรื่องราวที่เย่หยวนล้างบางทัพเทพถ่องแท้นั้นมันเป็นเรื่องที่ใหญ่โตจนเกินจะปิดปัง
หลังจากซงหยูได้ยินเขาก็รีบไปขอให้เทพสวรรค์เฉาหยวนออกมาช่วยเย่หยวนในทันที
ทางเทพสวรรค์เฉาหยวนนั้นก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธแม้แต่น้อย รีบรุดหน้ามาทันที
หลังจากซงหยูกลับไปถึงเมืองเขาก็ได้เล่าเรื่องราวที่พบเจอมาให้เทพสวรรค์เฉาหยวนฟังจนสิ้นว่ามันเกิดอะไรขึ้นในสนามรบเทพโบราณบ้างทำให้แม้แต่ตัวเทพสวรรค์เฉาหยวนยังต้องตกตะลึงหลังได้ยิน
นอกจากเรื่องที่ว่าเย่หยวนพาเขาไปได้สมบัติมามากมายมหาศาลแล้วลำพังแค่เรื่องที่ว่าเย่หยวนนั้นมีเต๋าโอสถที่เหนือล้ำมันก็มากพอที่จะมาผูกสัมพันธ์ไว้แล้ว!
เทพสวรรค์ชางหยวนได้แต่หัวเราะขึ้น “พี่เฉาหยวนนั้นยังหน้าใหญ่ไม่พอหรอก! อย่าได้ลืมว่านี่คือเขตแดนในปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยว!”
“เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้น… หากรวมหน้าเราเข้าไปด้วยเล่า?”
เทพสวรรค์ชางหยวนยังพูดไม่ทันขาดคำมันก็เกิดเสียงตอบรับขึ้นมาจากความว่างเปล่า
เทพสวรรค์อีกสามคนปรากฏตัวออกมา!
รวมตัวเฉาหยวนด้วยแล้ว คลื่นพลังที่คนทั้งหลายนี้ปล่อยออกมาจากร่างมันไม่ได้ด้อยไปกว่าชางหยวนเลย!
“ข้าหวู่เฟิงแห่งใบชาด!”
“ข้าเทียนเซียวแห่งลมช่วย!”
“ข้าชางหลันแห่งหมอกฟ้า!”
เทพสวรรค์ทั้งสามยกมือขึ้นคารวะพร้อมแนะนำตัวต่อชางหยวนติดๆ กัน
ทุกผู้คนนั้นได้แต่สูดหายใจเข้าลึก ไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้ที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันจะมีเทพสวรรค์มาปรากฏตัวกันมากมายปานนี้
ที่สำคัญพวกเขาแต่ละคนนั้นยังเป็นเทพสวรรค์ที่เลื่องชื่อสนั่นโลกา
ชางหยวนได้แต่หันไปมองเย่หยวนอย่างมึนงง ตื่นตะลึงอย่างสุดหัวใจ
เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นเทพเจ้ามาจากที่ใดถึงได้ทำให้ยอดคนผู้ปกครองโลกาทั้งหลายเดินทางนับล้านๆ กิโลเมตรเพื่อมาช่วยปกป้องตัวเขาเช่นนี้!
…………………….