ในขณะที่ปลาสีดำตัวนี้กำลังก่นด่า ภายในจักรวาลสีเทา หวังเป่าเล่อตอนนี้กำลังรู้สึกตื่นเต้น แววตาทอประกาย เขากลายเป็นสายรุ้งที่ลุกไหม้ ความเร็วเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด เปล่งเสียงคำรามและพุ่งตรงไปยังวังวนขนาดใหญ่
แต่เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ไม่ราบรื่นเหมือนเช่นก่อนหน้า ภายในจักรวาลสีเทา วังวนที่มีขนาดใหญ่เท่ากับที่หวังเป่าเล่อเห็นในตอนนี้มีจำนวนน้อยมาก มันแปลงมาจากการล่มสลายของราชันสวรรค์แห่งตระกูลไม่รู้สิ้น และราชันสวรรค์ที่เป็นกองกำลังในบังคับบัญชาของจักรพรรดิสวรรค์เดือนแยกที่เข้าร่วมการฆ่าเฉินชิงจื่อ มีเพียง 17 คนเท่านั้น!
นั่นหมายความว่า ภายในจักรวาลสีเทา อย่างมากที่สุด… ก็จะมีวังวนขนาดใหญ่เช่นนี้เพียง 17 แห่ง ขณะเดียวกัน เนื่องจากมีคนจำนวนน้อยที่จะได้ครอบครอง มหาศิษย์แห่งเต๋าที่ตระหนักรู้ในที่แห่งนี้ ล้วนเป็นบุคคลไม่ธรรมดาของแต่ละตระกูลในสำนัก
แม้ว่าอันดับต้นๆ ในระดับแรกจะไม่ได้มา แต่คนเหล่านี้ ก็ล้วนอยู่ในระดับรอง ซึ่งใกล้เคียงกับระดับแรกอย่างมาก
ดังนั้น ในตอนที่หวังเป่าเล่อพุ่งมาจากระยะไกลนั้น ภายในวังวนขนาดใหญ่ ผู้ฝึกตนทั้งแปดที่กำลังดูดซับอย่างต่อเนื่องอย่างใจเย็น ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกันในทันที
ในบรรดาแปดผู้ฝึกตนนี้ มีผู้ฝึกตนสองคนมาจากตระกูลไม่รู้สิ้น ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง อายุไม่มากนัก หว่างคิ้วมีตราอัคคี ยามที่ลืมตาขึ้นมา พลันเผยให้เห็นความทรงพลังของเทพ
นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีเต่าขนาดยักษ์ เต่าตัวนี้ไม่ได้กลายร่างเป็นมนุษย์ ทว่ามันหมอบอยู่ใจกลางวังวน ท่าทางราวกับกำลังฝึกวิชาอยู่เช่นกัน ดวงตาที่ลืมขึ้นเผยให้เห็นรูม่านตาในแนวตั้งดุจตางู แผ่ความเยือกเย็นและเหี้ยมโหดออกมา
ส่วนห้าผู้ฝึกตนนั้น เป็นชายสาม หญิงสอง ผู้ฝึกตนชายสองและหญิงหนึ่งในนั้นสวมชุดกี่เพ้ายาวงดงาม รูปร่างคล้ายมนุษย์ ทว่ากลับมีปีกอยู่ข้างหลัง ผู้หนึ่งมีปีกขนนก ผู้หนึ่งมีปีกทะเลแห่งความมืด และคนสุดท้ายคล้ายกับค้างคาว แม้รูปลักษณ์จะแตกต่าง แต่กลับมีรัศมีตื่นตะลึง!
และชายหนึ่ง หญิงหนึ่งสุดท้าย นับว่ายิ่งไม่ธรรมดา ผู้ฝึกตนหญิงมีเขาสีขาวเล็กๆ ใบหน้าหมดจด รูปร่างงามสง่า หว่างคิ้วมีเกล็ดสีทอง
สำหรับผู้ฝึกตนชายนั้น ท่อนบนเป็นมนุษย์ ใบหน้ารูปงามไม่ธรรมดา ราวกับเทพเจ้า ทว่าท่อนล่างกลับเต็มไปด้วยเมือก และหนวดตะปุ่มตะป่ำ ดูแล้วน่าเกลียดขยะแขยงถึงขีดสุด การผสานกันอย่างลงตัวของความสวยงามและความอัปลักษณ์นี้ ทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้ใจสั่นไหว!
เวลานี้ ทั้งแปดคนต่างมองตรงมาทางหวังเป่าเล่อ นัยน์ตาของผู้ฝึกตนที่มีปีกขนนกข้างหลังซึ่งอยู่ใกล้กับทิศทางที่หวังเป่าเล่อกำลังมาที่สุดนั้นฉายแววเย็นเยือก เขากล่าวเสียงเรียบ
“ไสหัวไป!”
“ไสหัวไปอะไรกัน!” ทันทีที่เสียงพูดของคนผู้นั้นดังขึ้น หวังเป่าเล่อก็เปล่งเสียงคำราม ราวกับอัสนีสวรรค์ระเบิด หายนะบังเกิด พลันแตกออกโดยตรงขณะเปล่งเสียงคำราม ทำให้จักรวาลโดยรอบผันผวนและบิดเบี้ยว ผู้ฝึกตนที่มีปีกขนนกหน้าเปลี่ยนสีทันที กำลังจะหยัดกายลุกขึ้น…
แต่กลับไม่ทัน เงาร่างที่พุ่งเข้ามาของหวังเป่าเล่อส่งเสียงแตกร้าวกลางอากาศ พริบตาร่างของเขาพลันหายวับ ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งเบื้องหน้าผู้ฝึกตนปีกขนนก ส่งหมัดออกไปทันที!
ท่ามกลางเสียงคำราม ผู้ฝึกตนปีกขนนกยกมือทั้งสองข้างขึ้นต้านทานอย่างสุดกำลัง ฐานบ่มเพาะระดับดารานิรันดร์ชั้นปลายพลันระเบิด ปีกที่อยู่ข้างหลังกางออก ปกคลุมร่างเอาไว้ ต้านหมัดอันน่าพิศวงของหวังเป่าเล่อด้วยสองมือ
เสียงดังก้องกังวาน ผู้ฝึกตนปีกขนนกมีพรสวรรค์และทรงพลังอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ร่วงเพราะหมัดของหวังเป่าเล่อ หากแต่กลับสั่นไปทั้งร่าง พลันปรากฏสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนจะหักล้างพลังอันรุนแรงของหวังเป่าเล่อได้
แต่แล้วในพริบตา… หวังเป่าเล่อยกขาขวาขึ้น เตะเข้าไปที่เป้าของผู้ฝึกตนปีกขนนกโดยตรงราวกับจะสามารถทำลายความว่างเปล่าด้วยความเร็วที่มากขึ้นและกำลังที่เพิ่มขึ้น
ลูกเตะอย่างฉับพลัน ราวกับเป็นการกระทำโดยสัญชาตญาณ ทำให้สีหน้าของผู้ฝึกตนปีกขนนกเปลี่ยนไป ร่างกายสั่นสะท้าน เลือดไหลทะลัก ก่อนจะถอยร่นไปด้วยความเจ็บปวด
“ข้าคือซ่างอวี๋จื่อแห่งสำนักเต๋าขนคราม เจ้าเป็นใครกัน กล้าทำร้ายข้า!”
เมื่อเห็นว่าผู้ฝึกตนปีกขนนกล่าถอย เจ็ดคนที่เหลือพลันมีสีหน้าเคร่งขรึมทันที บ้างหยัดกายลุกขึ้นแล้ว การฝึกฝนภายในวังวนเริ่มผันผวน
“หืม?” นัยน์ตาหวังเป่าเล่อฉายแววงุนงง เขาไม่ได้ใช้กระบวนท่านี้นานมากแล้ว จำไม่ได้ว่าเมื่อครู่เตะไปกี่ครา ทว่าก็ยังพอมีประสบการณ์ด้านสัมผัสอยู่บ้าง การเตะนั้น แม้ผู้ฝึกตนผู้นี้จะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็มีบางอย่างผิดแปลกไป
“โครงสร้างต่างกัน!” หวังเป่าเล่อไม่รอช้า เขาขยับร่างและพุ่งออกไปอีกรอบ กลอกตาและเปล่งเสียงคำรามที่ดังกว่าเดิม
“ซ่างอวี๋จื่อ ก่อนหน้านี้เจ้าฉวยโอกาสแย่งสมบัติของข้าไป แต่ข้ายังหนีรอดมาได้ และโชคดียิ่งขึ้น วันนี้เจอกันที่นี่ ข้าเองก็จะแย่งโชคลาภของเจ้า และโจมตีเจ้า!” หลังจากหวังเป่าเล่อเปล่งเสียงคำราม ในวังวนแห่งนี้ ผู้ฝึกตยที่ยืนฝึกฝนและแยกย้ายกันไปนั้น ต่างชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันมองหวังเป่าเล่อสลับไปมากับร่างของซ่างอวี๋จื่อ ต่างยืนนิ่งมองอยู่เช่นนั้น ไม่ลงมือ
“ข้าแย่งสมบัติของเจ้าไป?” ซ่างอวี๋จื่อเองตกตะลึงเช่นกัน เป็นความจริงที่เขาทำเรื่องดังกล่าวมาไม่น้อย และแม้ว่าตอนนี้หวังเป่าเล่อจะดูแปลกหน้า แต่ก็อดย้อนคิดไม่ได้
ขณะที่กำลังล่าถอย และใช้ความคิด เงาร่างของหวังเป่าเล่อก็พุ่งเข้ามาแล้ว ประชิดใกล้ก่อนจะซัดเข้ามาอีกหนึ่งหมัด ท่ามกลางเสียงคำราม ทั้งสองต่อสู้กันในวังวนจากด้านหนึ่งไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง เกิดเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซ่างอวี๋จื่อถูกโจมตีกระอักเลือดไม่หยุด ภายในใจยิ่งรู้สึกคับข้อง แม้จะต้องการโต้กลับขณะเปล่งเสียงคำราม แต่ก็ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย เขาถูกหวังเป่าเล่อกดขี่ตลอดทาง
กระทั่งถึงจุดที่ผู้ฝึกตนชายหญิงแห่งตระกูลไม่รู้สิ้นนั้นอยู่ ซ่างอวี๋จื่อจึงรีบเอ่ยปาก
“ข้ายอมมอบน้ำอมฤตสกุณาให้สิบหยด ทุกท่านโปรดช่วยข้าด้วย เจ้าบ้านี่สมองมีปัญหา!”
ทันทีที่ซ่างอวี๋จื่อเอ่ยปาก ทุกคนต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ทว่าผู้ที่ตอบโต้ได้เร็วที่สุด ยังคงเป็นผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่ข้างๆ ยามนี้ดวงตาของเขาเป็นประกาย ร้องเสียงต่ำ
“เจ้ารีบไสหัวออกไปเสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะปราบเจ้า!”
“ปราบอะไรของเจ้า!” หวังเป่าเล่อถลึงตา หลังจากซัดร่างของซ่างอวี๋จื่อให้กระเด็นออกไป ไม่รอช้ารีบโบกมือให้เทพวัวจำแลงพุ่งตรงไปยังตระกูลไม่รู้สิ้นที่ปริปากพูด!
เดิมทีเขาตั้งใจจัดการเพียงคนเดียว แย่งมาแค่ตำแหน่งเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่กลับมีคนเข้ามาแทรก เช่นนั้นก็กำจัดทั้งหมดแล้วกัน
ท่ามกลางเสียงคำราม ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นผู้นั้นผนึกฝ่ามือเพื่อต้านทาน แต่แล้วในพริบตา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ร่างกายถอยกลับทันที เผยร่างแท้ออกมาทั้งหมด ทว่าก็พังทลายไปหนึ่งกะโหลกและแขนสามข้าง ก่อนความหวาดผวาจะปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
ผู้ฝึกตนหญิงตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่ข้างๆ ก็ยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่เช่นเดียวกัน หลังจากตอบโต้ นางลงมือโจมตีหวังเป่าเล่อทันที แต่แล้วก็หันไปร่วมมือกับซ่างอวี๋จื่อ รวมพลังกันสามคนเพื่อต่อสู้กับหวังเป่าเล่อ
ผู้ฝึกตนคนอื่นนั้น สีหน้าของพวกเขาเวลานี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย มีสามคนขมวดคิ้ว และถอยห่างอย่างรวดเร็ว ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม ในเวลาเดียวกันเนื่องจากเกิดการต่อสู้ภายในสถานที่แห่งนี้ จึงทำให้ร่องรอยพลังงานเกิดความอลหม่าน ยากที่จะฝึกฝนต่อ ดังนั้นในระหว่างถอยกลับก็ได้แยกย้าย
สามคนนี้นับว่าฉลาด ไม่ต้องการที่จะเสียระดับฝึกที่นี่ แต่ก็มีอีกสอง ที่แม้ว่าสีหน้าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วก็ตาม หลังจากเฝ้ามองอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้สนใจ หันกลับไปฝึกฝนอีกรอบ วางตนราวกับว่าถ้าไม่มารบกวนข้า ข้าก็ไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วม
ในผู้ฝึกตนทั้งสองนี้ ผู้หนึ่งคือเจ้าเต่ายักษ์ อีกผู้หนึ่งคือคนที่มีท่อนบนรูปงามและท่อนล่างอัปลักษณ์
ด้วยเหตุนี้ เสียงคำรามจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งกระบวนการใช้เวลาดำเนินได้ไม่นานนัก เพียงเวลาสามสิบกว่าลมหายใจเท่านั้น ซ่างอวี๋จื่อก็กรีดร้อง ปีกทั้งสองที่อยู่ข้างหลังถูกหวังเป่าเล่อฉีกออก เขาหนีไปอย่างรวดเร็ว ด้านผู้ฝึกตนจาดตระกูลไม่รู้สิ้นทั้งสองคนต่างก็กระอักเลือดเช่นกัน ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
“กล้ามาแย่งจุดบ่มเพาะของข้า!” เมื่อขับไล่ทั้งสามไปได้ หวังเป่าเล่อไม่ได้ไล่ตามไปแต่อย่างใด หลังจากส่งเสียง ‘หึ’ อย่างเย็นชาก็หาที่นั่งขัดสมาธิในวังวน สำหรับผู้ฝึกตนทั้งสองคน เนื่องจากไม่ได้มีส่วนร่วมกับการปะทะเมื่อครู่ หวังเป่าเล่อจึงไม่ได้ขับไล่พวกเขา
“อย่างไรเสียอีกสักประเดี๋ยวพวกเขาก็ต้องไปเอง” หวังเป่าเล่อพึมพำ ขณะโบกมือรอบข้างของเขาก็เกิดความคลุมเครือที่สามารถปกปิดเงาร่างของเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้ความลับของตนเปิดเผย ภายในร่างกายของหวังเป่าเล่อก็เริ่มหมุนและดูดกลืนอย่างแรง!
ทันใดนั้น ฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างกายก็สั่นสะท้าน แรงดูดเพิ่มขึ้นในฉับพลัน ยึดหวังเป่าเล่อเป็นศูนย์กลาง และปกคลุมไปตามวังวน ชั่วพริบตา ทั่วทุกแห่งในวังวนต่างสั่นไหว กฎแตกกระจายทั้งหมดที่อยู่ข้างในล้วนโดนดูดกลืนไปบรรจบที่หวังเป่าเล่อ
ฉากนี้ทำให้เจ้าเต่ายักษ์และผู้ฝึกตนอีกคนลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาเผยให้เห็นความตื่นตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น!”
“พละกำลังใช้ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องกล้าหาญถึงเพียงนี้ สหายเต๋าสวรรค์ สู้เราร่วมมือกันขับไล่เขาออกไปดีกว่า” ผู้ฝึกตนกึ่งรูปงามกึ่งอัปลักษณ์กล่าวเสียงเบา
“ได้!” แววตาของเจ้าเต่ายักษ์เผยแสงเย็นเยือก แต่ขณะที่กำลังกล่าวตอบนั่นเอง ด้านนอกวังวน… ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน!
เส้นไหมสีเขียวปรากฏขึ้น จำนวนของมันอาจมากถึงหลายร้อยเส้นเลยทีเดียว!
………………………………………………….