เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1334
ลู่ฝานรับป้ายนั้นมาดู โดยเขาเองก็เคยได้รับป้ายผู้อาวุโสเจดีย์ยาเหมือนกัน จึงมองออกได้อย่างแน่นอน ซึ่งป้ายในมือของชายผู้นี้ีน่าจะเป็นของจริง
“ผู้อาวุโสเจดีย์ยา? นายอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่า ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”
ลู่ฝานคืนป้ายกลับให้จ้าวหมิงหยู่ และสอบถามขึ้น
จ้าวหมิงหยู่ยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับส่ายศีรษะและพูดขึ้นว่า: “ผู้อาวุโสลู่ ท่านอย่าได้ถามฉันเลย ฉันเองก็ไม่รู้ หน้าที่ของฉันคือนำป้ายมามอบให้กับท่าน จากนั้นก็รีบกลับไป”
ลู่ฝานโมโหขึ้นมาทันที และพูดว่า: “แล้วนายจะวิ่งหนีทำไม”
จ้าวหมิงหยู่พูดขึ้นอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า: “ก็ท่านไล่ตามมาแล้วฉันจะไม่วิ่งหนีได้ยังไงล่ะ! ”
ลู่ฝานพูดเสียงดังว่า: “นายวิ่งหนีแล้วจะไม่ให้ฉันไล่ตามได้ยังไงล่ะ? ”
ทั้งสองคนจ้องมองสบตากันไปมา ทันใดนั้น ก็หัวเราะขึ้น
จ้าวหมิงหยู่กุมไปที่หน้าอกและลุกยืนขึ้น แล้วพูดว่า: “ผู้อาวุโสลู่ เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ หากท่านต้องการที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ฉันแนะนำให้ท่านไปที่เจดีย์ยาด้วยตนเองสักรอบ”
ลู่ฝานมองไปที่ป้ายในมือ พยักหน้าและพูดว่า: “ใครเป็นคนสั่งให้นายมา นายคงจะรู้นะ”
จ้าวหมิงหยู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คำนับและพูดว่า: “ผู้อาวุโสลู่ ท่านไปสอบถามเอาเองจะดีกว่า”
ลู่ฝานพยักหน้า และพูดว่า: “ตกลง พวกเราไปเจดีย์ยากันตอนนี้เลย! ”
ทั้งสองคนพูดจบ ก็รีบออกไปจากที่นี่โดยเร็ว
มองดูจนกระทั่งเงาร่างของลู่ฝานสูญหายไป ภายในคฤหาสน์ ชายชราอ้วนก็พาภรรยาและลูกออกมา แล้วจ้องมองไปยังทิศทางที่ทั้งสองคนเดินจากไป และพูดขึ้นว่า: “คนเมื่อครู่นั้น เหมือนจะเป็นลู่ฝานเลย ภรรยา คุณเห็นกระบี่ใหญ่นั้นไหม”
ภรรยาที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นอย่างเหยียดหยามว่า: “ถือกระบี่ใหญ่ก็เป็นลู่ฝานแล้วอย่างนั้นเหรอ ช่วงเวลานี้ บนท้องถนนมีนักบู๊ที่ถือกระบี่หนัก เลียนแบบลู่ฝานมากมายเต็มไปหมด รีบนอนเถอะ เดี๋ยวฉันจะนับเงินดูหน่อยว่าเขาให้มาเท่าไรกัน”
ชายชราอ้วนมองไปยังกำแพงบ้านที่พังทลายลงมาด้วยความสงสัย และพูดพึมพำว่า: “นักบู๊ทั่วไป จะมีพลังทำลายที่รุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ? ” ……
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ลู่ฝานและจ้าวหมิงหยู่ก็มาถึงเจดีย์ยา
แม้ว่าจะเป็นช่วงกลางคืน แต่ภายในเจดีย์ยาก็คงสว่างไสวราวกับเป็นช่วงกลางวัน ผู้ฝึกชี่ก็ยังคงไปมากันอย่างต่อเนื่อง ไม่แตกต่างอะไรกับช่วงกลางวันเลย
ผู้ฝึกชี่เหล่านี้มองเห็นลู่ฝานเดินเข้ามา ก็หันจ้องมองไปที่ใบหน้าของลู่ฝานกันมากขึ้น เหมือนจะกำลังยืนยันว่า คนที่ยู่ด้านหน้านี้ จะใช่ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวา ที่ในช่วงนี้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมืองหลวงนั้นหรือไม่!
ลู่ฝานเองกลับไม่พบเห็นคนที่คุ้นเคย มองไปโดยรอบแล้ว จึงถามขึ้นว่า: “ผู้ดูแลจ้าว ฉันจะไปถามใครล่ะ? ”
จ้าวหมิงหยู่ตอบว่า: “บนชั้นที่เก้าสิบเจ็ดของเจดีย์ยา”
ลู่ฝานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย และพูดว่า: “นายแน่ใจเหรอ? ”
จ้าวหมิงหยู่ตอบว่า: “ยืนยัน”
ลู่ฝานพยักหน้า แล้วหยิบยาเม็ดขวดหนึ่งออกมามอบให้กับจ้าวหมิงหยู่และพูดขึ้นว่า: “ต้องขอโทษด้วย ผู้ดูแลจ้าว ที่วันนี้ฉันใช้กระบี่แทงนาย! ”
จ้าวหมิงหยู่ยิ้มพร้อมกับรับขวดยามาเก็บไว้ จากนั้นก็มองดูลู่ฝานเดินขึ้นไปบนเจดีย์ยา
ครู่หนึ่ง จ้าวหมิงหยู่ก็เก็บสายตา หันหน้ามองไปด้านหลังและพูดว่า: “ตาเฒ่าซู ครั้งนี้นายให้ร้ายฉันหนักมาก ฉันเกือบจะถูกเขาแทงตายแล้ว! ”
ภายในเจดีย์ยา ตาเฒ่าซูที่ไม่เป็นมิตรกับลู่ฝานมาโดยตลอดนั้น ก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายของจ้าวหมิงหยู่ ด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่ แล้วก็พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “เขาเก่งกาจขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
จ้าวหมิงหยู่พยักหน้าและพูดว่า: “พูดได้เพียงว่า ตอนนี้เขาเก่งกาจมากกว่าที่นายคาดคิดไว้ ต่อไปหากนายยังคิดที่จะทดสอบพลังความสามารถของใครแล้ว ห้ามมาหาฉันอีกเด็ดขาด วันนี้ก็เกือบจะถูกนายให้ร้ายจนไม่เหลือชีวิตแล้ว ฮึ นายรู้ไหมว่าเบื้องบนให้สิ่งของอะไรกับเขา? ”
ตาเฒ่าซูพูดขึ้นอย่างตกใจว่า: “ก็ป้ายจัดการดูแลน่ะสิ จะเป็นอะไรไปได้อีก ป้ายจัดการดูแลที่ผู้อาวุโสโม่เคยให้เขาไว้ ถูกอริยปราชญ์ดวงดาวเก็บคืนมาแล้ว จากนั้นตอนนี้ก็มอบคืนกลับให้เขาไป! ”
จ้าวหมิงหยู่ส่ายศีรษะและพูดว่า: “หากว่าป้ายจัดการดูแล ฉันจะต้องเคารพนอบน้อมต่อเขาขนาดนี้ด้วยเหรอ? ตาเฒ่าซู นายรู้ไหมว่า ที่เบื้องบนมอบให้เขานั้น คือป้ายผู้อาวุโส! ”
ตาเฒ่าซูราวกับถูกฟ้าผ่า ตกใจชะงักอยู่กับที่ และพูดว่า: “เป็นไปได้อย่างไรกัน อริยปราชญ์ดวงดาวสามารถแต่งตั้งผู้อาวุโสได้ตามอำเภอใจแบบนี้เลยเหรอ ไม่ได้ ฉันจะไปคัดค้านเบื้องบนเรื่องการตัดสินใจนี้! ”
จ้าวหมิงหยู่ยิ้มและพูดว่า: “อริยปราชญ์ดวงดาว? ไม่ใช่ไม่ใช่ นายพูดผิดแล้ว คำสั่งดังกล่าวนั้น ไม่ใช่อริยปราชญ์ดวงดาวที่เป็นคนออกคำสั่ง แต่เป็นผู้ที่เก่งกาจกว่าอริยปราชญ์ดวงดาว ซึ่งก็คือผู้ที่เพิ่งจะกลับมายังเจดีย์ยาผู้นั้น”
ตาเฒ่าซูตัวสั่นเทาขึ้นในทันที ถึงกับล้มตึงนั่งลงไปกองที่พื้น
“คงไม่ใช่หรอก”
จ้าวหมิงหยู่พยักหน้าและพูดว่า: “เกรงว่าความจริงก็คงจะเป็นแบบนี้แล้ว ฉันเตือนนายไว้ก่อนนะว่า ต่อไปถอยห่างออกมาจากลู่ฝานยิ่งมากยิ่งดี! ”
ตาเฒ่าซูกลืนน้ำลายในทันที
ชั้นที่เก้าสิบห้า ชั้นที่เก้าสิบหก ชั้นที่เก้าสิบเจ็ด
นี่เป็นครั้งที่สองที่ลู่ฝานขึ้นมายังชั้นที่เก้าสิบเจ็ดของเจดีย์ยา ครั้งก่อนที่ขึ้นมานั้น อริยปราชญ์ดวงดาวได้เก็บป้ายจัดการดูแลของเขากลับคืนไปในที่ตรงนี้
ครั้งนี้ ขณะที่ลู่ฝานขึ้นมาถึง ก็มองเห็นประตูของชั้นที่เก้าสิบเจ็ดเปิดอยู่ แล้วก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู
“คุณชายลู่ฝาน เจอกันอีกแล้ว! ”
คิ้วทรงสี่เหลี่ยม ดวงตาประกายวาวดุจดั่งดวงดาว ท่วงท่าองอาจสง่างาม
ลู่ฝานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พลันอุทานขึ้นว่า: “อริยปราชญ์ดวงดาว! ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าและพูดว่า: “เป็นเรื่องยากทีเดียวที่คุณชายลู่ฝานยังจดจำชื่อของฉันได้ เชิญ คุณชายลู่ฝาน ฉันรออยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว”
ลู่ฝานพูดขึ้นอย่างตกใจว่า: “รอต้อนรับฉัน? ทำไมกัน? ท่านรู้ว่าฉันจะมาที่นี่เหรอ? ทำไมต้องรอต้อนรับฉันด้วย? ”
ลู่ฝานถามคำถามออกมาเป็นขบวน อริยปราชญ์ดวงดาวกลับไม่มีท่าทางที่จะตอบกลับแต่อย่างใด
หลีกตัวออกเล็กน้อย เพื่อให้ลู่ฝานเดินเข้ามาด้านใน โดยสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของเขานั้น ก็คือแถบแผ่นหินเขียว ที่ทอดยาวไปสู่ระยะไกล
โดยบริเวณรอบข้างของแผ่นหินเขียว ก็มีหลายเงาร่างล่องลอยอยู่ และมองไปที่ลู่ฝานอย่างยิ้มแย้ม
ลู่ฝานกวาดตามองดู ก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลมหายใจที่ลี้ลับจากร่างของพวกเขา ที่เหมือนกันกับอริยปราชญ์ดวงดาว พวกคนเหล่านี้ เกรว่าคงจะเป็นเหมือนกับอริยปราชญ์ดวงดาว คือผู้ฝึกชี่ชั้นยอดที่อยู่ภายในเจดีย์ยาแห่งนี้ เป็นอริยปราชญ์ที่ควบคุมดูแลฟ้าดิน!
ลู่ฝานสูดลมหายใจลึก แล้วมองไปยังปลายทางของแผ่นหินเขียวนั้น ที่นั่นก็มีเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ทันใดนั้น ลู่ฝานก็ตกใจ และพูดพึมพำว่า: “อาจารย์! อาจารย์หวูเฉิน! ”
หวูเฉินค่อย ๆ เดินขึ้นมาด้านหน้า และกางแขนสองข้างโอบกอดลู่ฝานพร้อมกับพูดว่า: “ลู่ฝาน ลูกศิษย์ที่รักของฉัน ฉันรู้ว่า ด้วยนิสัยที่อยากรู้อยากเห็นของนาย นายจะต้องมาที่นี่แน่นอน ไม่พบเจอกันตั้งนานเลย! ”