บทที่ 846 ผู้เชี่ยวชาญมิติสำแดงอำนาจ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

นายน้อยมิติจ้องไปที่หลินจ้านเผิงด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นเขาพูดว่า “หากเจ้าปล่อยคนของข้า ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้รอดชีวิต!”

คู่พ่อลูกแซ่ถังนั้นเป็นผู้ติดตามที่ภักดีต่อเขา ซึ่งยอมเสียสละตัวเองมาแฝงตัวอยู่กับตระกูลหลินหลายร้อยปี ดังนั้นเขาจึงอยากจะช่วยสองพ่อลูกนี้ออกมาและยิ่งไปกว่านั้น ต่อหน้าเหล่าผู้ติดตามที่เขาพามาด้วย หากเขาไม่ยอมช่วยคู่พ่อลูกแซ่ถังตอนนี้ ในอนาคตบรรดาผู้ติดตามของเขาอาจจะตีตัวออกห่างจากเขาได้

หลินจ้านเผิงยิ้มและตอบกลับ “ข้าได้สืบสวนเรื่องราวของคู่พ่อลูกสารเลวสองตัวนี้แล้ว ซึ่งหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่ทำคุณงามความดีใด ๆ เลยให้กับตระกูลของข้า แต่พวกมันกลับผลาญทรัพยากรของตระกูลข้าไปมากมาย ซึ่งความผิดของพวกมันนั้นใหญ่หลวงจนยากจะให้อภัย แต่เพราะข้ารู้ว่าพวกมันมีเจ้าเป็นผู้หนุนหลังอยู่และข้าเองก็ได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาเหมือนกัน ดังนั้นข้าจึงให้เกียรติเจ้าโดยการรอให้เจ้ามาถึงที่นี่ก่อนแล้วข้าถึงจะลงโทษพวกมัน และตอนนี้ในเมื่อเจ้ามาถึงแล้วงั้นข้าขอตัดสินโทษพวกมันต่อหน้าเจ้าที่เป็นผู้หนุนหลังพวกมัน โดยบทลงโทษที่ข้าจะมอบให้พวกมันก็คือ ประหารชีวิตในทันที!”

เมื่อพูดจบ หลินจ้านเผิงสังหารคู่พ่อลูกแซ่ถังทันทีโดยไม่รีรอให้นายน้อยมิติได้พูดคัดค้าน

ถึงแม้ว่าหลินจ้านเผิงจะรู้ดีว่าต่อให้ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาจะทะลวงมาอยู่ที่ระดับนภาคราม เขาก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายน้อยมิติผู้โด่งดังอยู่ดี แต่ตอนนี้เขามีบรรพบุรุษของเขาเป็นคนหนุนหลังอยู่ ดังนั้นเขาจะต้องกลัวอะไร?

“เจ้านี่มันรนหาที่ตายจริง ๆ!” นายน้อยมิติกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าอาฆาต

“ความตายของข้าไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถกำหนดได้หรอก!” หลินจ้านเผิงตอบกลับทันควัน

นายน้อยมิติแสยะยิ้ม และพูดว่า “นี่เจ้าคิดเหรอว่าระดับการบ่มเพาะนภาครามจะช่วยเจ้าได้? ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะอยู่ในระดับนักบุญ แต่ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าได้แบบสบาย ๆ!”

เมื่อพูดจบ เขายกมือขึ้นควบแน่นพลังกฎมิติให้ก่อรูปเป็นกระบี่และส่งกระบี่สีดำทมิฬเล่มที่เขาเพิ่งสร้างพุ่งไปหาหลินจ้านเผิงทันที

ทางด้านของหลินจ้านเผิง เมื่อว่ากระบี่ที่เกิดจากพลังมิติกำลังพุ่งมาหา เขาก็โคจรพลังของตัวเองจนถึงระดับสูงสุด และพยายามใช้พลังของเขาลบพลังแห่งกฎที่แฝงอยู่ในกระบี่ออกไป

เขารู้ดีว่าพลังของนายน้อยมิตินั้นไม่สามารถวัดได้จากระดับการบ่มเพาะ ดังนั้นเขาจึงทุ่มสุดตัวเพื่อป้องกันการโจมตีนี้ที่กำลังพุ่งเข้ามาหา ส่วนเรื่องหลบหลีกนั้นเขาเองก็ไม่ได้คิดเช่นกันเพราะหากเขาหลบ กระบี่เล่มนี้จะพุ่งไปหาเกาะหนานชาน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาและสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่เขายอมไม่ได้

ในท้ายที่สุดด้วยความต่างของระดับพลัง ซึ่งห่างกันถึง 3 ระดับ มันจึงทำให้หลินจ้านเผิงสามารถลบกระบี่มิติที่นายน้อยมิติส่งมาได้ และในเวลาเดียวกัน หลินจ้านเผิงก็ตอบโต้โดยการแผ่อำนาจของอาณาเขตสวรรค์ของเขาเองไปหานายน้อยมิติเพื่อกลืนกินเขา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการโจมตีสวนกลับ นายน้อยมิติกลับไม่มีความคิดที่จะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย เขาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และปล่อยให้อาณาเขตสวรรค์ของหลินจ้านเผิงกลืนกินเขาเข้าไป

เมื่อทั้งร่างของเขาเข้าไปอยู่ในอาณาเขตสวรรค์ของหลินจ้านเผิง นายน้อยมิติก็กางแขนและตะโกนขึ้นทันที “พายุมิติ!”

เมื่อสิ้นเสียงตะโกน จู่ ๆ รอยแยกมิติก็ปรากฏขึ้นและจากนั้นสิ่งที่ออกจากรอยแยกมิติก็คือพายุมิติอันรุนแรงและบิดเบี้ยวแผ่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง และยิ่งไปกว่านั้นรอยแยกมิติยังส่งพลังเกื้อหนุนไปที่ร่างของนายน้อยมิติ ทำให้ระดับการบ่มเพาะของเขาทะลวงขึ้นไปเป็นระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในทันที

เมื่อระดับการบ่มเพาะของพวกเขาทั้งคู่ห่างกันแค่เพียง 1 ระดับ นายน้อยมิติซึ่งควบคุมพลังแห่งมิติก็กลายเป็นฝั่งที่คงความได้เปรียบ

หลินจ้านเผิง เมื่อเห็นเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ทางฝั่งของเขากลายเป็นย่ำแย่แบบที่เขาไม่คิดว่ามันจะเร็วแบบนี้ เพราะในตอนนี้ต่อให้เขาอยากจะถอนอาณาเขตสวรรค์ออกเขาก็ไม่สามารถถอนได้ เพราะพายุมิติเหล่านั้นมันตรึงอาณาเขตสวรรค์ของเขาอยู่และมันก็กำลังสร้างความเสียหายให้กับอาณาเขตสวรรค์ของเขาเรื่อย ๆ

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจนอาณาเขตสวรรค์ของเขาถูกทำลายจนหมด ต่อให้วันนี้เขาไม่ตายเขาก็จะกลายเป็นคนพิการอย่างแน่นอน!

หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาเห็นทักษะที่นายน้อยมิติผู้นี้ใช้ออกมา

“ท่านบรรพบุรุษมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?” หลินหรูซวนรีบถามขึ้นทันทีเมื่อนางเห็นว่าหลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าประหลาดใจ

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ดีใจที่ไอ้เจ้าหนุ่มผู้นี้รู้จักทักษะเกี่ยวกับมิติที่ข้าไม่รู้จักก็เท่านั้นเอง ดูเหมือนว่าเวลาที่ข้าเสียไปเพื่อรอการมาของเขามันคงไม่สูญเปล่าแล้วล่ะนะ!”

แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงตั้งใจที่จะเรียนรู้ทักษะมิตินี้จากนายน้อยมิติเพื่อเอาไปให้หลิงฟ่างหัวศึกษามัน เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยจะรู้เกี่ยวกับทักษะทางด้านมิติสักเท่าไหร่ ดังนั้นสิ่งที่เขาทำให้นางได้ก็มีแค่ตามหาผู้ที่รู้ทักษะมิติคนอื่น ๆ และเรียนรู้ทักษะเหล่านั้นเอาไปส่งต่อให้ลูกสาวของเขาเอง

แต่แล้วเมื่อเขาเห็นว่าหลินจ้านเผิงกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาจึงตัดสินใจที่จะเลิกสังเกตการณ์และพุ่งตัวเข้าไปในอาณาเขตสวรรค์ของหลินจ้านเผิง

เมื่อเข้าไปด้านในอาณาเขตสวรรค์ หลิงตู้ฉิงโบกมือลบทั้งรอยแยกมิติทั้งพายุมิติออกไปจนหายเกลี้ยงภายในพริบตา

“ขอบคุณ บรรพบุรุษ!” หลินจ้านเผิงรีบโค้งตัวขอบคุณทันทีโดยที่ร่างของเขาตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นตำหนิทันที “คิดซะว่านี่คือบทเรียนที่เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี อย่าคิดว่าการมีระดับการบ่มเพาะเหนือกว่ามันจะทำให้เจ้าเอาชนะได้ทุกศึก โดยเฉพาะการต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่มีความเข้าใจในพลังแห่งกฎเหนือกว่าเจ้า ซึ่งระดับการบ่มเพาะไม่ใช่ตัวชี้วัดเลยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่า! เอาล่ะตอนนี้เจ้าไปพักได้แล้ว ข้ามีเรื่องจะคุยกับไอ้หนูนี่สักหน่อย”

นายน้อยมิติขมวดคิ้วแน่นเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่สามารถลบพลังมิติของเขาออกไปได้ง่าย ๆ ราวกับมายากล

“เจ้าเป็นใครกัน?” นายน้อยมิติถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร เจ้ารู้แค่เพียงว่าข้าต้องการแลกเปลี่ยนกับเจ้าก็พอ ข้าอยากได้ทักษะของเจ้าและเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าจะถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับหลักการในการเดินทางผ่านมิติให้กับเจ้า”

นายน้อยมิติหัวเราะและพูดว่า “ทำไมข้าต้องแลกเปลี่ยนกับเจ้าด้วย เจ้ามันก็แค่ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญ! ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้าแค่นี้หากข้าเอาจริงขึ้นมาเจ้าก็ไม่มีทางที่จะลบพลังของข้าได้แบบเมื่อครู่หรอก!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ไอ้หนู นี่เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าเพิ่งสอนคนของข้าไปงั้นเหรอว่าระดับการบ่มเพาะไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาชี้วัดอะไรได้ และถึงแม้ว่าตัวเจ้าเองจะดูมีพรสวรรค์อยู่บ้าง แต่ข้าบอกเอาไว้เลยว่าถ้าเจ้าจะสู้กับข้าเจ้าต้องไปฝึกมาใหม่อีกสักแสนปีเจ้าถึงพอจะมีโอกาสรับกระบวนท่าของข้าได้สัก 2-3 กระบวนท่า ดังนั้นเจ้าจงรับข้อเสนอที่ข้ายื่นให้ซะดี ๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจในภายหลัง”

“ฮ่าฮ่า ปากดีจริง ๆ!” นายน้อยมิติหัวเราะขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ไหนให้ข้าลองดูหน่อยก็แล้วกันว่าฝีมือของเจ้าจะดีเหมือนปากของเจ้ารึเปล่า!”

เมื่อพูดจบนายน้อยมิติก็โคจรพลังของเขาจนถึงระดับสูงสุดทันที และควบแน่นพลังมิติให้กลายเป็นกระบี่ขึ้นมา 3 เล่ม จากนั้นเขาส่งกระบี่ทั้งสามพุ่งไปหาหลิงตู้ฉิงด้วยความเร็วที่ตาเปล่าแทบจะมองไม่ทัน

แต่แล้วเมื่อกระบี่มิติทั้งสามเล่มบินออกไปได้เพียง 1 เมตร พวกมันทั้งหมดก็สลายหายไปราวกับว่าไม่เคยมีพวกมันอยู่บนโลกนี้มาก่อนทันที

เมื่อนายน้อยมิติเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนน่าเกลียดทันที เนื่องจากเขาไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?

จากนั้นเขาลองใช้กระบวนท่าเดิมซ้ำใหม่อีกรอบ ซึ่งผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิมคือกระบี่ของเขาจู่ ๆ ก็สลายหายไปจนหมดราวกับว่าโลกนี้ไม่ยินยอมให้พลังของเขาปรากฏขึ้นยังไงหยั่งงั้น

จริง ๆ แล้วนายน้อยมิติไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาได้ยืนอยู่ในอาณาเขตสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงเรียบร้อย ซึ่งแน่นอนว่าภายในอาณาเขตสวรรค์นี้ หลิงตู้ฉิงสามารถบิดเบือนกฎทุกแบบได้อย่างเบ็ดเสร็จราวกับว่าเขาเป็นพระเจ้า

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไอ้หนู อย่าเสียแรงเลย พลังมิติของเจ้าใช้กับข้าไมได้ผลหรอก เอาล่ะข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกรอบหนึ่ง จงตอบข้ามาอย่างจริงจังว่าเจ้าจะยินยอมแลกเปลี่ยนกับข้าไหม?”

นายน้อยมิติแสดงสีหน้าไม่ยินยอมและตวาดกลับไปว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะลบพลังของข้าได้ แต่เจ้าก็ยังไม่มีค่าพอให้ข้าลดตัวลงไปแลกเปลี่ยนทักษะของข้ากับเจ้า!”

หลังจากพูดจบ นายน้อยมิติก็พุ่งตัวเข้าไปหาหลิงตู้ฉิง เพื่อที่จะลองใช้ความแข็งแกร่งจากระดับบ่มเพาะของเขาที่ห่างจากหลิงตู้ฉิงหลายระดับในการเข้าปะทะตรง ๆ โดยไม่ใช่พลังแห่งกฎ

แต่แล้วเมื่อเขาพุ่งเข้าไปหา หลิงตู้ฉิงกลับถอยตัวเว้นระยะห่างจากเขาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งไม่ว่าเขาจะไล่นานขนาดไหน เขาก็ไม่อาจถึงตัวของหลิงตู้ฉิงได้สักที!

เมื่อเห็นว่านายน้อยมิติมีท่าทีที่ดื้อดึงมากขนาดนี้ หลิงตู้ฉิงจึงตัดสินใจที่จะไม่ถามอะไรอีกต่อไปแล้ว และเตรียมที่จะใช้วิธีการขั้นเด็ดขาดกับเด็กน้อยผู้นี้ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ

แต่แล้วก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะทันได้ลงมือทำอะไร จู่ ๆ ท้องฟ้าเหนือเกาะหนานชานก็มีอีกรอยแยกมิติหนึ่งปรากฏขึ้น ซึ่งพร้อมกันนั้นร่างของหญิงสาวนางหนึ่งก็เดินออกมาจากรอยแยกมิติพร้อมกับคนของนางอีก 2-3 คน

เมื่อลอยออกมาจากรอยแยกมิติ หญิงสาวผู้นั้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จากนั้นสายตาของนางก็หยุดอยู่ที่นายน้อยมิติ และตะโกนว่า “เจ้าคือนายน้อยมิติใช่ไหม? มอบทักษะมิติของเจ้ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”