ราชันเร้นลับ 1016 : ข่าวจากนิกายวิญญาณ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน คฤหาสน์ของดอน·ดันเตส

ไคลน์ยืนริมหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน เฝ้ามองสายฝนที่โปรยปรายมาตามสายลม ตกกระทบพื้นและหน้าต่าง

นับตั้งแต่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง กรุงเบ็คลันด์เริ่มมีฝนตกอีกครั้ง สร้างบรรยากาศหนาวเย็นและชื้น

ไคลน์ไม่ขยับตัวเป็นเวลานาน เอาแต่เฝ้ามองฉากสายฝนพรำอย่างเหม่อลอย

จนกระทั่งสัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้น มันระงับความคิดที่กำลังพรั่งพรูราวกับละอองฝน หันไปมองข้างๆ

สี่หัวสีทองตาสีแดง ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เดินออกจากความว่างเปล่า

“จากใคร?” ไคลน์ถามมิสผู้ส่งสาร

จดหมายฉบับล่าสุดที่มันได้รับเป็นของชารอน อีกฝ่ายแจ้งว่า พิธีกรรมเลื่อนลำดับประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น กลายเป็น ‘หุ่นกระบอก’ ลำดับ 4 แห่งเส้นทางนักโทษสำเร็จ

ไคลน์แสดงความยินดีเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ขอโทษและแจ้งว่า ตนไม่มีความจำเป็นต้องไปเยือนเมืองกัลเดรอนอีกสักพัก

แน่นอน มันกล่าวเสริมไปว่า ที่นั่นมีความลับมากมายซ่อนอยู่ อาจเกี่ยวข้องกับตนและต้องไปเยือนในสักวัน เมื่อถึงตอนนั้น หากชารอนยินดี มันก็ไม่เกี่ยงที่จะขอความช่วยเหลือ

สำหรับไคลน์ ในแง่หนึ่ง มันอาจต้องไปตามล่าวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถที่นั่น ในอีกแง่หนึ่ง มันมองว่าเมืองวิเศษแห่งนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเทพมรณาบรรพกาล ‘ต้นตระกูลฟีนิกซ์’ เกรจารี อาจมีวิธีการรักษาภาวะ ‘ดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์’ ของมิสเตอร์อะซิก แม้ว่ากงสุลมรณะรายนี้จะหมดสิทธิ์เลื่อนลำดับแล้ว แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากภาวะความจำเสื่อมหนแล้วหนเล่า

แน่นอน สำหรับปัญหานี้ ไคลน์เตรียมแผนไว้แล้ว นั่นคือการรอให้ตัวเองพัฒนาไปเป็น ‘ปราชญ์โบราณ’ ลำดับ 3 แห่งเส้นทางนักทำนาย จากนั้นก็สร้างยันต์ ‘วันวานอีกครั้ง’ ให้มิสเตอร์อะซิก หรือใช้พลังตรงๆ เพื่อให้อีกฝ่ายฟืนคืนจากภาวะความจำเสื่อมทันที

ขณะไคลน์รับจดหมาย ศีรษะทั้งสามของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พูดเรียงกัน

“อมรณา…” “ปัญญา…” “นิ่ม…”

แพทริค·เบรนแห่งนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียม… ไคลน์เข้าใจทันทีว่ามิสผู้ส่งสารหมายถึงใคร เพราะตลอดสองเดือนที่ผ่านมา แพทริค·เบรนเขียนจดหมายหาตนบ่อยที่สุด มีทั้งการรายงานเรื่องสำคัญและขอคำแนะนำ

หลังจากผ่านไปหลายครั้ง ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เริ่มตั้งฉายา

เมื่อก่อนมิสผู้ส่งสารไม่เคยมีงานอดิเรกแบบนี้… เริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันนะ… คนที่เขียนถึงเราบ่อยๆ ส่วนใหญ่ได้รับฉายากันหมด ยกเว้นชารอน… ไคลน์พึมพำ คลี่จดหมายออกและอ่านรวดเร็ว

ภายในจดหมาย แพทริค·เบรนเล่าว่า คำสั่งจากทวีปใต้ในคราวนี้มิได้ให้มันพยายามปลุกเทพมรณาเหมือนทุกครั้ง แต่เป็นการเตรียมพิธีกรรมพิเศษเพื่อช่วยเหลือเทวทูตในขอบเขตความตายที่กำลังหมกตัวอยู่ในอนุสาวรีย์บรรจุศพ ผู้นำนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียม ไฮเทล ให้สามารถเดินทางออกจาก ‘ดินแดนที่ถูกปิดผนึก’ ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

หากมองเพียงผิวเผิน คำสั่งดังกล่าวอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ดูกะทันหันไปสักนิด แต่ไคลน์กลับสังเกตเห็นความผิดปรกติ

พวกนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียมมักสั่งให้แพทริครวบรวมวัตถุดิบและประกอบพิธีกรรมเสี่ยงๆ เพื่อปลุกเทพมรณาหลายครั้ง เราจึงแนะนำให้เขาโกหกไปว่า การรวบรวมวัสดุไม่คืบหน้า รวมถึงพิธีกรรมประสบความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง ส่งผลให้ทางนั้นเริ่มสงสัยว่าแพทริคมีปัญหา? ไคลน์พยักหน้าไตร่ตรอง

มันสงสัยว่า อีกฝ่ายอาจกำลังทดสอบแพทริค – ทดสอบด้วยการประกอบพิธีกรรมถึงเทวทูตโดยตรง!

และขอบเขตการตอบสนองของเทวทูตคือโลกทั้งใบ

อา… ขอแค่พวกมันไม่ฉุกคิดถึงความผิดปรกติของมรณาเทียมก็พอ… ใครจะไปรู้ สำหรับองค์กรที่ได้รับมรดกจำนวนมากจากจักรวรรดิไบลัม พวกมันอาจมีวิธีรบกวนขั้นตอนการฮุบกลืน ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาของเทพธิดา ไม่ปล่อยให้พระองค์ได้ประโยชน์… ไคลน์วิเคราะห์สักพักก่อนจะโล่งใจ

สำหรับบททดสอบของเทวทูตในขอบเขตความตาย ชายหนุ่มไม่มองว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเดอะฟูลสามารถระดมพลังของมิติหมอกในระดับที่ใกล้เคียงกันได้ สามารถรบกวนผลของพิธีกรรมด้วย ‘อ้อมกอดเทวทูต’ ตราบใดที่หัวหน้าใหญ่อย่างไฮเทลมิได้ ‘เสด็จเยือน’ ด้วยตัวเอง เพียงส่งอิทธิพลจากระยะไกล มันสามารถตบตาอีกฝ่ายได้อย่างแนบเนียน

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์สะบัดข้อมือและเผาจดหมายของแพทริคด้วยเปลวไฟสีแดง เดินกลับไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ หยิบปากกาและกระดาษออกมาตวัดเขียน

“ทำตามที่อาจารย์ของคุณสั่ง แต่ก่อนจะเริ่มพิธีกรรม อย่าลืมรายงานให้ผมทราบและรอการอนุญาต”

เนื่องจากมันตอบกลับทันที แพทริค·เบรนคงยังไม่ออกจากตำแหน่งเดิม ไคลน์จึงไม่ได้อัญเชิญผู้ส่งสารของอีกฝ่าย แต่ฝากไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์กลับไปส่งแทน

ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ซิลสวมเสื้อกันฝนธรรมดา ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด จ้องประตูรั้วคฤหาสน์ของไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด

ปัจจุบันยังไม่ตกเย็นด้วยซ้ำ แต่โคมไฟถนนส่องสว่างแล้ว แสงทรงกลดหลายจุดสว่างท่ามกลางสายฝน

ผ่านไปสักพัก รถม้าเช่าคันหนึ่งแล่นมาจอด หยุดลงตรงหน้าประตูฝั่งด้านข้างที่ห่างออกไปไกล

บุรุษรับใช้ของไวเคาต์ที่ซ่อนตัวอยู่ในร่ม กระโดดออกมาพร้อมกับกางร่ม

มันคอยอำนวยความสะดวกให้สตรีสวมเสื้อคลุมที่ลงจากรถม้า ผ่านเข้าไปในประตูด้านข้างของคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ส่วนรถม้าเช่ายังคงจอดในตำแหน่งเดิมประหนึ่งรอรับกลับ ราวกับว่าถูกจ่ายด้วยเงินก้อนโต

ซิลยังคงไม่เห็นหน้าของสตรีคนดังกล่าว แต่ถึงอย่างนั้นก็มิได้เสียกำลังใจ รอคอยอย่างอดทนท่ามกลางสายฝนอันหนาวเหน็บ ดูคล้ายกับรูปปั้นไม่มีผิด

เธอตั้งใจรอให้อีกฝ่ายกลับออกมา จากนั้นค่อยเริ่มสะกดรอย

นี่เป็นทั้งโอกาสที่จะได้รับสูตรโอสถ ‘ผู้พิพากษา’ และจุดประสงค์หลักของการมาที่เบ็คลันด์ – สืบหาความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบิดา!

เป็นเพราะมีแรงจูงใจส่วนตัว ซิลจึงยืนกรานที่จะสะกดรอยไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดจวบจนปัจจุบัน สำหรับสายข่าวคนอื่นๆ ของ MI9 แทบไม่เคลื่อนไหวเลยตลอดหลายเดือนหลัง บางคนปิดภารกิจไปแล้ว แม้กระทั่งชายสวมหน้ากากสีทองที่เป็นคนจ้างซิล ก็ยังไม่ได้ถามถึงความคืบหน้าของภารกิจนี้มาหลายสัปดาห์ เห็นได้ชัดว่าถูกลดระดับความสำคัญ

ภายในห้องนอนของไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด เด็กสาวผมสีน้ำตาลใบหน้าสะสวย สวมชุดนอนผ้าไหม กำลังนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและหยิบจับผลิตภัณฑ์ความงามราคาแพง ประหนึ่งได้พบกับขุมสมบัติ

ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดนอนชาย เดินตามหลังสตรีผมเปียก ยิ้มให้เธอในกระจกพร้อมกับกล่าว

“เชอร์มาเน่ ไม่จำเป็นของมีพวกมัน คุณก็งดงามในตัวเองอยู่แล้ว”

“นี่เป็นสัญชาตญาณของสตรี” หญิงสาวที่ชื่อเชอร์มาเน่ยิ้มพลางยกแขน จับฝ่ามือของไวเคาต์โอบไหล่ของตนในฝั่งตรงข้าม

ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดยิ้มอ่อนโยน

“ในตอนที่คุณเล่นกับพวกมัน ผมสัมผัสได้ถึงความไร้เดียงสา… หึหึ… คุณทำให้ผมย้อนนึกถึงความทรงจำเก่าๆ สมัยอายุสิบเจ็ดสิบแปด”

โดยไม่รอคำตอบจากเชอร์มาเน่ มันพึมพำกับตัวเอง

“ภรรยาของผมเสียไปหลายปีแล้ว เคยคิดว่าจะใช้ชีวิตเช่นนี้ไปจนกว่าพระองค์จะมารับตัว ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่ง ผมจะได้เจอนางฟ้าแบบคุณ ไว้รอให้ความตึงเครียดที่สั่งสมอยู่ภายในเบ็คลันด์ถูกปลดปล่อยเสียก่อน ถึงตอนนั้น ผมจะมองหาโอกาสแต่งงานกับคุณในวิหารอย่างยิ่งใหญ่”

“แต่งงาน… คุณต้องการแต่งงานกับฉัน?” เชอร์มาเน่ผงะเล็กน้อย ถามอย่างไม่เชื่อหู

ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดยิ้มและพูด

“การได้พบคุณถือเป็นของขวัญจากพระองค์ แม้ว่าชาติตระกูลของคุณจะยังสูงส่งไม่พอ แต่ผมเองก็เคยผ่านการสมรสแล้ว ประเด็นดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเคร่งครัด อา… และแน่นอน ผมจะหาวิธียกระดับชาติตระกูลให้คุณ เอาแบบนี้เป็นไง… หาพ่อค้าที่ร่ำรวยสักคนมารับคุณเป็นลูกสาวนอกสมรส”

มันสาธยายเกี่ยวกับแผนการในอนาคตอย่างละเอียด จนกระทั่งเห็นว่าดวงตาของเชอร์มาเน่ในกระจกเริ่มพร่ามัว

“สิ่งสำคัญที่ผมมองเห็นในตัวคุณก็คือ คุณดีกับผมมากกว่าที่ผมดีกับคุณนับสิบเท่า… คุณปิดบังผมไม่ได้หรอก” ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดยิ้มและโน้มตัวลง จุมพิตหน้าผากของเชอร์มาเน่

เชอร์มาเน่ขยับปาก ดูไม่ออกว่ากำลังหัวเราะหรือร้องไห้

จนกระทั่งสายฝนหยุดลง ตกกลางดึก ในที่สุดซิลก็เห็นสตรีสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มเดินออกมาขึ้นรถม้า

หลังจากจดจำลักษณะเด่นของรถม้าเช่า ซิลสะกดรอยตามอยู่ห่างๆ อาศัยพลังพิเศษของ ‘เจ้าพนักงาน’ และความเปียกชื้นของถนนในยามค่ำคืน ไล่ตามเป้าหมายด้วยการเดินสลับวิ่ง

เธอตามตั้งแต่เขตราชินีไปจนถึงย่านสะพานเบ็คลันด์ เรี่ยวแรงของซิลเกือบจะหมดลง แต่โชคดีที่รถม้าถึงจุดหมายก่อน

ซิลรู้สึกสดชื่นทันที เปลี่ยนเป้าหมายจากรถม้าเช่าเป็นสตรีที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้ม

ระหว่างนี้ เธอค่อนข้างประหลาดใจที่เป้าหมายมีทักษะต่อต้านการสะกดรอยค่อนข้างดี บ้างก็เดินอ้อมและวนเวียน บ้างก็ใช้อุปสรรคเพื่อกีดขวาง

อย่างไรก็ตาม ของแค่นี้ไม่สามารถสลัดซิลหลุด เธอเป็นถึงเจ้าพนักงานมากประสบการณ์ ย่อมทิ้งระยะห่างจากเป้าหมายค่อนข้างไกล

ขณะที่พบว่าอีกฝ่ายใกล้ถึงจุดหมาย วางแผนเตรียมเข้าประชิดตัว ซิลพลันได้กลิ่นที่หอมหวานและล่องลอย

ท่ามกลางกลิ่นหอม ซิลรู้สึกสับสนจนปล่อยเป้าหมายหลุดมือไปโดยสมบูรณ์

จากนั้น กลิ่นหอมค่อยๆ จางหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่

รูม่านตาซิลขยายออกเล็กน้อย ไม่กล้าสำรวจต่อ

ภายในบ้านเช่า ทริสซี่เจ้าของใบหน้าอ่อนหวานและนุ่มนวลจนไม่ว่าใครก็ตามยากจะละสายตาออก จ้องหน้าเชอร์มาเน่ในกระจกและกล่าว

“อารมณ์ดีไม่เบา… ตัดสินใจได้รึยัง? ภารกิจสุดท้ายไม่ยากเกินกำลังใช่ไหม? หากจัดการเสร็จเมื่อใด เธอสามารถออกจากเบ็คลันด์และไปใช้ชีวิตที่ต้องการได้ทันที”

เชอร์มาเน่ผงะเล็กน้อย สีหน้าเผยอารมณ์ซับซ้อน เหม่อลอยสักพัก ประหนึ่งถูกปลุกให้ตื่นจากความฝันอันแสนหวาน

เธอมิได้หันกลับมา พะงาบริมฝีปากสักพักก่อนจะตอบ

“เขาบอกว่าอยากแต่งงานกับฉัน…”

ทริสซี่เลิกคิ้ว

“ในเวลาอย่างว่า ห้ามเชื่อคำพูดพวกผู้ชายเด็ดขาด ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร… ถ้าเขาอยากแต่งงานกับเธอ เขาจะไม่ป้องกัน และแสดงท่าทีอยากมีลูกอย่างชัดเจน… หึหึ… แล้วเขาได้ทำแบบนั้นไหม?”

ได้ยินคำถาม สีหน้าเชอร์มาเน่หม่นหมองลงเล็กน้อย

ทริสซี่ลุกขึ้น กล่าวพลางยิ้ม

“ฉันจะไม่ขัดขวางความรักของเธอ ถ้าต้องการเปลี่ยนเส้นตายของภารกิจนี้ให้เป็นชั่วชีวิต ก็ควรคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องทำในอนาคต”

กล่าวจบ หญิงสาวเดินไปที่ประตู ออกจากบ้านเช่า

ขณะเดินลงบันได ทริสซี่ก้มมองรองเท้าตัวเอง หัวเราะในลำคอพลางพึมพำจิกกัดตัวเอง:

“ความรัก…”

……………………….