หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1310 เลือก

“ใครปลุกพวกข้าขึ้นมา?”

เสียงสะท้อนระหว่างสวรรค์และโลก ดวงตาของหวู่ทงก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะประสานหมัดเข้าด้วยกัน “ข้าชื่อหวู่ทง ได้ยินชื่อเสียงของกองทัพมังกรดำมานานแล้ว เป็นเกียรติของข้าที่ได้ช่วยให้ทุกคนตื่นขึ้นจากสภาวะนิทรารมณ์”

การวางแผนของหวู่ทงแยบคายมาก เขาไม่ได้แสดงความตั้งใจที่จะรับกองทัพมังกรดำทันที แต่ลดระดับสถานะลงเพื่อให้กองทัพมังกรดำรู้สึกดีต่อเขา

แม้ว่าแผนการของเขาจะค่อนข้างดี แต่ก็ใช้ไม่ถูกคนเพราะนักรบมังกรดำร่างกำยำที่พูดออกมาไม่ได้รู้สึกยินดีจากการถูกปลุกให้ตื่น

“มหาพันภพชนะสงครามหรือไม่?” นักรบร่างกำยำถามขึ้น

หวู่ทงผงกหัว “ต้องขอบคุณจอมยุทธ์ในมหาพันภพทุกคนที่ร่วมมือกันจัดการ จักรวรรดิปีศาจต่างมิติต้องถอยร่นกลับไปในที่สุด”

มู่เฉินยกเปลือกตาขึ้นพูดต่อช้าๆ “แม้ว่าจักรวรรดิปีศาจต่างมิติจะถอยทัพกลับไป แต่พวกมันก็ครอบครองพื้นที่ครึ่งหนึ่งของมหาพันภพของเรา ตอนนี้พวกมันกำลังจับตาดูเรา ราวกับพยัคฆ์ร้ายที่หาโอกาสบุกเข้ามาอีกครั้ง”

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินพูดฉีกคำ หวู่ทงก็ถลึงตามองไปที่เขาอย่างโหดเหี้ยมทันที

พอได้ยินคำพูดของมู่เฉิน กองทัพมังกรดำก็ส่งเสียงฮือฮา นักรบบางคนกัดฟันกรอด ชัดว่าเกลียดเผ่าปีศาจเข้าไส้เลยทีเดียว

เมื่อเห็นว่ากองทัพมังกรดำไม่แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมกับตนเอง หวู่ทงก็เริ่มวิตกกังวลแต่ก็ยังยิ้มออกมา “ทุกคน ตระกูลหวู่ของข้าเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจสูงสุดในมหาพันภพ ท่านประมุขก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน หากพวกเจ้าไม่รู้จะไปไหน ตระกูลหวู่ขอเปิดประตูต้อนรับทุกคนเอง!”

ครั้งนี้ความตั้งใจที่อยู่เบื้องหลังของเขาโจ่งแจ้งเลยทีเดียว

นักรบร่างกำยำปรายตามองไปที่หวู่ทงแวบหนึ่งแบบไม่แยแส แม้ว่าหวู่ทงจะซ่อนไว้แนบเนียน แต่เขาก็มีสายตาแหลมคม ซึ่งสามารถเห็นความทะเยอทะยานในดวงตาอีกฝ่ายได้

“แม้ว่าเจ้าจะปลุกพวกข้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกข้าจะต้องเข้าร่วมกับเจ้า” นักรบร่างกำยำกล่าวอย่างนิ่งเฉย

รอยยิ้มบนใบหน้าของหวู่ทงแข็งค้าง ความกรุ่นโกรธพล่านในใจ ไอ้คนพวกนี้หลับจนสมองไหลไปแล้ว ถึงแม้ว่ากองทัพมังกรดำจะทรงพลัง แต่ก็ต้องมีจั้นเจิ้นซือที่ทรงพลังเพื่อปลดปล่อยพลัง มิฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเลย กระทั่งขั้นหลิงก็สามารถสังหารพวกเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

ทว่าแม้จะรู้สึกโกรธในใจ แต่หวู่ทงก็ไม่ได้แสดงอาการบนใบหน้ากล่าวว่า “ข้าไม่กล้าที่จะขู่ในการมีส่วนร่วมหรอก แต่พวกเจ้าก็รู้ว่ามีเพียงจั้นเจิ้นซือที่โดดเด่นเท่านั้นที่จะสามารถปลดปล่อยศักยภาพสุดยอดของพวกเจ้า ทุกคนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงที่ถูกเลี้ยงดูโดยจักรพรรดิมังกรดำคงไม่ต้องการที่จะทำให้เขาอับอายหลังจากผ่านไปหลายหมื่นปีใช่ไหม?”

นักรบร่างกำยำพยักหน้า “นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเข้าไม่ต้องการเลือกติดตามใครง่ายๆ ไง เพราะกลัวจะทำให้ชื่อเสียงของนายท่านต้องมัวหมอง”

จากคำพูดของเขา ก็เห็นชัดที่ไม่ค่อยรู้สึกว่าหวู่ทงมีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้านายคนต่อไปของกองทัพมังกรดำ

ใบหน้าของหวู่ทงกระตุกถามว่า “เจ้าหมายความว่ามีบางคนยอดเยี่ยมกว่าข้าเรอะ?”

ความโกรธแล่นพล่านในหัวใจ ตอนแรกเขาคิดว่าการปลุกกองทัพมังกรดำจะทำให้ได้รับความสำนึกบุญคุณ ใครจะไปคิดได้ว่าพวกเขาจะจู้จี้จุกจิกขนาดนี้

สายตาของนักรบร่างกำยำกวาดไปมาระหว่างมู่เฉินกับหวู่ทงที่อยู่บนท้องฟ้าอย่างช้าๆ พลางพูดว่า “ใน เมื่อเจ้าเป็นคนที่จะปลุกพวกเราตื่น เจ้าก็ควรได้รับข้อได้เปรียบสักหน่อย”

ดวงตาของหวู่ทงกระตุกขณะที่ยิ้มยิงฟัน ‘เอาล่ะ อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย’

“แต่ว่าพรรคพวกข้าหลายคนบอกว่าพวกเขารู้สึกดีกับเพื่อนคนนี้” ทว่าท่าทางของหวู่ทงก็แข็งทื่อไปภายใต้ประโยคต่อมา

เนื่องจากตอนนี้นักรบร่างกำยำมองมู่เฉินด้วยสายตาอัศจรรย์ใจ

มู่เฉินตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน ที่จริงเขากำลังหาวิธีที่จะได้รับความสนใจจากกองทัพมังกรดำ แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาจะมีความเห็นที่ดีต่อเขาอยู่แล้ว?

มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะมองไปที่นักรบมังกรดำ เขาตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังจับจ้องเขาอยู่ นอกจากนี้ยังมีริ้วความเป็นกันเองและเทิดทูนแฝงอยู่ในสายตาของพวกเขา

มู่เฉินยังคงสับสนในตอนแรก แต่ในไม่ช้าสายตาของเขาเปล่งประกายราวกับว่านึกบางสิ่งได้ ความคิดวูบไหว เสียงคำรามมังกรก็ดังขึ้นจากร่างของเขา

โฮก!

เกลียวแสงสีม่วงทองทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า วิญญาณมังกรแท้จริงในร่างเขาปรากฏขึ้น ก่อร่างเป็นมังกรม่วงทองขนดอยู่ที่เบื้องหลัง

เมื่อวิญญาณมังกรแท้จริงปรากฏขึ้น ความโกลาหลขนาดใหญ่ก็ระเบิดจากกองทัพมังกรดำเบื้องล่าง นักรบทุกคนมีสีหน้าท่าทางตื่นเต้น ถ้าไม่ใช่พลังใจที่แข็งแกร่งละก็ พวกเขาคงจะสูญเสียการควบคุมคุกเข่าลงในตอนนี้แล้ว

เนื่องจากนักรบเหล่านี้เคยโดนชำระโดยเลือดมังกรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับสายเลือดจากมังกรไปด้วย ในขณะเดียวกันกับที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งก็ทำให้พวกเขาต้องถูกกดขี่จากสายเลือดของมังกรเช่นกัน

วิญญาณมังกรแท้จริงของมู่เฉินเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดในเผ่ามังกร ถือเป็นราชวงศ์ในตระกูลมังกรเลยก็ว่าได้ ดังนั้นนักรบมังกรดำจึงรู้สึกคุ้นเคยและเคารพมู่เฉินอย่างควบคุมไม่ได้

แทนที่จะพูดว่าพวกเขาเคารพมู่เฉิน ต้องบอกว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อรัศมีและสายเลือดมังกรแท้จริงต่างหาก

“รัศมีมังกรแท้จริง” เมื่อนักรบร่างกำยำเห็นวิญญาณมังกรแท้จริงที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉิน ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในระดับหนึ่งพวกเขาอาจถือว่าเป็นมนุษย์มังกรหลังจากดูดซับเลือดมังกร ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของเผ่ามังกร

มนุษย์มังกรไม่ได้มีตำแหน่งสูงในเผ่ามังกร ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นจักรพรรดิมังกรแท้จริง ก็เหมือนกับสามัญชนได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิที่สูงส่ง

เมื่อหวู่ทงเห็นฉากนี้ เขาก็พลุ่งพล่านจนถึงจุดที่เกือบจะอาเจียนเป็นเลือด เขาทำสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อเข้าสู่มิติมังกรดำ มิหนำซ้ำยังใช้เครื่องรางของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเพื่อปลุกกองทัพนี้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นว่าไอ้โง่พวกนี้ไม่ได้รู้สึกขอบคุณเขาเลย ไม่เพียงแต่จะเย็นชาใส่ แต่ยังหันไปนิยมชมชอบมู่เฉินอีกด้วย นี่ทำให้หวู่ทงอยากทำลายกองทัพมังกรดำให้สิ้นซาก หากเขามีความสามารถในการทำเช่นนั้น

ทว่าหวู่ทงก็ใจชื้นเล็กน้อย แม้ว่ากองทัพมังกรดำจะแสดงความรู้สึกที่ดีต่อมู่เฉิน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะสวามิภักดิ์ ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นนักรบที่มีประสบการณ์มากในการต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงมีพลังใจที่แข็งแกร่ง ไม่ถึงขนาดจะสวามิภักดิ์เพียงเพราะเห็นมู่เฉินครอบครองวิญญาณมังกรแท้จริง

“เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อล่ะ? ในเมื่อพวกเจ้าตื่นขึ้นมาแล้ว คลื่นหลิงที่สนับสนุนมิติมังกรดำก็ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการฝึกฝนของทุกคน หากไม่มีการสนับสนุนจากภายนอก อีกไม่นานมิติก็จะแตกสลายไป”

นักรบร่างกำยำยิ้มบาง “นั่นก็เป็นเรื่องจริง… แต่นกดีจะเลือกต้นไม้ทำรัง กองทัพมังกรดำไม่ต้องการตกอยู่ในมือคนธรรมดาที่จะทำให้ชื่อป่นปี้ไปหมด”

หวู่ทงตวาดอย่างเย็นชา “มีอะไรจะต้องเลือก? เขาเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะมาแข่งกับข้าได้ยังไง?”

นักรบร่างกำยำส่ายหัว “พวกข้ากำลังเลือกจั้นเจิ้นซือที่โดดเด่น ขุมพลังไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาด้วย”

หวู่ทงอยากจะบ้าตาย ไอ้คนพวกนี้บอกว่าเขาจะมีข้อได้เปรียบ แต่ตอนนี้กลับเข้าข้างมู่เฉินข้างๆ คูๆ ข้อได้เปรียบอะไรกัน ไม่เห็นมีประโยชน์เลย!

“แล้วพวกเจ้าจะเลือกยังไง?!” หวู่ทงถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ง่ายๆ ผ่านวิธีการของจั้นเจิ้นซือไง” นักรบร่างกำยำพูดมือก็ชี้ไปที่กองทัพมังกรดำ “เพื่อความเป็นธรรม เจ้าสองคนสามารถเลือกนักรบจำนวนเท่าไรก็ได้จากกองทัพมังกรดำ ใช้รัศมีจั้นยี่ในการต่อสู้ ใครก็ตามที่สามารถชนะได้จะพิสูจน์ได้ว่าความสำเร็จในฐานะจั้นเจิ้นซือ”

สายตาของหวู่ทงวูบวาบขณะที่หัวเราะเยาะ “จำกัดจำนวนตัวเลขเพื่อความเป็นธรรมหรือไม่?”

เขามีความมั่นใจในความสามารถของจั้นเจิ้นซือ ตัวเขาได้รับการดูแลอย่างดีจากตระกูลหวู่ด้วยทรัพยากรทั้งหมดซึ่งเป็นความลับ คนอื่นรู้ถึงขุมพลังของเขาเท่านั้น แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความเชี่ยวชาญในด้านการควบคุมกองทัพเขาก็ไม่เป็นรองใคร

นักรบร่างกำยำส่ายหัว “นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนในการควบคุม ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในเรื่องนี้”

ครั้นได้ยินหวู่ทงก็รู้สึกโล่งใจ หากนักรบผู้นี้ต้องการจำกัดจำนวน พวกเขาก็จ้องเอาเรื่องเขาแล้ว เพราะยังไงเขาก็ไม่เชื่อว่ามู่เฉินจะสามารถเอาชนะเขาได้ในฐานะจั้นเจิ้นซือ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เอาตามที่เจ้าพูด!” ขณะที่พูดหวู่ทงก็มองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา “แต่กลัวว่าเจ้านี่จะไม่มีความกล้านะสิ!”

ตอนนี้เขาเกลียดมู่เฉินเข้ากระดูกดำ ตอนแรกเป็นอะไรบางอย่างที่เขาได้รับโดยง่าย แต่หลังจากการปรากฏตัวของอีกฝ่าย กองทัพมังกรดำมีแววที่จะเข้าข้างอีกฝ่ายมากกว่า ซึ่งทำให้เขามีปัญหามากขึ้น

มู่เฉินไม่สนสายตาเย็นชาของหวู่ทง เขาประสานมือให้นักรบมังกรดำ ถือว่าขอบคุณทุกคนที่ไม่ได้เลือกหวู่ทงและให้โอกาสเขาในการแย่งชิง

จากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปมองหวู่ทงด้วยรอยยิ้ม

“ในเมื่อเจ้ากล้า ทำไมข้าจะไม่กล้าล่ะ?”