ตอนที่ 684-2 ตู๋กูซิงหลันขอแต่งงาน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ถึงแม้ว่าพวกนางจะพึ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน แต่ก็แยกจากกันมาเกือบหนึ่งปีแล้ว

 

 

ช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต ตู๋กูซิงหลันไม่คิดจะแยกจากเขาอีกแล้ว

 

 

บุรุษโดดเด่นปานนี้ หากไม่ผูกมัดเอาไว้กับตัว จะให้นางวางใจได้อย่างไร

 

 

รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ อย่าว่าสตรีเห็นแล้วต้องใจเต้นเลย แม้แต่บุรุษด้วยกันเห็นแล้วก็ยังต้องหวั่นไหว จนต้องคิดหาวิธีทอดกายให้เขาอย่างรีบร้อน

 

 

ก่อนหน้านี้ ตู๋กูซิงหลันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า วันหนึ่งตนเองจะบังเกิดความคิดต้องการครอบครองใครสักคนถึงเพียงนี้

 

 

ต้องการให้เขาเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว และไม่แบ่งให้ผู้ใดทั้งนั้น!

 

 

ยามที่ตู๋กูซิงหลันไร้รัก ก็ไร้น้ำจิตไร้น้ำใจอย่างที่สุด

 

 

แต่พอตกหลุมรักขึ้นมา ก็ทั้งหนักแน่นและเร่าร้อน ถึงขนาดที่ว่าปักใจและมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงคู่กับเขาเพียงผู้เดียวไปชั่วชีวิต

 

 

ใครบอกว่าการขอแต่งงานเป็นสิทธิ์พิเศษของบุรุษกัน?

 

 

นางรักเขา ย่อมต้องการเขา! ความรักที่ลึกล้ำเช่นนี้ไม่เพียงไม่ต้องการปิดบัง ทั้งยังต้องการเอ่ยออกไป และแสดงออกทางดวงตา

 

 

นางรักเขา ย่อมต้องการให้เขาได้รู้ ให้เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่านางต้องการเขาเท่านั้น!

 

 

ขณะที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ตรงหน้า นางก็พลันเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา จีเฉวียนถึงกับตกตะลึงไป

 

 

สมองของเขาส่งเสียงวิ้งออกมา ดวงตาที่ ขึงขัง พลันมีหยาดน้ำตาเอ่อล้น

 

 

เขาถึงกับนิ่งขึงตกตะลึงไปชั่วครู่

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่ได้รับคำตอบจากเขา ก็ชักจะร้อนใจขึ้นมา

 

 

นางรีบผลักแขนเสื้อของเขาออกไปในทันที ทั้งยังกระตุกผ้ารัดผมออกจากดวงตา จดจ้องไปที่เขาตาไม่กระพริบ

 

 

“ข้ารู้ว่า นี่มันออกจะฉุกละหุกไปเสียหน่อย รอให้กลับถึงบ้านแล้ว ข้าค่อยขอเจ้าแต่งงานอีกครั้ง เอาให้มันยิ่งใหญ่อลังการเลย ดีไหม?”

 

 

ขอแต่งงาน มันต้องทำอย่างไรบ้างนะ?

 

 

สมองของนางหมุนเร็วจี๋ ทบทวนฉากในละครทุกเรื่องที่ตนเคยเล่นมาทั้งหมดรอบหนึ่ง

 

 

อ้ายย่าห์…. ตอนนี้พึ่งจะรู้ว่า การขอแต่งงานในละครพวกนั้นมันคร่ำครึเกินไปแล้ว ไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับเสี่ยวเฉวียนเฉวียนของบ้านนางเลยสักกะนิด

 

 

ช่างเถอะ รอให้กลับไปเสียก่อน ค่อยวางแผนอย่างตั้งอกตั้งใจสักครั้ง จะต้องเอาให้เป็นแบบที่เขาไม่อาจปฏิเสธคำขอแต่งงานครั้งนี้ได้เลย!

 

 

แม้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะเป็นเช่นที่เห็นอยู่ แต่ว่าในสมองของตู๋กูซิงหลันกลับผุดแผนการขึ้นมามากมายหลายอย่างแล้ว

 

 

จีเฉวียนตกตะลึงไปพักใหญ่จึงค่อยได้สติขึ้นมา ลวดลายสีดำบนข้างแก้มพลันเลือนหายไป ยามที่นัยตาคู่นั้นมองไปยังตู๋กูซิงหลัน แววตาของเขาก็ยิ่งอบอุ่นขึ้นมาเป็นพิเศษ

 

 

เขาเคยมีความคิดที่จะแต่งนางเป็นภรรยา ตั้งนางเป็นฮองเฮา

 

 

เพียงแต่ตอนนั้นเขาเข้าใจไปว่า คนที่อยู่ในใจของนางมิใช่ตนเอง

 

 

ขณะที่เขาตายในค่ำคืนที่มีพายุฝนกระหน่ำ ปรารถนาสุดท้ายก็คือให้นางมีความสุขและปลอดภัย

 

 

ที่เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้งก็เพราะความอาลัยอาวรณ์ในตัวนาง เขาคิดแต่จะปกป้องนางไปชั่วชีวิตเท่านั้น

 

 

การแต่งงานกับนาง คือความปรารถนาที่จมอยู่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ

 

 

มิว่าตัวเขาหรือซื่อมั่วก็คิดเช่นเดียวกัน

 

 

พอถอดผ้าผูกผมสีม่วงออกไป ก็ทำให้เห็นดวงตาดอกท้อคู่นั้นอย่างชัดเจน

 

 

นางกำลังรอคอยคำตอบจากเขาอยู่

 

 

หัวใจของจีเฉวียนตื่นตะลึงไปเนิ่นนาน ในที่สุดก็เอ่ยตอบนางคำหนึ่ง “ตกลง”

 

 

คำพูดนับพันนับหมื่นที่อยู่ในใจ กลับเปลี่ยนเป็นเพียงคำตอบรับที่หนักแน่นเพียงคำเดียว

 

 

เขาตกลง รับปากจะแต่งให้นาง

 

 

นางเป็นถึงฮ่องเต้หญิงแห่งดินแดนโบราณ ทั้งยังเป็นประมุขของเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเล ฐานะของนางต้องเรียกว่าสูงส่งอย่างยิ่งยวด

 

 

นางต้องการเขาไปแต่งงาน อืม ไม่มีปัญหา

 

 

ก็ใครใช้ให้เขาเป็นเพียงบุรุษเถื่อนที่ไม่มีที่มาที่ไปกันเล่า

 

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าตู๋กูซิงหลัน จีเฉวียนก็แขวนป้ายเรียกตนเองเป็นเช่นนี้ไปเสียอย่างงั้น

 

 

เขาชื่นชอบความองอาจเปิดเผยของนาง รักทุกอย่างที่เป็นตัวนาง ต่อให้เขาแข็งแกร่งกว่านาง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางเขาก็ยินดีที่จะโอนอ่อนให้กับนาง

 

 

ในเมื่อเป็นยอดดวงใจของเขา ย่อมต้องทนุถนอม เอาอกเอาใจ และปกป้องอยู่เสมอ มิว่านางคิดจะทำสิ่งใดก็ย่อมได้ทั้งนั้น

 

 

เขายิ้มไปถึงหางตา ยกมือขึ้นมาลูบไล้เส้นผมของนาง ชั่วขณะนั้น แม้แต่แสงสว่างในแดนสวรรค์ก็ยังต้องหมองลงไป

 

 

เหล่าเทพทั้งหลาย “…..”

 

 

หากจะให้หาคำมาสักคำเพื่ออธิบายความรู้สึกของพวกเขาในตอนนี้

 

 

นั่นย่อมเป็นคำว่า บ้าบอกันไปใหญ่แล้ว!

 

 

ไม่ใช่สิ แดนสวรรค์ของพวกเขาถูกผู้อื่นมองข้ามได้เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

 

 

ตอนนี้มันเป็นเวลาต่อสู้ต่อยตีกันอยู่มิใช่หรือ?

 

 

แถมยังสู้กันชนิดถล่มทลายอีกด้วย!

 

 

เวลาเช่นนี้ อยู่ๆเจ้าก็มาขอแต่งงานกันได้อย่างไร?

 

 

เหล่าเทพต่างก็เห็นว่าคนทั้งสองทำอะไรเอิกเกริกข้ามหน้าข้ามตากันเกินไปแล้ว นี่เท่ากับว่ามิได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด!

 

 

ใช่แล้ว เพราะตอนนี้ตู๋กูซิงหลันเอ่ยประโยคนั้นออกมา นางใส่พลังวิญญาณเข้าไปด้วย

 

 

ที่นางขอเขาแต่งงาน ย่อมต้องการให้เหล่าเทพทั้งหลายได้รู้ได้เห็น

 

 

ถือเป็นการเปิดตัวอย่างออกหน้าออกตา!

 

 

บุรุษของข้า พวกเจ้าเปรียบเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นขนสักเส้น โมโหหรือไม่เล่า!

 

 

ตี้เสียพึ่งจะฟันเสาน้ำแข็งแท่งนั้นออกเป็นสองท่อน ก็ได้ยินเสียงนางขอจีเฉวียนแต่งงานต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย

 

 

พระองค์แทบจะกระอักพระโลหิตที่ช้ำในออกมาเสียเดี๋ยวนั้น!

 

 

สตรีที่สมควรตาย!

 

 

นางฉีกพระพักตร์ของพระองค์ทิ้งลงบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า!

 

 

“หากมีชีวิตอยู่ เจ้าก็คือสนมของเราจักรพรรดิ์สวรรค์ ตายไปแล้วก็ยังต้องเป็นผีของเรา ยังจะไปมีหน้าพรอดรักกับชู้อย่างอย่างสนิทชิดเชื้อเช่นนั้นได้อย่างไร?!”

 

 

พระอุระของตี้เสียกระเพื่อมขึ้นลงไม่มีหยุด พระองค์ทรงพิโรธอย่างรุนแรง แต่กลับไม่อาจสังหารสุนัขชายหญิงคู่นี้ได้ทันที

 

 

ความโกรธเกรี้ยวที่สุมอยู่ในพระทัย ทำให้พระองค์ทรงอึดอัดทรมานเป็นที่สุด

 

 

 

 

ตี้เสียพึ่งจะตรัสออกมา ก็ทอดพระเนตรเห็นปลายนิ้วของจีเฉวียนเคลื่อนไหวอยู่บนพิณ เสาหมอกสีดำที่น่าสะพรึงกลัว ร่วงลงใส่ตี้เสียราวกับให้เปล่า

 

 

จากนั้นเขาก็เอ่ยออกไปอย่างไม่เร็วไม่ช้าคำหนึ่ง “หนวกหู”

 

 

ว่าแล้ว ก็แถมให้อีกสักคำ “ไอ้งั่ง”

 

 

ศัพท์คำนี้ เขาเรียนมาจากตอนที่ไปอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน

 

 

ซื่อมั่วเป็นแบบฉบับของคนโบราณที่รักษามารยาทและขนบธรรมเนียมอยู่เสมอ ย่อมไม่มีทางด่าใครง่ายๆ ปกติมีแต่ด่าทอบรรพชนทั้งสิบแปดรุ่นของผู้อื่นอยู่ในใจเท่านั้น ไม่มีทางที่จะหลุดคำด่าออกมาอย่างเด็ดขาด

 

 

แต่ว่าจีเฉวียนนั้นไม่เหมือนกัน เขาไม่เพียงจะขุดศพของท่านขึ้นมาด่า แถมยังจะด่าไปถึงบรรพชนของท่านอีกด้วย

 

 

คำว่าไอ้งั่งคำนี้ เขารู้สึกว่ามันฟังดูดีมาก

 

 

ตู๋กูซิงหลันมีสีหน้าตกตะลึง

 

 

ล้อกันเล่นหรือเปล่า? นางเกือบจะนึกว่าตนเองหูฝาดไปแล้ว

 

 

ก็ดูสิ ก็บุรุษที่แสนจะหล่อเหลาของนาง ด่าผู้อื่นว่าไอ้งั่งด้วยน้ำเสียงที่เท่ขนาดนี้

 

 

อ้ายย่าห์! ฟังแล้วเพราะมากๆเลย

 

 

เห็นแล้วใช่ไหม เสี่ยวเฉวียนเฉวียนของบ้านเรา ขนาดด่าผู้คนก็ยังเซ็กซี่มากเลยนะ

 

 

ดวงตาของตู๋กูซิงหลันโค้งมน กล่าวกับตี้เสียอย่าง‘พร้อมจะหาเรื่องผู้คนอย่าเต็มที่’ “ใช่แล้ว ไอ้งั่ง! เป็นสนมเจ้าน่ะรึ ไอ้พ่อพันธุ์ม้าไร้ยางอาย!”

 

 

“เจ้ามันเทียบกับเส้นผมสักเส้นของเฉวียนเฉวียนบ้านข้าก็ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

 

 

ผู้คนทั้งหมด “! ! !”

 

 

เกิดมาพึ่งจะเคยได้เห็น!

 

 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ผู้คนทั่วทั้งหกภพภูมิต่างก็ให้ความเคารพนบนอบต่อเทียนตี้อย่างสูงสุด เมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์ต่างไม่กล้าพูดอะไรผิดแม้แต่น้อย แต่สุนัขชายหญิงผู้นี้ กลับเปิดฉากด่าทอพระองค์อย่างโจ่งแจ้ง!

 

 

………………