บทที่ 1059 ค่ายกลสิบแปดบุปผาเหิน

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“ความหวังดีของเจ้าบ้านหนิง มู่หน่วนน้อมรับด้วยใจ แต่โดยปกติแล้วข้ามู่หน่วนทำการใดก็ทำเองเพียงลำพัง ทั้งไม่ชอบติดหนี้บุญคุณคนอื่น และมิอาจเอื้อมถึงตระกูลหนิง เรื่องนี้ไม่ลำบากให้ตระกูลหนิงออกมือ”

คำพูดอ้อมค้อมชี้เจตจำนงของนางล้วนเป็นคำพูดที่ดูห่างเหิน แต่ผู้เฒ่าหนิงและคนอื่นๆเข้าใจ นางไม่อยากทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบไปด้วย โดยเฉพาะครั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่คนทั่วทั้งโลกมุ่งเป้าไปที่นาง

ไม่ว่าตระกูลหนิงจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีร่วมกันของคนจำนวนมากขนาดนั้นได้

ตรงหางตาและปากของผู้เฒ่าหนิงมีรอยยิ้ม ยิ่งมองดูกู้ชูหน่วนก็ยิ่งพอใจ

หนิงเทียนโย่วกล่าว “ไม่มีความช่วยเหลือของตระกูลหนิง วันนี้เจ้าจะต้องตายเป็นแน่”

“ตายก็ตาย อย่างมากหลังจากนี้อีกสิบแปดปีก็ไปเกิดใหม่ ข้าค่อยแต่งงานกับเจ้า”

“เจ้า……”

กู้ชูหน่วนเปล่งเสียงกล่าว “ข้าก็เป็นเพียงแค่ระดับสามกระจอกๆ พวกท่านทุ่มเทใช้กำลังทั้งตระกูลเพื่อสังหารข้า เผยแพร่ออกไปก็คงไม่น่าฟัง ไม่งั้นเอาเช่นนี้ พวกเราลงเดิมพันกัน ตระกูลไป๋หลี่ของพวกท่านจะส่งใครออกมาต่อสู้ก็ได้ตามใจ สามรอบชนะสอง หากพวกท่านชนะ ข้าจะตัดหัวของตัวเองมอบให้พวกท่าน หากว่าข้าชนะ พวกท่านก็ปล่อยข้าไปซะ และห้ามสร้างความลำบากให้คนในครอบครัวของข้าอีก เป็นอย่างไร?”

ประมุขพรรคไห่เทียนกล่าว “ถุย เจ้าเป็นปีศาจสาวผู้หนึ่ง แม้ว่าพวกเราจะฆ่าสังหารเจ้าพร้อมกันแล้วจะยังไง? พวกเรากำลังดำรงความเป็นธรรมแทนสวรรค์อยู่”

“ถูกต้อง พวกเรากำลังดำรงความเป็นธรรมแทนสวรรค์ ฆ่าไปเลยก็ได้แล้ว”

ไป๋หลี่ป้ามองดูตระกูลซ่างกวน แล้วมองดูตระกูลเวิน สุดท้ายก็หันสายตาไปทางตระกูลหนิง

ทั้งตระกูลซ่างกวนและตระกูลเวินไม่ได้แสดงออกมากนัก

ตระกูลซ่างกวนยังดีหน่อย แต่ตระกูลเวิน เขาเดาไม่ออกว่าจะยืนอยู่ข้างไหนกันแน่

แม้ว่าเจ้าบ้านเวินจะอายุยังน้อย แต่สีหน้ามีทั้งการให้เกียรติและอัปยศไม่แน่นอน ทั้งยังพูดจาน้อยเป็นที่สุด จนถึงตอนนี้เขาก็ยังเดาความคิดเห็นที่แท้จริงของชายหนุ่มผู้นี้ไม่กระจ่าง

แต่ตระกูลหนิง……

ตระกูลหนิงยืนข้างมู่หน่วนด้วยใจที่แน่วแน่

การฆ่ามู่หน่วนคนเดียวเป็นเรื่องเล็ก หากว่าทำสงครามกับตระกูลหนิงโดยตรง ก็เสียเปรียบตระกูลซ่างกวนและตระกูลเวินแล้ว

ในกาลชั่วคราวนี้ ไป๋หลี่ป้ากล่าวว่า “เอาตามที่เจ้าพูด จะได้ไม่ต้องไปพูดว่าตระกูลไป๋หลี่ของข้ารังแกผู้หญิง”

กู้ชูหน่วนยิ้มแล้วกล่าว “ยังไงก็เป็นเจ้าบ้านไป๋หลี่ที่รู้จักกฎเกณฑ์ รู้จักการรุกการถอย”

ไป๋หลี่เฉิงพูดอย่างโกรธเคือง “ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดกับใครอยู่?”

“พวกเจ้ากำลังจะสังหารข้าอยู่แล้ว ข้ายังจะต้องเคารพพวกเจ้าอีกหรือ? สมองของเจ้าคงจะกลวงสินะ”

“เจ้า……ช่างเถอะ ข้าขี้เกียจจะถือสาคนตาย”

“ยังไม่ได้สู้เลยนะ พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะต้องแพ้เป็นแน่”

“ค่ายกลสิบแปดบุปผาเหิน ออกมาประจำตำแหน่ง” ไป๋หลี่เฉิงขี้เกียจจะพูดพร่ำกับนาง พูดออกไปโดยตรง

ตามการสิ้นสุดคำพูดของเขา ทั่วท้องฟ้าล้วนเป็นฝนดอกไม้พร้อมด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ในทันที จากนั้นหญิงสาวสิบแปดคนก็ลอยลงมาจากฟากฟ้า ล้อมรอบกู้ชูหน่วนไว้ด้วยค่ายกลที่ไม่รู้จัก

ไม่รู้ว่าผู้ใดในฝูงชนอุทานขึ้นมาด้วยความตะลึงว่า “ค่ายกลสิบแปดบุปผาเหิน? นั่นเป็นหนึ่งในสุดยอดค่ายกลของตระกูลไป๋หลี่ไม่ใช่หรือ?”

“จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ ตอนนั้นก็เพราะตระกูลไป๋หลี่อาศัยค่ายกลสิบแปดบุปผาเหินจึงสามารถตั้งหลักปักฐานอย่างมั่นคงในทวีปปิงหลิงได้ ได้ยินว่าเพียงแค่ถูกกักไว้ในค่ายกล ก็ไม่มีใครเคยหนีรอดมาได้ แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับสี่ หรือกระทั่งระดับห้าก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำลายได้”

“ครั้งนี้มู่หน่วนต้องตายเป็นแน่แล้ว ข้ากล้าเดิมพัน ในค่ายกลสิบแปดบุปผาเหินนางไม่มีทางสู้ได้เกินสามรอบเด็ดขาด”

เมื่อหนิงเทียนโย่วเห็นว่าเกลี้ยกล่อมกู้ชูหน่วนไม่ได้แล้ว จึงรีบไปข้างกายผู้เฒ่าหนิง กล่าวด้วยความร้อนใจ “ท่านปู่ ตระกูลไป๋หลี่หน้าไม่อายเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะใช้ค่ายกลสิบแปดบุปผาเหิน ทำอย่างไรดีขอรับ? พวกเราจะช่วยลงมือเลยหรือไม่?”

“นังหนูนี่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก นางตั้งเดิมพันไว้ บางทียังอาจจะมีโอกาสรอด ไม่เช่นนั้น…..”

“ตระกูลไป๋หลี่จะปล่อยนางไปง่ายๆได้อย่างไร ท่านปู่ หากถูกกักขังอยู่ในค่ายกลสิบแปดบุปผาเหินก็จะสายเกินไปแล้ว พวกเรา……”

“จะรีบร้อนอะไร รออีกหน่อย ทันทีที่ตระกูลหนิงลงมือ วันนี้ก็จะต้องมีเลือดนองเป็นหนองน้ำแน่ สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายก็ลด เจ้าต้องเชื่อใจนังหนูคนนี้”

หนิงเทียนโย่ว “……”

เชื่อใจกับผีน่ะสิ

พวกเขาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องให้นางตายให้ได้ จะปล่อยไปได้อย่างไร

หากว่าได้ก็คงจะไม่เคลื่อนค่ายกลสิบแปดบุปผาเหินออกมาตรงๆ