ตอนที่ 1089 ฆ่าได้ภายในชั่วพริบตาเดียว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ในขณะที่ผู้อาวุโสอู้ซานกำลังจะลงมือโจมตี พลังสีดำพลังหนึ่งก็ได้ขวางพลังของเขาเอาไว้

มู่เฉียนซีรับรู้ได้ว่ามีพลังมืดสลัวพลังหนึ่งแผ่ซ่านอยู่บริเวณรอบ ๆ นี่ไม่ใช่พลังของจิ่วเยี่ย แต่เหมือนกับพลังของ…

ทันใดนั้นเอง เงาร่างสีเขียวร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี ใบหน้าอันมีเสน่ห์นั้นทำให้สตรีทุกคนเป็นต้องอิจฉาจนมิอาจห้ามใจได้

“ข้าได้ยินเหมือนมีคนตะโกนปาว ๆ ว่าจะฆ่าคนงาม ข้าควรจะขอบคุณพวกเจ้าเช่นไรดีนะ?” น้ำเสียงอันมีเสน่ห์หาใดเปรียบนี้กลับแฝงไปด้วยความอันตราย

ดวงตาของผู้อาวุโสอู้ซานหดลงทันใด “ทะ ท่าน ท่านจื่อโยว ท่าน ท่านมาอยู่ที่ดินแดนสี่ทิศได้อย่างไร”

การแสดงออกของผู้อาวุโสอู้ซานนั้นราวกับเห็นผีก็มิปาน และเขาก็ไม่กล้าโจมตีเฟิงอวิ๋นซิวต่อแล้ว อีกทั้งยังร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าวอีกด้วย

ท่านจื่อโยว ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะไม่ได้น่ากลัวเท่ากับองค์ชายจิ่วเยี่ย แต่เขาก็เปรียบเสมือนดาวมฤตยูดวงหนึ่งก็มิปาน

ผู้อาวุโสอู้ซานมองมู่เฉียนซีที่ถูกท่านจื่อโยวปกป้องอยู่ข้างหลัง นี่นางช่างเป็นสตรีที่งดงามเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองผู้ใดเลยจริง ๆ

ท่านจื่อโยวโปรดปรานสตรีผู้งดงาม ผู้คนทั่วทั้งแดนนรกล้วนแต่รู้กันดี

ผู้อาวุโสอู้ซานกล่าว “ท่านจื่อโยว ข้าไม่รู้ว่าแม่นางผู้นี้เป็นดวงใจของท่าน เมื่อครู่การกระทำของข้าไร้มารยาทไปมาก ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะชดใช้ให้ ได้โปรดท่านจื่อโยว ค่อก ค่อก ค่อก…”

“นี่เจ้าต้องการจะฆ่าข้าอย่างนั้นเหรอ?”

จู่ ๆ จื่อโยวก็เดินไปตรงหน้าผู้อาวุโสอู้ซาน และบีบคอเขา

นางคือดวงใจของเยี่ยต่างหากล่ะ! โชคดีที่เยี่ยไม่ได้ยินคำพูดจาเหลวไหลของเจ้าหมอนี่ มิเช่นนั้นเยี่ยต้องสับร่างเขาเป็นหมื่นชิ้นพันชิ้นแน่

ค่อก ค่อก ค่อก! ผู้อาวุโสอู้ซานมองจื่อโยวอย่างสิ้นหวัง เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจื่อโยวถึงต้องลงมือฆ่าเขา

เขาทำอันใดผิดไป?

จื่อโยวกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะ เรื่องบางเรื่องเจ้าจะมาพูดจาเหลวไหลไม่ได้ ระวังจะตายเพราะปาก!”

จะอ้อนวอนร้องขอชีวิตในตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์แล้ว ทำได้เพียงแค่ตอบโต้กลับไปเท่านั้น!

พลังสีดำที่สามารถคุมขังชิงอิ่งได้นั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ทันทีที่จื่อโยวโบกมือขึ้น ตรงหน้าก็ปรากฏหลุมดำหลุมหนึ่ง

พลังของผู้อาวุโสอู้ซานถูกหลุมดำนั้นของจื่อโยวกลืนกินเข้าไปแล้ว จื่อโยวกล่าวเย้ยหยันว่า “พลังเพียงเล็กน้อยแค่นี้ คิดจะสู้กับคนอย่างข้า เจ้าช่างคิดเพ้อฝันเกินไปแล้ว!”

กร่อก! ทันทีที่มือของจื่อโยวเคลื่อนไหวก็ได้บีบคอเขา ยกร่างของเขาขึ้นและเหวี่ยงเข้าไปในหลุมดำนั้น

ครั้นแล้ว ผู้อาวุโสอู้ซานก็ได้อันตรธานหายไปต่อหน้าทุกคนอย่างสมบูรณ์ จื่อโยวกล่าวด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ว่า “ช่างทำให้มือของข้าสกปรกจริง ๆ”

จื่อโยวกำจัดผู้อาวุโสอู้ซานไปได้แล้ว บริเวณโดยรอบก็เงียบสงัดเป็นเป่าสาก

นึกไม่ถึงว่าผู้อาวุโสอู้ซานจะถูกบุรุษผู้มีเสน่ห์ผู้นี้ฆ่าได้ภายในชั่วพริบตา ฆ่าภายในชั่วพริบตาเดียว…

มือนั้นของเขาช่างทำให้ทุกคนหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

คนของผู้อาวุโสอู้ซานเหล่านั้นหวาดกลัวจนในใจคิดได้แค่วิธีเดียว นั่นก็คือ…

หนี!

ขวับ ขวับ ขวับ! ทว่า กลับถูกคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งห้อมล้อมเอาไว้แล้ว

ชายหนุ่มผู้หน้าตาน่ารักสวมชุดคลุมยาวสีทองอร่าม ในมือถือค้อนสีทองแกว่งไปมาพลางกล่าวว่า “ฆ่าพวกคนเหล่านี้ให้หมด ขวางหูขวางตาข้ายิ่งนัก!”

“ขอรับ!”

ทันทีที่คนเหล่านี้รับคำสั่ง ก็เริ่มกำจัดคนที่พยายามหลบหนีเหล่านั้นทันที

หลังจากที่พวกเขาได้ปรากฏตัวออกมา ลูกน้องของเฟิงอวิ๋นซิวก็ไม่ต้องทำสิ่งใดแล้ว ทั้งหมดนี้พวกเขาไม่ต้องจัดการเองแล้ว!

อ๊า! เมื่อสิ้นเสียงกรีดร้องสุดท้าย ศัตรูตรงหน้าก็ถูกกำจัดไปจนสิ้น

แต่ถึงกระนั้น เฟิงอวิ๋นซิวก็ยังคงเตรียมป้องกันอยู่

เขามองไปที่ชายผู้มีเสน่ห์ผู้นั้นและกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”

จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว “ข้าก็เป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรของหอปี้ลั่ว แค่ผ่านทางมาแล้วเห็นคนงามมีอันตรายก็เลยช่วย!”

จื่อโยวหรี่ตายิ้มพลางมองไปที่มู่เฉียนซี!

เฟิงอวิ๋นซิวตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “หอปี้ลั่ว!”

กองกำลังระดับสองครึ่งแห่งแดนตะวันออกไม่ได้มีความแค้นกับตำหนักตงจี๋ของพวกเขา แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องลงมือช่วยอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้

ทั้งหมดนี้เกรงว่าจะเป็นเพราะเฉียนซี เฉียนซีรู้จักกับคนผู้นี้!

ซิงเฉินเดินเข้ามาและกล่าวว่า “เทือกเขาเมฆามืดอันตรายมาก ต้องการให้ข้าส่งพวกเจ้าออกไปหรือไม่?”

เมื่อรู้ว่านายหญิงเดินทางมาเทือกเขาเมฆามืด พวกเขาก็นำกำลังคนตามมาทันที เมื่อนางมีอันตรายพวกเขาก็จะได้ลงมือช่วย

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ดีเลย!”

จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว “คนงาม ไอ้คนที่รังแกเจ้าเมื่อครู่ข้าก็ได้กำจัดไปหมดแล้ว เจ้าจะให้รางวัลข้าสักหน่อยหรือไม่ล่ะ อย่างเช่น…”

ตูม! ค้อนสีทองขนาดใหญ่ง้างขึ้นตีหัวของจื่อโยว

จื่อโยวรีบหลบ และที่ที่ยืนตรงนั้นก็เกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้น!

“จื่อโยว ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าได้ลวนลามนาย…”

“อย่าได้ลวนลามผู้หญิง!”

คราก่อนเขาตื่นเต้นเกินไป จึงได้เผยตัวตนของนายหญิงออกไป แต่ครั้งนี้ซิงเฉินระมัดระวังคำพูดของตัวเองมากจึงรีบแก้

บนพื้นนั้นที่เกิดหลุมขนาดใหญ่เพราะค้อนของเขา ทำให้ทุกคนตะลึงจนตาค้าง

ชายหนุ่มผู้หน้าตาน่ารักผู้นี้ทรงพลังมาก!

จื่อโยวกล่าวบ่นว่า “นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ อยู่กับเจ้าข้าจะกลายเป็นพระแล้ว เจ้ามันเหลือเกินจริง ๆ!”

ซิงเฉินเดินมายืนข้างกายมู่เฉียนซี และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคารพว่า “บาดแผลบนร่างท่าน เป็นพวกสำนักหุ่นปีศาจนั่นใช่หรือไม่ที่เป็นคนทำ ให้ซิงเฉินไปคว่ำสำนักนั่นแก้แค้นให้หรือไม่”

ถึงแม้ว่าซิงเฉินกับจื่อโยวจะเป็นลูกน้องของจิ่วเยี่ย แต่มู่เฉียนซีกลับไม่รบกวนพวกเขา ต้องการจะกำจัดเอง แต่ราชาหุ่นผู้นั้นทำให้นางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ควรจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด!

ทันใดนั้นจื่อโยวก็เอนตัวไปกระซิบข้างหูมู่เฉียนซีว่า “นี่ คนงาม เยี่ยให้พวกข้ามาควบคุมหอปี้ลั่วก็เพื่อให้จัดการกับกองกำลังเหล่านั้นที่กล้าลงมือทำร้ายเจ้า”

“เจ้าช่วยให้โอกาสพวกข้าลงมือสักหน่อยเถอะนะ มิเช่นนั้นแล้วสิ่งที่พวกข้าทำไปทั้งหมดมันจะเสียเปล่า และเมื่อถึงตอนนั้นเยี่ยคงไม่ปล่อยพวกข้าแน่ เจ้าตอบตกลงเถอะนะ ตอบตกลงสิ…”

ในขณะที่พูดนั้น จื่อโยวก็ขยับตัวเข้าไปใกล้มู่เฉียนซีมากขึ้น

ซิงเฉินจะทนดูต่อไปได้เหรอ ไม่มีทาง ครั้นแล้วเขาก็ทุบจื่อโยวด้วยค้อนอีกคราหนึ่ง

“เจ้ากล้าขยับตัวใกล้อีกก็ลองดูสิ อยู่ให้มันห่าง ๆ หน่อย!”

ตูม ปัง ปัง!

จื่อโยวทุกข์ทรมานมากจนไม่สามารถเปล่งออกมาเป็นคำพูดได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่ถอยออกมาห่าง ๆ

มู่เฉียนซีมองไปที่ซิงเฉินและกล่าวว่า “ก็ได้! พวกเจ้าไปสำรวจดูที่สำนักหุ่นปีศาจ หากสามารถทำลายได้ก็ทำลาย ส่วนราชาหุ่นของพวกมัน หากสามารถเอาตัวเป็น ๆ มาให้ข้าได้ก็ยิ่งดี”

ซิงเฉินจ้องไปที่จื่อโยวพลางกล่าว “ยังยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ ยังไม่รีบไปอีก!”

จื่อโยวกล่าว “แล้วเจ้าล่ะ!”

“ข้าก็จะไปส่งพวกเขาออกไปอย่างไรเล่า!”

“แล้วเหตุใดคนที่ไปส่งถึงไม่เป็นข้าล่ะ?”

“ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำอะไรไม่ดีไม่งามน่ะสิ”

อย่างไรเสียเรื่องออกแรงก็มอบให้เป็นหน้าที่จื่อโยวก็แล้วกัน ภายใต้การคุ้มครองของซิงเฉิน มู่เฉียนซี เฟิงอวิ๋นซิวและพวกก็ได้ออกมาจากเทือกเขาเมฆามืดอย่างปลอดภัย

ทุกคนสงสัยในสถานะตัวตนของมู่เฉียนซีมาก กำลังในการต่อสู้แข็งแกร่งมาก และฝีมือในการปรุงยาก็เก่งกาจมากด้วย

แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อไปยิ่งกว่านั้นก็คือ นึกไม่ถึงเลยว่ายอดฝีมือทั้งสองคนของหอปี้ลั่วจะเชื่อฟังคำของนาง

พลังของยอดฝีมือสองท่านนี้ เกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสสูงสุด และแทบจะเหนือกว่าหัวหน้าตำหนักเสียด้วยซ้ำ!

ซิงเฉินกล่าว “ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรอันตรายแล้ว ข้าจะไปดูเจ้าจื่อโยวสักหน่อยว่าแอบขี้เกียจหรือไม่” ครั้นแล้ว ซิงเฉินก็จากไปเช่นนี้

มู่เฉียนซีหันไปมองเฟิงอวิ๋นซิวและกล่าวว่า “อวิ๋นซิว เจ้ามีเรื่องใดจะถามข้าหรือไม่?”