บทที่ 2009 สัญญาว่าถ้ารออีกสักพักจะทำใหม่อีกครั้ง
หน้าประตูคือกิ่งต้นไม้ที่แห้งเฉา บนต้นไม้แห้งมีนกสีดำดีที่ไม่ทราบสายพันธุ์เกาะอยู่สามสี่ตัว อาคารมืดครึ้มดูทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ไม่มีใครอยู่มานานแล้ว แลดูวังเวงอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่ทำให้เธอใส่ใจอยู่บ้างคือ สถานที่แห่งนี้…แลดูคุ้นตาและคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด…
ไม่นาน ซือเยี่ยหานก็ประคองเธอเข้ามาในบ้านแล้ว
ถึงแม้มองจากภายนอกแล้วสถานที่แห่งนี้จะดูทั้งวังเวงทั้งทรุดโทรม แต่ว่า หลังจากเข้ามาแล้วราวกับเป็นคนละโลก การตกแต่งภายในนั้นสะดวกสบายมาก มองแวบเดียวก็รู้ว่ามีคนมาทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ
เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองห้องนอนหลักบนชั้นสองที่ซือเยี่ยหานพยุงเข้าไปด้วยความตื่นตะลึง จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาที่ปูด้วยพรมสีขาวอ่อนนุ่ม
“นั่งดีๆ นะ อย่าขยับ” หลังจากซือเยี่ยหานประคองหญิงสาวนั่งลงดีๆ แล้ว ก็ฉวยมือของเธอไปทันที จากนั้นก็ม้วนแขนเสื้อของเธอขึ้นไปสองสามทบ แล้วตรวจดูอย่างละเอียด
“โอ้…” เยี่ยหวันหวั่นนั่งอย่างเรียบร้อยว่าง่าย ปล่อยให้เขาตรวจดูอาการ สายตากลอกไปมาตามการขยับของเขา
มองเห็นเพียงว่ารอยเส้นเลือดบนร่างของหญิงสาวแผ่ขยายมุ่งสู่ข้อมือด้านในแล้ว คาดว่าในตำแหน่งใต้ร่มผ้าก็คงมีอยู่เต็มไปหมด…
ก่อนหน้านี้หมอเคยบอกไว้ว่า ตอนที่เกิดอาการยิ่งมีเส้นเลือดมาก ก็แปลว่าอารมณ์ยิ่งแปรปรวนมาก และความปรารถนาที่มีต่อคนในใจก็ยิ่งล้ำลึกด้วย…
แล้วตอนนี้เส้นสีแดงพวกนี้ของเธอ…เกิดขึ้นเพราะใครกัน…
พอคิดมาถึงตรงนี้ มือของซือเยี่ยหานที่กำข้อมือของหญิงสาวไว้ก็บีบแน่นขึ้นมาเล็กน้อย พยายามทำให้จิตใจของตัวเองสงบลง จู่ๆ ก็พลันมีเงาทาบลงมาเหนือศีรษะ จากนั้นเส้นผมสีดำขลับหลายปอยก็แผ่ลู่ลงมา คลอเคลียลำคอและบ่าของเขาจนคับยุบยิบ
จากนั้น ลมหายใจของหญิงสาวก็พลันตามเข้ามาติดๆ จุมพิตอ่อนละมุนอุ่นร้อนทาบทับลงบนริมฝีปากของเขาเช่นนี้…
ซือเยี่ยหานนิ่งงัน
จูบที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำให้แผ่นหลังของซือเยี่ยหานเหยียดเกร็งจนตรงแน่ว จูบที่แผ่วเบา ทำให้ความคิดในสมองเขากระจุยกระจายไปในทันใด
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ซือเยี่ยหานก็คว้าไหล่สองข้างของหญิงสาวไว้ แล้วดันเธอออกห่างจากตัวเองเล็กน้อย “เธอ…”
เยี่ยหวันหวั่นเห็นว่าตัวเองถูกดันออกมา ก็พลันมีสีหน้าเหมือนโดนหลอกลวง “คุณสัญญาแล้วนี่ คุณสัญญาว่าถ้ารออีกสักพักจะทำใหม่อีกครั้ง ฉันรอมาสักพักแล้วไง รอตั้งนานเลยนะ!”
ซือเยี่ยหานเงียบไป
ซือเยี่ยหานสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ความคิดที่กระจัดกระจายไปค่อยๆ หวนกลับมาบ้างแล้ว “หวันหวั่น เธอมองให้ชัดๆ สิ ฉันคือใคร”
เยี่ยหวันหวั่นตอบทันควัน “ผู้ชายกะล่อน”
ซือเยี่ยหานพูดไม่ออก…
เยี่ยหวันหวั่นยังคงประท้วงต่อไป “ คุณรับปากแล้ว! บอกว่าให้รอสักพักนี่!” เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเอาเป็นตาย ยึดติดอยู่กับคำสัญญานี้ของอีกฝ่ายอย่างยิ่ง
ซือเยี่ยหานสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง “หวั่นหวั่น จำที่ฉันเคยพูดกับเธอไว้ได้ไหม กู่พิศวาสชนิดนี้ซับซ้อนมาก ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นสักนิด…”
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจ “คุณรับปากแล้วว่าถ้ารอสักพักจะทำกันใหม่!”
ซือเยี่ยหานเงียบไปอีกครั้ง
ในที่สุดซือเยี่ยหานก็ค้นพบความจริงเรื่องหนึ่งว่า ดูเหมือนว่าถ้าไม่ทำใหม่อีกครั้ง บทสนทนานี้ก็อย่าคิดที่จะได้ดำเนินต่อไปเลย
เมื่อสบเข้ากับดวงตาส่องประกายดึงดันของหญิงสาว ซือเยี่ยหานก็นวดหว่างคิ้วด้วยความปวดหัวแล้ว จากนั้นฝ่ามือใหญ่ก็ค่อยๆ โอบท้ายทอยของหญิงสาว แล้วทาบจุมพิตลงบนริมฝีปากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา…
เดิมทีแค่คิดจะเอาใจสักหน่อยเท่านั้น แต่ว่า เมื่อได้สัมผัสกับอุณหภูมิร่างกายที่อ่อนละมุนของเธอ ได้อยู่แนบชิดกับเธอแบบนี้ สติสัมปชัญญะจึงพลันหลุดลอยออกจากร่างไปในชั่วพริบตา…
รอจนปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาอีกครั้ง จูบนี้ของเขา ก็จริงจังอย่างยิ่งแล้ว ไม่ใช่กระทำอย่างขอไปทีอีกต่อไป ส่วนเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่รู้เลยว่าปลดกระดุมคอเสื้อของเขาออกไปตั้งแต่เมื่อไร กระดุมถูกเธอปลดออกสองเม็ดแล้ว คอเสื้อก็ถูกดึงจนยับยู่ยี่…
———————————————————–
บทที่ 2010 กินเข้าไปตอนนี้เลย
ก่อนที่เส้นเลือดเหล่านั้นที่อยู่บนร่างเขาจะเผยตัวออกมา ซือเยี่ยหานก็พลันดึงสติกลับคืนมาได้ แล้วจับมือของหญิงสาวไว้
เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองมือน้อยๆ ของตัวเองที่ถูกจับไว้ด้วยความขุ่นเคือง “คุณเก้า คุณบอกฉันมาตามตรงเถอะ คุณไม่รักฉันแล้วใช่ไหม หรือว่าคุณมีกิ๊กอยู่ข้างนอก! เป็นใครกัน”
ซือเยี่ยหานชะงักไปแวบหนึ่ง
เขาจะไม่รักเธอได้ยังไง เธอคือแสงสว่างและความหมายเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตอันแห้งแล้งของเขา
เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อไปว่า “น่าเสียดายที่ฉันยังคงรักคุณอย่างแทบเป็นแทบตายทุ่มเททั้งหัวใจให้คุณ…”
คำพูดของหญิงสาวราวกับสารหนูที่กัดกร่อนหัวใจของเขา ทว่าถูกเคลือบเอาไว้ด้วยน้ำเชื่อมที่หวานล้ำ ทำให้คนยินดีที่จะกลืนกินเข้าไป…
ไม่รู้ว่าเงียบอยู่นานแค่ไหน ในที่สุดซือเยี่ยหานก็เอ่ยประโยคนั้นออกมา “หวันหวั่น ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดหาทางฟื้นฟูความทรงจำของตัวเองอยู่”
สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นพลันนิ่งค้างไป สมองที่เลอะเลือนพลันได้สติกลับคืนมาไม่น้อย
เธอไม่คิดเลยว่า จู่ๆ ซือเยี่ยหานจะเอ่ยถึงหัวข้อนี้ที่พวกเขาหลีกลี่ยงกันมาตลอด
ซือเยี่ยหานรู้แล้ว…
“ในชีวิตนี้สิ่งที่ฉันนึกเสียใจที่สุด ก็คือครั้งนั้นที่ฉันฝืนครอบครองเธอในจิ่นหยวน ขอโทษนะ คำขอโทษนี้ ฉันควรจะพูดกับเธอตั้งนานแล้ว เรื่องแบบนี้ เดิมทีสมควรเป็นเรื่องที่งดงาม ไม่ควรเกิดขึ้นในสถานการณ์แบบนี้เลย” ในสุ้มเสียงของซือเยี่ยหานเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามตามสัญชาตญาณว่า “ถ้าไม่ควรเกิดขึ้นในสถานการณ์แบบนี้ งั้นควรเกิดขึ้นในสถานการณ์แบบไหนล่ะ”
ซือเยี่ยหานเอ่ยตอบอย่างยากลำบาก “หากถึงวันที่ความทรงจำของเธอกลับคืนมา แล้วถ้ายังรู้สึก…รู้สึกว่าคนที่เธอชอบคือฉัน…”
เยี่ยหวันหวั่นพลันหน้าซีด “ถ้าต้องรอจนถึงตอนนั้นฉันคงเย็นชืด หญ้าบนหลุมศพก็คงขึ้นสูงกว่าตัวลูกชายฉันแล้ว!”
ซือเยี่ยหานเงียบไป
อันที่จริงทางเขายังมียาถอนพิษที่ให้หมอผสมขึ้นมาเพื่อเป็นหลักประกันอยู่ส่วนหนึ่ง เพิ่งผสมสำเร็จเมื่อไม่นานมานี้ หมอบอกว่าถ้าเธอกินแล้วจะไม่เป็นปัญหามากนัก มีความเป็นไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะกำจัดกู่ได้สำเร็จ
ด้วยเหตุนี้ ซือเยี่ยหานจึงเอ่ยขึ้นว่า “ที่ฉันมียาถอนพิษอยู่ เธอกินเข้าไปตอนนี้เลยเถอะ…”
พอเยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร พลันออกแรงที่มือ วินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็ถูกเธอโผเข้าใส่จนล้มลงบนโซฟาแล้ว
ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกาย หอมแก้มของซือเยี่ยหานเสียงดังทีหนึ่ง “จริงเหรอ ฉันกินยาถอนพิษตอนนี้ได้เลยเหรอ”
ซือเยี่ยหานนิ่งงัน
ยาถอนพิษที่เขาบอก…ไม่ใช่ยาถอนพิษแบบนี้…
แต่ว่า เยี่ยหวันหวั่นไม่คิดจะฟังคำอธิบายของเขา ใช้กรงเล็บของเธอปลดคอเสื้อของเขาออกอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ในใจของซือเยี่ยหานมีความกังวลมากเกินไป ถึงอย่างไรกู่พิศวาสชนิดนี้ก็อันตรายเป็นพิเศษ ไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้สักนิดจริงๆ เขาจะเอาชีวิตของเธอมาเสี่ยงไม่ได้
ซือเยี่ยหานพลันได้สติกลับคืนมา เตรียมจะผลักหญิงสาวออกไป ในเวลานี้เอง ตรงหน้าก็พลันพร่าเลือน สิ่งของบางอย่างก็ร่วงลงมาจากลำคอของหญิงสาว แกว่งไกวอยู่เบื้องหน้าเขา…
นี่คือ…
ก่อนหน้านี้เขาเห็นแล้วว่าบนลำคอของเยี่ยหวันหวั่นมีเชือกไหมสีแดงเส้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมา แต่สิ่งที่ถูกร้อยไว้กับเชือกถูกคอเสื้อบดบัง จึงไม่รู้ว่าร้อยอะไรไว้
แต่เมื่อครู่นี้ สืบเนื่องมาจากการกระทำของเยี่ยหวันหวั่น สิ่งที่ร้อยไว้บนเชือกจึงหล่นลงมา ไม่น่าเชื่อเลยว่า…จะเป็นกระดุมข้อมือของเขา!
เป็นกระดุมข้อมือหินออบซิเดียนที่คุ้นตาเม็ดนั้น เขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน เป็นสิ่งที่เขาบริจาคไปในงานเลี้ยงการกุศลครั้งนั้น
ซือเยี่ยหานจ้องมองกระดุมข้อมือเม็ดนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ลำคอพลันแห้งผาก เลือดที่เดิมทีเย็นเฉียบก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที พลุ่งพล่าน ซัดโถมขึ้นมาในทันใด
กระดุมข้อมือของเขาถูกเธอร้อยไว้กับเชือกไหมแดง แขวนติดคอไว้ เห็นได้ชัดเลยว่าหญิงสาวหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่ได้รับรู้นี้ ทำให้หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งจนแทบจะเป็นอัมพาตแล้ว…
…………………………………….