บทที่ 1315 ซือเทียนโยว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1315 ซือเทียนโยว

เสียงเย็นดังก้องออกมาจากเงาดำ

ดวงตาก็พรั่งพรูด้วยรัศมีความตายไม่จบสิ้น

ในบริเวณที่เขายืนอยู่พืชพันธุ์ทุกชนิดก็ถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็วภายใต้รัศมี พลังชีวิตทั้งหมดถูดยึดไปอย่างรุนแรง

มากจนกระทั่งคลื่นหลิงยังเปลี่ยนเป็นสีเทาซีดพร้อมกับรัศมีความตายแผ่กระจายออกไป

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ ดวงตาก็หดลง รัศมีความตายนี้ครอบงำนัก มันปนเปื้อนแม้แต่คลื่นหลิงในฟ้าดิน

หากรัศมีความตายบุกรุกร่างกาย จะทำลายล้างขนาดไหนกัน?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ริ้วความเคร่งเครียดก็หมุนวนในดวงตาของมู่เฉิน ดูเหมือนว่าเมื่อเผชิญหน้ากับพวกปีศาจต่างมิติจะต้องระวังไม่ให้รัศมีความตายเข้ารุกรานร่างกายได้

ตู้ม!

แม้ความคิดจะเกิดในใจอย่างต่อเนื่อง แต่มู่เฉินก็ไม่ได้หยุดการลงมือ รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตถั่งโถมออกมาราวกับคลื่นยักษ์ เพียงสะบัดนิ้วก็ฉีกขาดท้องฟ้า ห่อหุ้มไปที่ร่างองค์ชายเผ่าซือหมัว

“หึ!”

ซือเทียนโยวเค้นสียงเย็นชาไม่มีความคิดจะหลบหลีก เขาเหยียดมือซีดออกมาพร้อมกับลวดลายปีศาจวูบไหวอยู่ด้านบน รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากกวาดออกราวกับควันในทันที

“รัศมีซือหมัว!”

รัศมีพุ่งพรวดออกมาปะทะกับรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขต เสียงเขย่าโสตประสาทดังขึ้น ละลายกระแสรัศมีจั้นยี่ออกไป

ปัง ปัง!

ควันปีศาจพวยพุ่งออกมา ขัดขวางรัศมีจั้นยี่ของมู่เฉินอย่างเต็มที่

การปะทะกันรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลง ยามนี้เขาควบคุมนักรบมังกรดำสามพันคน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มทั่วไปก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ทว่าเขากลับไม่สามารถได้เปรียบขณะที่เผชิญหน้ากับซือเทียนโยว

เห็นได้ชัดว่าถึงแม้ซือเทียนโยวจะไม่ได้เป็นราชันปีศาจ แต่พลังก็อยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

โฮก!

ด้วยการแสดงออกที่เคร่งเครียด มู่เฉินมือก็ประสานด้วยกัน รัศมีจั้นยี่จากนักรบมังกรดำสามพันคนพลุ่งพล่านออกมาพร้อมกับเสียงคำรามมังกรสั่นสะเทือนโลกาดังตามออกมาด้วย

ตู้ม!

วิญญาณสงครามมังกรดำปรากฏขึ้นพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพรูลมปราณก้อนมหึมาที่มีความแปรปรวนทำลายล้างพัดเข้าใส่ซือเทียนโยว

เมื่อซือเทียนโยวที่ห่อหุ่มด้วยรัศมีปีศาจเห็นลมปราณมังกรไหลบ่ามาในทิศทางของตน แววเยาะเย้ยก็ปรากฏบนใบหน้าที่ไร้สีเลือด เขาเปิดปากแสงสีเทาขาวก็ยิงออกมา

“กระดูกดับชีวิต!”

แนวแสงพุ่งออกไป ชั่วลมหายใจก็ก่อตัวเป็นกะโหลกศีรษะสีเทาขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนสามารถกลืนกินพลังทั้งหมดในโลกด้วยปากนี้

ฮา

กะโหลกศีรษะสีเทาเปิดปากดูดลมปราณมังกรที่เข้ามาในทิศทางของเขาในคำเดียว

หลังจากกลืนลมปราณมังกร ลวดลายก็สั่นไหวบนโครงกระดูกสีเทาก่อนที่มันจะค่อยๆ ร่อนลงข้างตัวซือเทียนโยว เปล่งแสงเย็นยะเยือกมองไปที่มู่เฉิน

เมื่อมู่เฉินเห็นการโจมตีถูกแก้ลำอย่างง่ายดาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากแน่น ต้องรู้ว่าเมื่อเผชิญกับลมปราณมังกรแม้แต่หวู่ทงก็ต้องหนีไป แต่ซือเทียนโยวกลับแก้ไขแบบสบาย

ชัดว่าซือเทียนโยวทรงพลังกว่าหวู่ทง

ซือเทียนโยวกอดอกดวงตาที่เต็มไปด้วยรัศมีปีศาจหนาแน่นจ้องมองมาที่มู่เฉิน จากนั้นก็ยิ้มน่าขนพองสยองเกล้า “งัดวิชาที่มีออกมาซะ ข้าจะแสดงให้รู้ว่าอัจฉริยะของมหาพันภพอ่อนด้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับเผ่าปีศาจของข้า”

“จอมทัพมู่ พวกเราร่วมมือกันสังหารไอ้สัตว์นรกนั่นกัน!”

เจียงหลงทะยานเข้ามา สายตาจ้องซือเทียนโยวอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ อึดใจร่างเขาก็ขยายขนาด ไม่กี่วินาทีก็กลายร่างเป็นยักษ์ที่มีเกล็ดมังกรอยู่บนร่าง เขาดูเหมือนมนุษย์มังกรอย่างไรอย่างนั้น

ตู้ม!

เขากระทืบฝ่าเท้า พื้นแตกกระจาย ร่างเขาก็พุ่งเข้าใส่ซือเทียนโยวราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

เมื่อมู่เฉินเห็นการกระทำนี้ก็ไม่ได้หยุดเจียงหลง ซือเทียนโยวท่าทางไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาต้องจับอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้มีสิ่งอื่นเกิดขึ้น สำหรับการต่อสู้แบบยุติธรรม มู่เฉินไม่ได้โง่พอที่จะทำหรอก

ดังนั้นเขาจึงเข้าควบคุมวิญญาณสงครามมังกรดำโดยไม่ลังเล เมื่อวิญญาณคำรามก็สะบัดกรงเล็บไปในทิศทางของซือเทียนโยว

จากการประเมินของมู่เฉิน ซือเทียนโยวน่าจะเทียบเท่ากับระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุด แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้เป็นราชัน ก็ไม่มีอะไรให้มู่เฉินกลัว

เจียงหลงและมู่เฉินเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน กระบวนท่าโจมตีที่ดุเดือดของพวกเขาเป็นสิ่งที่แม้แต่ ซือเทียนโยวยังต้องควบคุมรัศมีปีศาจและกะโหลกศีรษะสีเทาเพื่อต่อต้านการโจมตีที่เข้ามา

เวลานี้ความผันผวนป่าเถื่อนในมิติกวาดอาละวาดรุนแรง รอยฉีกขาดขนาดใหญ่มากมายปรากฏขึ้น พื้นที่ยุบตัวลงในรัศมีการต่อสู้

แม้ว่าซือเทียนโยวจะมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุด เขาก็ถึงกับตึงมือเมื่อเผชิญหน้ากับมู่เฉินและเจียงหลงพร้อมกัน มิหนำซ้ำยังแสดงสัญญาณตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำด้วย

เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้หัวใจก็วูบไหว มู่เฉินชุดดำและชุดขาวเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยทันที กำลังพลที่เพิ่มขึ้น ทำให้แม้แต่ซือเทียนโยวก็ถูกซัดหลายตุ้บ

ใบหน้าของหวู่ทงตื่นตระหนกเมื่อเห็นการต่อสู้ที่น่าตกใจนี้ เขาขวัญหนีดีฝ่อเมื่อซือเทียนโยวปรากฏตัวขึ้น เนื่องจากเขาไม่เคยคิดว่าสมาชิกเผ่าปีศาจต่างมิติจะตามพวกเขามา

นอกจากนี้ความแข็งแกร่งที่น่ากลัวที่ซือเทียนโยวแสดงออกมาก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจับใจ หากต่อสู้แบบตัวต่อตัวคงไม่ถึงสิบกระบวนท่า เขาก็ต้องตายในน้ำมือของซือเทียนโยวแล้ว

“ที่นี่อันตรายเกินไปที่จะอยู่แล้ว”

ใบหน้าของหวู่ทงเปลี่ยนไป เขาเกิดความตั้งใจที่จะถอยหนี ในเมื่อกองทัพมังกรดำครอบครองโดยมู่เฉินแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะช่วยมู่เฉินปะทะกับซือเทียนโยว เนื่องจากเขาหวังว่าพวกมู่เฉินจะตายอยู่ในมือปีศาจต่างมิติด้วยซ้ำ

ตู้ม!

ขณะที่หวู่ทงเกิดความคิดมากมาย ไกลออกไปซือเทียนโยวก็ตบรัศมีจั้นยี่จนแตก ก่อนที่หันไปปะทะกับกำปั้นของเจียงหลงที่ปกคลุมด้วยเกล็ดมังกร

ปัง!

พลังน่าสะพรึงกลัวทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเจียงหลงถอยกลับ ร่างซือเทียนโยวก็สั่นเทา ที่มุมหางตาเขาเห็นมู่เฉินชุดดำและชุดขาวล้อมกรอบเข้ามา แสงเย็นเยือกวูบไหวในดวงตาเขา

เขาอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์ในการปะทะกันครั้งนี้

“สู้กับพวกมันต่อไม่ได้แล้ว”

สายตาของซือเทียนโยวกะพริบวาบ ร่างกายกลายเป็นกลุ่มควันดำก่อนที่จะหายไป เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ห่างออกไปหมื่นจั้ง เขาเงยหน้าขึ้นพ่นเลือดสีดำออกมาจากปาก

เลือดนั้นคล้ายกับลูกธนู พุ่งทะลุขอบฟ้าเข้าหว่างคิ้วของร่างราชันปีศาจ

ตู้ม!

ทันใดนั้นร่างราชันปีศาจก็เบิกตาโพลง รัศมีปีศาจพุ่งสูงขึ้น ซากร่างพุ่งเข้ามาปรากฏตัวที่หลังหวู่ทงแล้วจับหัวอีกฝ่ายไว้

“อ้ากๆๆๆ!”

หวู่ทงตกใจมากกับการโจมตีกะทันหัน เขาร้องตะโกนต่อสู้ดิ้นรนอย่างรุนแรง

แต่ซากร่างก็จับหัวเขาแน่น ด้วยแรงสั่นครั้งเดียวก็ทำให้ศีรษะของหวู่ทงแตกดังโพละ รัศมีปีศาจรุนแรงเทลงไปในร่างกายของหวู่ทง ทำให้ร่างกายเขาแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว

เมื่อมู่เฉินและเจียงหลงเห็นฉากนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ก่อนที่จะออกกระบวนท่าพร้อมกัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดไปในทิศทางซากร่าง

ฟิ้ว!

แขนของราชันปีศาจกระตุกก่อนที่จะโยนร่างหวู่ทงไปทางมู่เฉิน

เมื่อมู่เฉินเห็นร่างหวู่ทงถูกเหวี่ยงกลับมา ดวงตาก็หดลงขณะตะโกนลั่น “ถอยเร็ว!”

เขาเห็นชัดว่าพลังชีวิตของหวู่ทงหายไปหมดพร้อมกับรัศมีปีศาจบิดตัวไปมาใต้ผิวหนัง

ปัง!

เมื่อทุกคนถอยหลบ ร่างหวู่ทงก็ระเบิดออก รัศมีปีศาจกระจายออกมา

ไม่มีใครกล้าที่จะสัมผัสกับรัศมีปีศาจนี้ แต่ละคนถอยฉากหลบอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าๆ ข้าจะจดบัญชีนี้ไว้ เมื่อไรที่ข้าควบคุมศพได้อย่างสมบูรณ์ ข้าจะกลับมาหาแกแน่!” ขณะที่กลุ่มของมู่เฉินถอยไป เสียงเย็นของซือเทียนโยวก็ดังสะท้อนทั่วมิติ

เว้นแต่เสียงอ่อนล้าลงมาก น่าจะเป็นราคาที่เขาจ่ายไปเพื่อควบคุมซากร่างของราชันปีศาจ

“นรกละ มันจะหนีไปแล้ว!” เจียงหลงตะโกนลั่นทันที

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าซือเทียนโยวรวมตัวกับศพราชันปีศาจ ศีรษะของเขาก้มต่ำลง ดวงตาที่เต็มไปด้วยรัศมีปีศาจเขม่นมองมาที่มู่เฉิน

รอยยิ้มโหดร้ายปรากฏบนริมฝีปากของซือเทียนโยว ขณะทำท่าปาดลำคอส่งไปทางมู่เฉินจากระยะไกล

“ครั้งต่อไปที่เจอกัน ข้าฆ่าแกแน่นอน!”

เขาหัวเราะร่าขณะร่างเปลี่ยนเป็นกลุ่มควันอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มศพราชันปีศาจไว้ ก่อนที่จะฉีกมิติเคลื่อนตัวเข้าไปจากนั้นก็หายไป

เมื่อซือเทียนโยวจากไป มิติก็ค่อยๆ สงบลง ทิ้งแค่ความวินาศสันตะโรไว้ให้รู้ว่าเกิดการดวลเดือดขึ้นที่นี่

มองไปในทิศทางที่ซือเทียนโยวหายไป มู่เฉินก็ขมวดคิ้ว

เผ่าปีศาจต่างมิติก็เข้ามาในแดนเซิ่งยวนโบราณ… ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้จะยุ่งยากเข้าแล้ว