ตอนที่ 1403

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“หลิงฮัน เจ้าสังหารบุตรข้า วันนี้เจ้าจะต้องชดใช้!” ชาจิ่งกล่าวอย่างโหดเหี้ยม เขาไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของหลิงฮันก็จริง แต่เขาก็ไม่หวาดกลัวเพราะนึกเพียงว่าพวกเขามีระดับพลังเท่ากัน

เพียงแต่ว่าระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี หลิงฮันจะทัดเทียมเขาได้อย่างไร?

หากเป็นระดับดาราขั้นต้นเหมือนกัน เขามั่นใจว่าตัวเองสามารถเอาชนะหลิงฮันได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่าถึงแม้จะมีกฎห้ามสังหารในเมืองจักรพรรดิ แต่เขาที่เป็นแม่ทัพแถมยังมีความบาดหมางที่อีกฝ่ายสังหารบุตรของเขา เขาจึงกล้าที่สังหารหลิงฮันและอ้างว่าเพื่อมอบความยุติธรรมดาให้บุตรของตน

“ชาหยวนบุตรของเจ้า พยายามสังหารข้าหลายต่อหลายครั้ง ข้าจะสังหารเขาก็ไม่ใช่ความคิดของข้า” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส

“เช่นนั้นเจ้าก็ตายซะ!” แม่ทัพชาโคจรปราณก่อเกิด คลื่นพลังที่เกิดจากการลงมือของปรมาจารย์ระดับดารานั้นน่าสะพรึงกลัวมาก

แรงกดดันอันทรงพลังส่งผลให้ทุกคนรอบข้างทรุดตัวลงกับพื้น มีเพียงไม่กี่คนอย่างจ้าวหลุนที่มีแม่ทัพจ้าวคอยคุ้มครองและหลี่เหว่ยเหว่ยที่มีผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายปกป้องอยู่

กลุ่มของหลิงฮันเองก็มีทั้งเขาและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์คอยคุ้มครอง

“รอก่อน” หลิงฮันสะบัดมือและกวาดสายตามองไปยังผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ชาจิ่งและจ้าวเจี้ยนไป๋พร้อมกับกล่าวออกมา “ในตอนที่ข้ากำลังมุ่งหน้าไปยังนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ข้าถูกไล่ล่าและถูกพังเรือเหาะอวกาศ คนร้ายต้องเป็นหนึ่งในพวกเจ้า”

จอมยุทธระดับดาราที่มีความเกี่ยวข้องกับเขาในตอนนั้นมีไม่มาก จักรพรรดินีแห่งดารากับฉีเชียวเซวี่ยไม่มีแรงจูงใจที่จะทำเช่นนั้น ดังนั้นผู้ต้องสงสัยจึงเหลือเพียงสามคนนี้โดยเฉพาะชาจิ่งกับจ้าวเจี้ยนไป๋

“เหอะ เจ้าคิดว่าตัวเองมีค่าพอให้ข้าลงมือไล่ล่า?” แม่ทัพชากล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

จ้าวเจี้ยนไป๋กับผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน พวกเขามีความหยิ่งยโสในตนเอง แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของหลิงฮัน

หลิงฮันรู้สึกมึนงง เขาจำออร่าของคนร้ายที่ลอบโจมตีเขาได้ซึ่งเป็นออร่าที่แตกต่างกับทั้งสามคนนี้ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามออกไป บางทีคนร้ายอาจจะจงใจเปลี่ยนออร่าของตนเอง เนื่องจากพลังบ่มเพาะที่ต่ำต้อยของเขาในตอนนั้นคนร้ายอาจจะสามารถตบตาเขาได้

แต่ประเด็นก็คือคนร้ายในตอนนั้นมีพลังที่สามารถบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย เหตุใดต้องเปลี่ยนออร่าของตัวเองให้ยุ่งยากด้วย?

“ฮึ่ม ถ่วงเวลาไปก็ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้!” ชาจิ่งกล่าวอย่างเย็นชาและต้องการลงมือแก้แค้นโดยไว

“ช้าก่อน!” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายยื่นมือออกไป “น้องชายชา หลิงฮันเป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะของเรา ตอนนี้เขาก้าวสู้ระดับดาราแล้ว ข้าว่าพวกเราควรจะเป็นมิตรกันไว้ดีกว่า”

“สังหารบุตรของข้ายังคิดจะให้ข้าเป็นมิตรกับมัน?” ชาจิงแสยะยิ้ม ช่าวน่าขัน!

ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายตัดสินใจสร้างความสัมพันธ์กับหลิงฮันเสียใหม่ ระดับดาราที่เยาว์วัยเช่นนี้ย่อมมีอนาคตอันไร้ขีดจำกัด

เขาเคยพลาดมาแล้วครึ่งหนึ่งจึงไม่ต้องการทำพลาดอีกครั้ง

“น้องชายชา ผู้ที่เป็นคนกำหนดทุกอย่างตอนนี้คือข้า ก่อนที่จักรพรรดินีจะเก็บตัวบ่มเพาะพลัง นางได้มอบหมายหน้าที่ดูแลจักรวรรดิให้แก่ข้าและพี่ชายตู้” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายอ้างชื่อของจักรพรรดินีแห่งดาราซึ่งเป็นอาวุธที่สามารถสยบทุกคน

ซึ่งมันก็ได้ผล แม้ทัพชาแสดงท่าทีลังเล จักรพรรดินีคือผู้ที่สามารถทำทุกอย่างได้ตามใจ ก่อนหน้านี้แม้กระทั่งแม่ทัพก็ยังถูกนางสังหาร หากเขาฝ่าฝืนคำสั่งต่อให้เขาเป็นปรมาจารย์ระดับดาราก็ไม่ช่วยอะไร

“พี่ชายหลี่ ไม่ใช่ว่าบุตรของพี่ชายชาก็เป็นคนของจักรวรรดิเราเหมือนกันรึไง?” แม่ทัพจ้าวกล่าว “รุ่นเยาว์ผู้นั้นเป็นเพียงคนของจักรวรรดิที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิของเรา การที่เขากล้าสังหารแม้กระทั่งบุตรของแม้ทัพ หากยังไม่ลงโทษและจะมีกฎเอาไว้ทำไม?”

“ใช่แล้ว!” ชาจิ่งกล่าวเสริมทันที ไม่เพียงแค่คำกล่าวของจ้าวเจี้ยนไป๋จะฟังดูถูกต้อง แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเขาอีกด้วย

“พี่ชายหลี่ ท่านสมควรร่วมมือกับข้าเพื่อจับกุมกบฏผู้นี้” จ้าวเจี้ยนไป๋กล่าวกดดัน ต่อให้หลิงฮันจะก้าวสู่ระดับดาราแล้ว แต่ทุกคนก็มีพลังระดับดาราขั้นต้นเท่ากัน การจะกำราบหลิงฮันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

หากพวกเขาสามคนร่วมกันก็จะสำเร็จง่ายขึ้น

ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเริ่มลังเล เขาต้องการสร้างสายสัมพันธ์กับหลิงฮัน แต่ก็ไม่ต้องการแตกหักกับแม่ทัพทั้งสองเช่นกัน

จะคุ้มค่าจริงๆรึ?

ตอนนี้ถึงแม้เขาจะมีอำนาจอยู่ในมือแต่ก็ยังทัดเทียมกับผู้อาวุโสฝ่ายขวา และเนื่องจากแม่ทัพทั้งเจ็ดไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเขากับผู้อาวุโสฝ่ายขวาจึงมีอำนาจเคียงบ่างเคียงไหล่กัน หากจ้าวเจี้ยนไป๋กับชาจิ่งหันไปอยู่ฝ่ายเดียวกับผู้อาวุโสฝ่ายขวาทั้งคู่ อำนาจของเขาจะถูกผู้อาวุโสฝ่ายขวานำทันที

จะให้ล่วงเกินปรมาจารย์ระดับดาราถึงสองคน… ไม่ค่าค่าเอาเสียเลย

เขาครุ่นคิดก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ “ในเมื่อพวกเจ้ามีความบาดหมางส่วนตัวงั้นก็ตัดสินกันเอาเอง ข้าจะไม่ยุ่ง!”

“ท่านพ่อ!” หลี่เหว่ยเหว่ยไม่สบอารมรณ์ ที่บอกว่าจะไม่ยุ่งหมายความว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้งั้นรึ?

จ้าวเจี้ยนไป๋กับชาจิ่งไม่พอใจเท่าไหร่ แต่เมื่อเพื่อผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไม่คิดจะแทรกแซงอย่างน้อยก็ตัดปัญหาไปได้พอสมควร

พวกเขาทั้งสองเป็นปรมาจารย์ระดับดาราที่โชกโชนประสบการณ์ ส่วนหลิงฮันนั้นเพิ่งทะลวงผ่านระดับดารา พวกเขาที่ร่วมมือกันจะไม่สามารถจัดการหลิงฮันได้รึ?

“หลิงฮัน เจ้ายังไม่คุกเข่ารับโทษอีกรึ! หรือเจ้าจงใจจะให้จักรวรรดิต้าหลิงล่มสลายไปพร้อมกับเจ้า?” จ้าวเจี้ยนไป๋สร้างแรงกดดันให้กันหลิงฮันโดยการอ้างจักรวรรดิต้าหลิง

“ให้ข้าจัดการเอง!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก้าวออกหน้า นางเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับดาราจึงอยากจะทดสอบพลังของตนเอง

“อืม” หลิงฮันพยักหน้า

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พลักฝ่ามือกระแทกกำแพงร้านอาหารลอยกระเด็นก่อนจะก้าวเท้าเหาะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า

อะไรกัน!

ทันทีที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

ไม่ใช้สิ่งใดช่วยเหลือแต่กลับสามารถเหาะเหินกลางอากาศได้… ระดับดารา!

ที่แท้ข้างกายหลิงฮันก็มีปรมาจารย์ระดับดาราอยู่อีกคน สถานการณ์ในตอนนี้ยากที่จะคาดเดาผลลัพธ์เสียแล้ว

Anchor

เซียงเฉิงหยินชะงักด้วยความหวาดกลัว

ทำไมน่ะรึ?

เขากล้าบอกให้ปรมาจารย์สตรีผู้นั้นอยู่ดื่มด้วยกันกับเขา ไม่ใช่ว่านั้นเป็นการแส่หาที่ตายหรอกรึ?

ชาจิ่งและจ้าวเจี้ยนไป๋มีสีหน้าจริงจัง แม้ออร่าของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์จะไม่มั่นคง แค่เห็นก็สามารถบอกได้ว่านางเพิ่งทะลวงผ่านระดับดาราได้ไม่นาน แต่ตราบใดที่ก้าวเท้าเข้าสู่ระดับดาราแล้วอีกฝ่ายก็ไม่อาจประมาทได้เด็ดขาด เพราะอย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นต้นชั้นสูงสุด

“แม่นาง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า เหตุใดต้องเข้ามายุ่งด้วย?” ชาจิ่งกล่าวโน้มน้าว

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์สยายปีกนกอมตะทั้งสองข้างออกมาด้านหลัง ปีกแต่ละข้างมีความยาวพันไมล์ เพียงแค่ปักกระพือเบาๆก็ทำให้ก้อนเมฆสั่นไหวราวกับกำลังเริงระบำ “หลิงฮันคือสามีของข้า!”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของนาง ชาจิ่งก็กล่าวอะไรไม่ถูกทันที

แต่ตัวเขาก็เกิดความรู้สึกอิจฉาริษยาขึ้นมาเช่นกัน ถึงแม้เขาจะเป็นจอมยุทธระดับดาราก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหาภรรยาที่เป็นจอมยุทธระดับดาราเหมือนกัน

“หากเป็นเช่นนั้น พวกเราคงหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันไม่ได้” ชาจิ่งนำกระบี่ออกมา สมบัติชิ้นนี้เป็นอาวุธที่อยู่เคียงคู่เขาในสนามรบมาแล้วไม่รู้นานเท่าไหร่ซึ่งมีเจตจำนงของเขาประทับเอาไว้