ทั้งลานเงียบสนิท ผู้ฝึกปราณที่ดูอยู่ข้างๆ ต่างลอบถอนหายใจ โชคของภิกษุนี่พลิกฟ้าจริงๆ
ราชันมังกรแดงเพิ่งจะซื้อสมบัติชิ้นนั้นไปในราคาห้าพันแกนวิญญาณขั้นสูง หากพวกหนานกงสุ่ยต้องจ่าย ก็รวมเป็นแกนวิญญาณขั้นสูงสี่หมื่นห้าพันก้อนเลยทีเดียว!
ราคานี้ไปซื้อยอดศาสตรามรรคราชันชิ้นหนึ่งยังเหลือเฟือ
แต่ราคาที่หลินสวินจ่าย เพียงแค่ห้าร้อยแกนวิญญาณขั้นสูงเท่านั้น…
กำไรมหาศาลเลย!
ก็ไม่แปลกที่เหล่าผู้ชมจะสะเทือนใจ
ส่วนพวกหนานกงสุ่ยกลับอัดอั้นจนจะกระอักเลือด ทีแรกคิดว่าจับแกะอ้วนมาได้ตัวหนึ่ง รอจะเชือดแทบไม่ไหวแล้ว
ใครจะคิดว่าเรื่องราวกลับพลิกผัน กลับเป็นพวกเขาที่ถูกกรีดเนื้อไปอย่างรุนแรง!
หลินสวินท่าทางรู้สึกผิด “อุ้ย ขอโทษจริงๆ เช่นนั้นเอาอย่างนี้ พวกเจ้าจ่ายแกนวิญญาณขั้นสูงสี่หมื่นก้อนก็พอ ถือว่าเป็นน้ำใจของอาตมา”
“ไม่ต้องห่วง! ที่แพ้เจ้า พวกเราจะจ่ายให้เจ้าโดยไม่ขาดแม้แต่ก้อนเดียว!” หนานกงสุ่ยสีหน้าอึมครึม จะให้ภิกษุรูปหนึ่งมาสงสารได้อย่างไร
เขาขายหน้าไม่ได้หรอกนะ!
ทันใดนั้นพวกเขาแต่ละคนรวบรวมแกนวิญญาณขั้นสูงส่งให้หลินสวินครบจำนวน
ในใจหลินสวินก็อดคิดไม่ได้ว่า นัยน์ตาเฉาเฟิงช่างสมกับที่เป็นวิชาเยี่ยมยอดโดดเด่นและมหัศจรรย์จริงๆ เพียงแค่ใช้ลวกๆ ก็สร้างรายได้ให้ตนถึงสี่หมื่นกว่าแกนวิญญาณขั้นสูง!
“ภิกษุ พวกเราพนันกันต่อ!” หนานกงสุ่ยลอบตัดสินใจแน่วแน่ ขาดทุนขนาดนี้ เขาจะหยุดได้อย่างไร
“ยังพนันอีกหรือ” หลินสวินดูไม่เต็มใจนัก
“ทำไม ชนะไปได้ก็คิดจะเผ่นแล้วหรือ บนโลกนี้มีเรื่องง่ายขนาดนั้นซะที่ไหน วันนี้ไม่เพียงแค่จะพนัน ยังต้องพนันให้ถึงที่สุด ดูว่าใครจะแพ้จนสิ้นเนื้อประดาตัวก่อน!” หนานกงสุ่ยสีหน้าเย่อหยิ่งเย็นชา
ในความคิดของเขา ก่อนหน้านี้หลินสวินเป็นแมวตาบอดที่เจอหนูตาย แต่โชคเช่นนี้ไม่มีทางปรากฏตลอดหรอก
ว่ากันถึงที่สุด การพนันหิน สิ่งที่พนันคือความอดทนและมรรควิถีของแต่ละคน!
ในด้านนี้หนานกงสุ่ยมั่นใจมากว่าจะชนะหลินสวินได้
“พวกเขาก็…” หลินสวินหันมองหนุ่มสาวเหล่านั้น
“วางใจ เพียงแค่ภิกษุอย่างเจ้าไม่ยอมแพ้ พวกข้าก็จะเล่นด้วยจนจบ!” หนุ่มสาวพวกนั้นเองก็กัดฟัน ไม่จำยอมที่ต้องขาดทุนมากขนาดนี้เช่นกัน
ทีแรกว่าจะเชือดแกะอ้วน แต่กลับถูกแกะอ้วนเชือด หากเผยแพร่ออกไปจะต้องขายหน้าอย่างแน่นอน
ทุกคนที่อยู่รอบๆ อดขำไม่ได้ ตระหนักได้ว่าวันนี้หากภิกษุรูปนี้ไม่คายสิ่งที่กินเข้าไปออกมาให้หมด คนอื่นๆ ก็จะไม่วางมืออย่างแน่นอน
“พุทธองค์คุ้มครอง”
หลินสวินกล่าวคำพุทธออกมา สีหน้าเด็ดเดี่ยว “ช่างเถอะ ทุกท่านหลงงมงาย อาตมาเองก็ทำได้เพียงสละตน เป็นผู้โปรด… ชี้นำทุกท่านให้ข้ามทุกข์”
พูดอย่างคล่องปากจนเกือบจะพูดเป็น ‘โปรดสัตว์’
แน่นอนว่ารายละเอียดเล็กน้อยนี้ไม่มีใครใส่ใจ ทุกคนล้วนอยากให้หลินสวินตอบตกลงแล้วดูความครื้นเครงต่อ
การพนันรอบที่สองเริ่มขึ้น
ครั้งนี้หนานกงสุ่ยดูรอบคอบมาก หลังจากเลือกอย่างละเอียด ก็เลือกศิลาอุกกาบาตที่ขนาดเท่าหินโม่มาได้ชิ้นหนึ่ง
และหลินสวินก็เริ่มลังเลขึ้นมาอีกครั้ง แต่ในใจเขากลับกำลังทอดถอนใจ ชีวิตคนราวกับละคร ล้วนต้องพึ่งทักษะการแสดง การเชือดแกะอ้วนก็เป็นงานทักษะอย่างหนึ่ง
สุดท้ายภายใต้การเร่งเร้าของทุกคน หลินสวินก็เลือกศิลาอุกกาบาตที่ได้มาตรฐานก้อนหนึ่ง
การพนันรอบนี้หลินสวินแพ้อย่างรู้ตัว แต่สมบัติที่ผ่าออกมาราคาห่างกันไม่มากนัก จ่ายให้อีกฝ่ายรวมหกพันแกนวิญญาณขั้นสูงเท่านั้น
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ทำให้พวกหนานกงสุ่ยตื่นเต้นขึ้นมา ยิ่งมั่นใจว่าเมื่อครู่ภิกษุรูปนี้แค่โชคดี สำหรับการประเมินหิน เขาด้อยประสบการณ์อย่างแน่นอน!
“พนันอีกหรือ” หลินสวินขมวดคิ้ว
“พูดแล้วว่าในเมื่อพนันก็ต้องพนันให้ถึงที่สุด ภิกษุ เจ้าอย่ายอมแพ้ล่ะ!” หนุ่มสาวเหล่านั้นต่างพูดขึ้น
หลินสวินถอนหายใจ และยอมรับการพนันรอบนี้ตามอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด
สุดท้ายก็แพ้อีกแล้ว
ทว่าแกนวิญญาณที่แพ้ก็ยังคงไม่มาก เพียงเจ็ดพันชิ้นเท่านั้น
พวกหนานกงสุ่ยยิ้มอย่างเบิกบานมาก มั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ย่อมสามารถชนะภิกษุนี่จนหมดตัวได้ไม่เร็วก็ช้า
หลินสวินสีหน้าผิดหวัง ถอนหายใจไม่หยุด
ความจริงในใจเขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ที่แพ้ก็เป็นแค่เหยื่อล่อที่เขาโยนออกไปเท่านั้น จะได้ไม่ชนะจนเกินเหตุ ทำแกะอ้วนฝูงนี้ตกใจจนวิ่งหนี
หลังจากนั้นการพนันรอบที่สี่ รอบที่ห้า รอบที่หก… หลินสวินล้วนแพ้ทั้งหมด
สี่หมื่นแกนวิญญาณขั้นสูงที่ชนะมาในตอนแรกก็คืนสู่เจ้าของเดิมทั้งหมด
สถานการณ์แพ้ทุกรอบเช่นนี้ทำให้ผู้ชมต่างทนดูไม่ได้ อนาถเกินไปแล้ว หากภิกษุนี่แพ้ต่อไป สุดท้ายจะต้องแพ้จนไม่เหลืออะไรติดตัวกลับไปแน่!
หลินสวินในตอนนี้หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าอึมครึมบิดเบี้ยว ท่าทางดูฝืนทน
แต่พวกหนานกงสุ่ยชนะจนสบายใจไปตั้งนานแล้ว จะยอมหยุดได้อย่างไร พลันเรียกร้องจะพนันต่อ
หลินสวินพูดอย่างหงุดหงิด “ทุกท่าน พวกเจ้าจะจัดการให้สิ้นซากเลยหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้พวกเราพนันกันอีกตาเดียวแล้วตัดสินแพ้ชนะเลยเป็นอย่างไร”
พูดแล้วเขาก็หยิบถุงเก็บของออกมาพร้อมพูดว่า “ข้างในมีสี่หมื่นแกนวิญญาณขั้นสูง หากข้าแพ้ นี่เป็นของพวกเจ้าทั้งหมด หากพวกเจ้าแพ้ แต่ละคนก็ต้องจ่ายแกนวิญญาณในราคาเทียบเท่ากันเป็นอย่างไร”
เขาตรวจสอบแล้ว ด้วยศิลาอุกกาบาตมากมายในพื้นที่แห่งนี้ ไม่สามารถชนะอีกฝ่ายจนสิ้นเนื้อประดาตัวได้ในครั้งเดียว
จึงขุดหลุมพรางทุกก้าว ยื่นข้อเสนอนี้ในเวลานี้
“น่าขัน เจ้าแพ้เสียแค่สี่หมื่น พวกเราแพ้กลับต้องเสียคนละสี่หมื่น บนโลกนี้มีเรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้นซะที่ไหน” พลันมีคนไม่เต็มใจ
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าใช้สิ่งนี้เป็นของเดิมพัน หากแพ้ มันจะตกเป็นของพวกเจ้า!” หลินสวินกัดฟัน หยิบหญ้าวิญญาณสีแดงราวกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนต้นหนึ่งออกมา
ทันทีที่ปรากฏ กลิ่นหอมกรุ่นสดชื่นก็แผ่กระจายออกมา ราวกับสามารถซึมเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างเผยสีหน้าหลงใหลออกมา
โอสถราชัน!
และยังเป็นโอสถราชันที่มหัศจรรย์อย่างหาที่เปรียบมิได้ต้นหนึ่ง!
ผู้ฝึกปราณในลานต่างคอแห้ง สายตาร้อนระอุ คิดไม่ถึงเลยว่าภิกษุรูปนี้จะมีหญ้าวิญญาณวิเศษที่ล้ำค่ายิ่งเช่นนี้
แต่น่าเสียดาย ตอนที่พวกเขาหมายจะพินิจอย่างละเอียด หลินสวินก็เก็บไปแล้ว
ครั้งนี้เพื่อเชือดอีกฝ่ายอย่างเจ็บแสบ เขาก็ทุ่มสุดตัวเช่นกัน
พวกหนานกงสุ่ยต่างหวั่นไหว สมบัติหายากอย่างโอสถราชันอาจวัดราคาได้ แต่กลับมีขายน้อยมาก แม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมขาย!
หากได้โอสถราชันต้นหนึ่งจากการพนันในครั้งนี้ ย่อมเป็นผลเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
“ภิกษุ เจ้าแน่ใจหรือ” หนานกงสุ่ยพูดเสียงต่ำ
“พี่หนานกง เจ้าหมอนี่กำลังสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา เพื่อให้พวกเราตกใจจนถอยหนี เขาจึงจะมีโอกาสหลุดพ้นไปได้ จะให้เขาสมปรารถนาไม่ได้เด็ดขาด” หนุ่มสาวพวกนั้นต่างโวย พวกเขาเองก็ริษยา ละโมบในโอสถราชันของหลินสวินเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นจากการพนันก่อนหน้านี้ พวกเขารับรู้ได้ว่าภิกษุรูปนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการประเมินหินคืออะไร
ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาย่อมมั่นใจเต็มเปี่ยม
ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ก็อิจฉาตาร้อน อยากเข้าร่วมมาก แต่เพราะอำนาจของหนานกงสุ่ย พวกเขาจึงทำได้แค่คิดในใจ
“กลัวงั้นหรือ อาตมาฝึกปราณมาถึงวันนี้ ไม่เคยให้ความสำคัญกับของนอกกายพวกนี้อยู่แล้ว จะกลัวได้อย่างไร” หลินสวินแค่นเสียงเย็น
“ดี งั้นพวกเราพนันกันอีกตา ตัดสินแพ้ชนะในคราเดียว!” หนานกงสุ่ยกัดฟันตัดสินใจ
“พวกเจ้าล่ะ” หลินสวินหันมองหนุ่มสาวเหล่านั้น
“ไร้สาระ แน่นอนว่าพนัน!” พวกเขาตอบอย่างไม่ลังเล
การเดิมพันครั้งใหญ่ยังไม่ทันเริ่มขึ้น ก็มีผู้ฝึกปราณมากมายจากบริเวณอื่นถูกดึงดูดมาแล้ว
ทันใดนั้นบริเวณนี้พลันกลายเป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในงานประเมินหิน ผู้คนแน่นขนัด
โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินหลินสวินบอกว่าจะเดิมพันด้วยโอสถราชันต้นหนึ่ง เสียงเกรียวกราวและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยิ่งดังอย่างไม่ขาดสาย ฮือฮาไม่หยุด
“เริ่มเถอะ!”
หนานกงสุ่ยเคลื่อนไหว เขาดูรอบคอบและจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ต้องชนะอย่างสวยงามจะได้ไม่ถูกครหาว่าเขาเอาเปรียบโอสถราชันต้นนั้น
หลินสวินมองเงียบๆ ในตอนนี้เขาไม่คิดจะทำตัวดึงดูดสายตาเกินไป เพียงแค่ชนะอีกฝ่ายเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
ทุกคนในลานต่างตื่นเต้นขึ้นมา
มีผู้เชี่ยวชาญที่ชำนาญการประเมินหินสังเกตการณ์อยู่ แต่ไม่มีใครเตือน นี่คือกฎ
ตอนที่เห็นหนานกงสุ่ยเลือกศิลาอุกกาบาตที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป รูปร่างคล้ายแตงโม พวกเขาต่างอดลอบพยักหน้าไม่ได้
ในบริเวณนี้มีศิลาอุกกาบาตนับร้อยชิ้นกระจัดกระจายอยู่ แต่ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญ ที่หนานกงสุ่ยเลือกเป็นชิ้นที่คุณลักษณดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ภิกษุนั่นแย่แน่!
เพราะหากพูดถึงคุณลักษณะ ศิลาอุกกาบาตอื่นๆ ล้วนไม่สามารถสู้กับก้อนที่หนานกงสุ่ยเลือกได้!
ทันใดนั้นสายตาที่พวกเขามองหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นเย้ยหยันขึ้นมา ลอบถอนหายใจในใจ เสียดายโอสถราชันต้นนั้น
ในเวลาเดียวกันหลินสวินเองก็อึ้งไป ภายใต้การตรวจจับของนัยน์ตาเฉาเฟิง แน่นอนว่าเขาเองก็ดูความลึกลับภายในออก
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าหนานกงสุ่ยนี่ก็ถือว่าสุดยอด เลือกศิลาอุกกาบาตชิ้นที่คุณลักษณะดีที่สุดได้อย่างแม่นยำ
ข้างในของหินนี้มีกลิ่นอายจิตวิญญาณพลุ่งพล่าน ผนึกดักแด้สีดำล้วนตัวหนึ่ง ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หากหลินสวินเดาไม่ผิด นี่คงจะเป็น ‘ผีเสื้อมารแยกฟ้า’ ตัวหนึ่ง มีศักยภาพแฝงที่เหลือเชื่อ ในสมัยบรรพกาลก็เคยมีผีเสื้อมารแยกฟ้าที่ก้าวสู่ระดับอริยะ กระพือปีกเบาๆ ก็ตัดหมื่นท้องฟ้า อานุภาพน่ากลัวอย่างที่สุด
ทว่าผีเสื้อมารแยกฟ้าในหิน หากไม่ผ่านขั้นตอนแปรรังไหมเป็นผีเสื้อ ก็เป็นเพียงแค่หนอนตัวหนึ่งเท่านั้น
“ภิกษุ ตาเจ้าแล้ว!” หนานกงสุ่ยหวนกลับมาด้วยความมั่นใจอย่างที่สุด
หลินสวินเดินเข้าไป แสร้งทำเป็นลังเลอยู่นาน แล้วจึงเลือกศิลาอุกกาบาตชิ้นหนึ่งกลับมาเงียบๆ
แต่พอเห็นภาพนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างเผยสีหน้าผิดหวัง พวกเขาดูออกแล้วว่า ในศิลาอุกกาบาตที่หลินสวินเลือกไม่มีทางปรากฏสมบัติล้ำค่าใดแน่
สถานการณ์ถูกกำหนดแล้ว!
หนานกงสุ่ยเองก็สังเกตเห็นเบื้องลึกของศิลาอุกกาบาตที่หลินสวินเลือก มุมปากอดเผยยิ้มเย่อหยิ่งไม่ได้ พลันพูดกับเจี่ยเจิ้งว่า “เริ่มผ่าหินเถอะ เพื่อให้สหายยุทธ์มู่เจิ้งผู้นี้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ เริ่มจากศิลาอุกกาบาตของเขาก่อนก็ได้”
“ไม่จำเป็น” หลินสวินท้วงเถียง แต่กลับทำให้หลายคนเวทนา คิดว่าเขากำลังดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์
ไม่นานศิลาอุกกาบาตของหลินสวินก็ถูกผ่าออก ข้างในเป็นเพียงแค่หญ้ากาวิญญาณต้นหนึ่ง รูปร่างราวกับกาน้ำ ภายในมีจักรวาล เป็นโอสถวิญญาณชั้นยอดที่หลอมชำระพลังจิตวิญญาณ นับว่าล้ำค่า แต่มูลค่าสูงสุดก็เพียงราวๆ เจ็ดร้อยแกนวิญญาณขั้นสูงเท่านั้น
หนุ่มสาวเหล่านั้นหัวเราะเกรียวกราว “ไม่เลวนะภิกษุ ครั้งนี้กลับผ่าสมบัติชั้นดีออกมาได้”
ผู้ฝึกปราณที่ดูอยู่ถอนหายใจ ภิกษุรูปนี้ถูกเชือดแน่แล้ว ไม่เพียงแค่เสียสี่หมื่นแกนวิญญาณขั้นสูง ยังต้องเสียโอสถราชันอีกต้นด้วย
………………