บทที่ 904 เดี๋ยวข้าจัดให้ตามที่ขอ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 904 เดี๋ยวข้าจัดให้ตามที่ขอ

ในส่วนลึกของดวงตาตู้กู่จิงหงเป็นประกายตื่นตระหนกขึ้นมาวูบหนึ่ง

แต่ประกายตื่นตระหนกนั้นก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้อ องค์หญิงไม่รู้อะไรเสียแล้วขอรับ”

ชายชราเสแสร้งแกล้งถอนหายใจด้วยความอับอาย “นับตั้งแต่ที่มารดาของนางเสียชีวิต ข้าเลี้ยงดูบุตรสาวด้วยความตามใจมากเกินไป สุดท้ายนางกลับกลายเป็นเด็กสาวนิสัยเสีย ยินยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อบุรุษที่นางหลงรัก และเกือบจะทำให้ข้าต้องช้ำใจตายหลายครั้ง ในวันนั้น พวกของกู่เทียนเล่อ… ไม่ใช่สิ พวกของหลินเป่ยเฉินบุกมาถึงสำนักแสงตะวัน บุตรสาวของข้าก็ใช้โอกาสนี้หลบหนีออกไปพร้อมกับพวกของหลินเป่ยเฉิน บัดนี้ ข้ายังไม่สามารถนำตัวนางกลับคืนมาได้เลย เพราะฉะนั้น… เกรงว่าคงต้องทำให้องค์หญิงผิดหวังแล้วขอรับ”

อวี่เค่อยิ้มแย้มแจ่มใส ตอบว่า “ไม่เป็นไร ตราบใดที่ท่านลุงตู้กู่อนุญาต ข้าจะส่งคนไปนำตัวท่านพี่อู๋อิงกลับมาเอง”

ตู้กู่จิงหงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะกล่าว “แต่นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของข้าน้อย ข้าน้อยไม่อยากรบกวนองค์หญิง”

อวี่เค่อกอดรัดตุ๊กตาแนบแน่นและตอบว่า “ท่านลุงตู้กู่เป็นวีรบุรุษของจักรวรรดิจี้กวง บัดนี้มีป้ายพลเมืองกิตติมศักดิ์อยู่ในการครอบครอง เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ทำไมข้าจะทำเพื่อท่านไม่ได้?”

ตู้กู่จิงหงยังคงส่ายศีรษะปฏิเสธ “หากมีคนรู้ว่าบุตรสาวของข้าน้อยเกี่ยวข้องกับองค์หญิง ข้าน้อยเกรงว่าอาจจะเกิดคำนินทาขึ้นมาได้ และอาจมีผู้คนของจักรวรรดิเป่ยไห่จับพิรุธได้ว่าข้าทำงานให้กับทุกท่าน และนั่นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการหลังจากนี้ของพวกเราก็ได้นะขอรับ”

อวี่เค่อยิ้มกว้างจ้องมองชายชรา “ไม่เป็นไร ในนครหลวงแห่งนี้มีคนของข้าอยู่มากมาย ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเขาทำงานให้กับเรา อีกอย่าง ขอแค่ปิดบังตัวตนเป็นอย่างดี เรื่องนี้ย่อมไม่มีคนรู้”

ตู้กู่จิงหงจำใจต้องพยักหน้าเห็นด้วย “หากองค์หญิงสามารถนำตัวบุตรสาวของข้าน้อยกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้ ข้าน้อยก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

“อิอิ ท่านลุงตู้กู่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะต้องพาตัวนางกลับมาให้ได้อย่างแน่นอน”

อวี่เค่อยิ้มอ่อนหวานและให้คำสัญญา

ตู้กู่จิงหงประสานมืออำลาและหมุนตัวเดินจากไป

เมื่อเห็นผู้อาวุโสลู่ล่ายและตู้กู่จิงหงหายลับไปจากสายตาแล้ว องค์ชายอวี่ก็หันมามองหน้าบุตรสาวของตนเอง “ดูเหมือนเจ้าจะไม่เชื่อใจเขา?”

อวี่เค่อยังคงกอดตุ๊กตาหมีอยู่ในอ้อมอก “ข้าเชื่อว่าคนเป็นบิดาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อบุตรสาวของตนเอง”

องค์ชายอวี่พยักหน้าอย่างใช้ความคิด ก่อนจะหันไปสั่งกับเว่ยชงเฟิงว่า “ส่งคนไปตามหาตัวบุตรสาวของประมุขตู้กู่เดี๋ยวนี้ และหาทางนำตัวนางมาที่สถานทูตของพวกเราโดยเร็วที่สุด”

“ข้าน้อยรับคำบัญชา”

เว่ยชงเฟิงรีบรับคำสั่งเร็วไว

นี่คือครั้งแรกที่องค์ชายอวี่มอบภารกิจให้กับเขาตั้งแต่ที่เดินทางมาถึงนครหลวง

เว่ยชงเฟิงรู้แล้วว่าวิกฤตของตนเองผ่านพ้นไปแล้ว

จวนตระกูลหวง

จวนแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล นอกจากมีศาลานั่งเล่นหลายแห่ง ยังมีลำธารขนาดใหญ่ไหลรินไปตามเส้นทางอันคดเคี้ยว บริเวณโดยรอบที่พักปลูกต้นไม้เขียวขจี ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหนของปี ที่นี่ก็ยังมีดอกไม้งามเบ่งบานให้ได้รับชมเสมอ

จวนตระกูลหวงเป็นสถานที่ที่สวยงาม

นี่คือที่อยู่อาศัยของหวงซืออวี่ ผู้เป็นหัวหน้ากรมกองรักษาความปลอดภัยประจำนครหลวง สถานะของเขาสูงส่งเกินที่ผู้ใดจะคาดคิด แม้แต่ในช่วงฤดูหนาว จวนที่พักของเขาก็ยังได้รับการสร้างค่ายอาคม เพื่อให้พื้นที่ด้านในมีความอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ

บัดนี้มีงานเลี้ยงจัดขึ้นที่จวนตระกูลหวง

ทว่า ผู้เป็นเจ้าภาพอย่างหวงซืออวี่ กลับไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เป็นตำแหน่งสำคัญที่สุด

ปีนี้หวงซืออวี่มีอายุได้ 53 ปีแล้ว

เขามีร่างกายสันทัด ใบหน้าทรงกลม ผิวขาว ปราศจากหนวดเครา ใบหน้าประดับรอยยิ้ม ดูเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจดี ยากที่จะนึกได้ว่าหวงซืออวี่คือหนึ่งในกลุ่มองครักษ์หลวงที่มีฝีมือแข็งแกร่งมากที่สุดประจำเมืองเป่ยไห่

“กราบเรียนใต้เท้าเว่ย ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ นับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป หลินเป่ยเฉินจะกลายเป็นตัวชั่วร้ายในสายตาของทุกคน เขาจะกลายเป็นคนทรยศขายชาติ ใต้เท้าไม่ต้องเป็นกังวล…”

หวงซืออวี่ยิ้มแย้มเอาใจชายหนุ่มผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ควรจะเป็นที่นั่งของเขา

ชายหนุ่มพยักหน้าตอบว่า “ข้าจะรอฟังข่าวดี”

บุรุษหนุ่มผู้นี้มีอายุ 24 ปี ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสัน แววตามุ่งมั่น คิ้วหนาดกดำ สีหน้าดุดันแสดงความร้ายกาจตลอดเวลา เพียงสบตามองผู้ใด ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายหัวใจวายตายได้แล้ว

กลุ่มคนที่มาปรากฏตัวในงานเลี้ยงของหวงซืออวี่ ล้วนแต่เป็นบุคคลมีชื่อเสียง

ตัวอย่างเช่น ในกลุ่ม 66 องครักษ์แห่งนครหลวง ไม่ว่าจะเป็นหม่าเฉียนหลี่ เยว่เมิ่งเว่ย จางอี้ เว่ยเฉิงหลง เกาเฟินเจี๋ย ไป๋หนงเถา หลิวกวงเว่ย เซี่ยซูอิง และคนอื่น ๆ ต่างก็มาปรากฏตัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

สมาชิกในกลุ่ม 66 องครักษ์แห่งนครหลวงต่างก็มีกองกำลังเป็นของตนเอง ทุกคนถือเป็นยอดฝีมือที่มีพลังการต่อสู้แข็งแกร่ง แม้สถานะทางการเมืองจะมีตำแหน่งเป็นเพียงขุนนางระดับสี่ แต่ทุกคนกลับมีปากมีเสียงสามารถพูดจาได้เทียบเท่ากับขุนนางระดับสอง

นอกจากนี้ก็ยังมีขุนนางใหญ่อีกหลายท่าน อาทิ ชินอวี้หมิน หัวหน้ากองลาดตระเวนประจำนครหลวง เขาถือเป็นมือปราบรุ่นใหม่ที่สร้างชื่อเสียงได้เป็นหนึ่งใน 20 ดาวเด่นแห่งจักรวรรดิ ณ ปัจจุบัน

ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังมีหนี่ซานเหยียนและหลี่อวี้ชุน พวกเขาต่างก็มีตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีกรมโยธา อีกทั้งตระกูลหนี่และตระกูลหลี่ยังถือเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่แห่งจักรวรรดิเป่ยไห่ พวกเขาถือเป็นความหวังใหม่ประจำตระกูลด้วยกันทั้งคู่

และแขกผู้ร่วมงานส่วนที่เหลือต่างก็เป็นขุนนางระดับสี่ขึ้นไปทั้งสิ้น

ทุกคนล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจในนครหลวง

แต่ที่พวกเขามารวมตัวกันในจวนตระกูลหวงวันนี้ ก็เพราะเหตุผลเดียวเท่านั้น…

ตระกูลเว่ย

ใช่แล้ว

พวกเขาล้วนเป็นคนของตระกูลเว่ยที่คอยทำงานรับใช้อยู่ในนครหลวง

“หลังจากหลินเป่ยเฉินมาถึงนครหลวง เขาคงหลงดีใจเป็นนักหนา คิดว่าตนเองสร้างวีรกรรมโดดเด่น เหอเหอเหอ แต่ความจริงนั้น ในสายตาของคุณชายเว่ย นี่กลับเป็นเพียงเรื่องตลกบทหนึ่งเท่านั้น….”

“การทำลายสถานทูตของจักรวรรดิจี้กวงเป็นเรื่องที่น่ายกย่องก็จริง แต่นี่ไม่ต่างจากการดื่มยาพิษดับกระหาย นอกจากส่งผลเสียต่อตัวเองแล้ว ยังส่งผลดีต่อพวกเราอีกด้วย”

“ฮ่าฮ่า ข้าอยากรู้นักว่าเขาจะปลอมตัวเป็นกู่เทียนเล่อได้อีกนานสักแค่ไหน”

“ได้ข่าวว่าเขาเป็นผู้มีพลังระดับเซียนขั้นเหรียญทองแดงเองนะ”

“ชักอยากเห็นการเดินขบวนของกลุ่มผู้ประท้วงแล้วสิ”

“ถูกต้อง ข้าเองก็รอคอยอยู่เช่นกัน หลังจากภาพลักษณ์หลินเป่ยเฉินเสียหาย อยากรู้จริง ๆ ว่าองค์จักรพรรดิยังจะเลือกปกป้องเขาอยู่อีกหรือไม่?”

“เฮอะ ให้องค์จักรพรรดิปกป้องเขาเถอะ นั่นยิ่งเป็นผลดีต่อพวกเรา แรงกดดันของประชาชนจะยิ่งมีต่อราชวงศ์มากยิ่งขึ้น ใต้เท้าเว่ย พวกเราพร้อมรับคำสั่งจากท่าน ไม่ว่าสิ่งใดพวกเราจะทำตามทุกประการ”

“คิดไม่ถึงเลยว่าองค์จักรพรรดิยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมดหวังมากเท่านั้น…”

“เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าบัดนี้ราชวงศ์เป่ยไห่หมดสภาพแล้ว”

“จริงด้วย นครหลวงจบสิ้นแล้ว องค์จักรพรรดิจบสิ้นแล้ว ฮ่าฮ่า!”

“แม้แต่เทพีกระบี่ก็ทรงทอดทิ้งราชวงศ์เป่ยไห่แล้วไม่ใช่หรือ?”

กลุ่มขุนนางใหญ่เมื่อดื่มสุราเข้าไปมากมายก็พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น พวกเขาถึงกับไม่เห็นองค์จักรพรรดิอยู่ในสายตา เนื่องจากคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของตนเองหมดสิ้น

“อีกอย่างนะ ประมุขหวง ท่านจัดการเรื่องบุตรสาวของสำนักแสงตะวันได้หรือยัง? หากยังไม่มีสิ่งใดคืบหน้า ข้าก็ไม่รู้จะกลับไปอธิบายต่อท่านเสนาบดีไต้อย่างไรอีกแล้ว”

ชินอวี้หมินแห่งกองลาดตระเวนถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เรื่องนี้…”

หวงซืออวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ได้โปรดกราบเรียนให้เสนาบดีไต้รับทราบว่า เรื่องราวนี้จัดการได้ไม่ง่ายอย่างที่คิด แผนการที่พวกเราคิดจัดการกับตู้กู่จิงหงต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว แต่ได้โปรดมั่นใจ ข้าส่งคนไปจับตามองทุกฝีก้าว อีกไม่ช้าก็เร็ว พวกเราจะต้องได้ตัวนางมาอย่างแน่นอน”

ชินอวี้หมินพยักหน้า ตอบว่า “ท่านเสนาบดีไต้ให้ความสำคัญกับการเดินขบวนวันพรุ่งนี้เป็นอย่างมาก ท่านถึงกับแอบส่งกำลังพลเข้าไปแฝงตัวไม่ใช่น้อย การจับตัวเด็กสาวในครั้งนี้ ท่านจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด”

หวงซืออวี้ยิ้มและพยักหน้ารับทราบ “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง บุตรสาวของสำนักแสงตะวันเปรียบดั่งนกน้อยในกรงทอง ไม่ช้าก็เร็ว นางจะต้องไปอยู่ในกำมือของท่านเสนาบดีไต้แน่นอน”

ทันใดนั้น ชินอวี้หมินยิ้มออกมาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “อ้อ จริงด้วยสิ สองสาวรับใช้ประจำตัวหลินเป่ยเฉินก็น่าสนใจไม่แพ้กัน”

“เข้าใจแล้ว”

หวงซืออวี้ยังคงยิ้มแย้มสบายใจ “เดี๋ยวข้าจัดให้ตามที่ขอ”