หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1318 บรรลุ

ราตรีกาลล้อมรอบสวรรค์และโลกราวกับฉากฝัน

เกล็ดหิมะโปรยปรายลงสู่พื้นดินซึ่งบรรจุความเย็นที่ไม่อาจจินตนาการได้ แม้แต่พื้นดินก็ยังมีชั้นน้ำแข็งปกคลุมอยู่

กระทั่งคลื่นหลิงในบริเวณนี้ยังแสดงสัญญาณการถูกแช่แข็งโดยเกล็ดหิมะ

เงาร่างกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ในถ้ำโดยมีไข่มุกสีแดงเข้มลอยอยู่ระหว่างพวกเขาดูเหมือนภูเขาไฟ ทำให้อุณหภูมิที่นี่สูงขึ้น ขับไล่ความเย็นที่อยู่ในถ้ำออกไป

นอกจากนี้บริเวณปากถ้ำยังมีค่ายกลปรากฏให้เห็นเลือนราง ช่วยต่อต้านการรุกรานจากความเย็นเช่นกัน

“หิมะที่นี่ครอบงำมาก”

มู่เฉินมองเกล็ดหิมะที่อยู่ด้านนอกถ้ำก็อดพูดออกมาไม่ได้ ตอนที่พวกเขาออกจากขุมทรัพย์ภูตผีเสื้อโอสถเมื่อวันก่อน พวกเขาโชคร้ายพบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติเข้า ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาที่พักพิงชั่วคราว

“นี่คือหิมะสะท้านวิญญาณว่ากันว่าสามารถตรึงได้กระทั่งวิญญาณของผู้คนไว้ได้” เวินชิงเฉวียนยิ้มจากนั้นก็ชี้ไปที่ไข่มุกสีแดงเข้ม “โชคดีที่ข้าเตรียมมุกไฟวิญญาณมา ไม่งั้นต่อให้เข้ามาหลบในถ้ำ เราก็ต้องใช้คลื่นหลิงอย่างต่อเนื่องเพื่อขับไล่ความหนาวเย็น”

มู่เฉินพยักหน้า หากเวินชิงเฉวียนไม่ได้เตรียมตัวมาละก็ พวกเขาก็ต้องใช้วิธีที่เสียแรงมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อพลังอย่างไม่ต้องสงสัย

“เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” ลั่วหลีมองไปที่มู่เฉิน ศีรษะเอียงลงเล็กน้อย เรือนผมพาดลงมาราวกับน้ำตกพร้อมกับรอยยิ้มระบายบนใบหน้า ความงามไร้ที่ตินี้เหมือนทำให้แม้แต่แสงสว่างทั่วถ้ำยังเพิ่มขึ้นเลยทีเดียว

“ลั่วหลี เจ้าสวยขึ้นอีกแล้ว!”

มู่เฉินไม่อาจละสายตาจากนางไปได้ พวกเวินจื่อหยู่ถึงกับไม่กล้ามองลั่วหลีตรงๆ ส่วนเวินชิงเฉวียนกลับโน้มตัวไปข้างหน้าเงียบๆ แอบคว้าเอวของลั่วหลีไว้ ดวงตายิ้มหยี

สัมผัสได้ถึงการกระทำนี่ ลั่วหลีก็กลอกตามองเวินชิงเฉวียน ก่อนที่จะสะบัดนิ้วอย่างเบามือแกะมือเวินชิงเฉวียนออก

“ทำไมเขาโชคดีแบบนี้” เวินชิงเฉวียนถอนมือออกก่อนที่จะพูดอย่างเฉื่อยเนือย “เป้าหมายต่อไปของเราคือเมืองหนึ่งในแดนเซิ่งยวนโบราณ ตามแหล่งข่าวที่นั่นเป็นจุดรวมตัว ดังนั้นจะต้องมีหลายกลุ่มรวมตัวกันอยู่ที่นั่นแน่นอน”

“โอ้?” มู่เฉินหดตาลงถามว่า “เราสามารถซื้อข้อมูลที่ต้องการได้ไหม?”

ข้อมูลที่เขากำลังมองหาชัดว่าเกี่ยวข้องกับเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิง

เวินชิงเฉวียนพยักหน้า “ย้อนกลับไปในแดนเซิ่งยวนโบราณ มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสี่คนสละชีพที่นี่ นอกจากนี้มรดกของพวกเขายังเป็นสิ่งหายากที่สุด แม้ว่าจะมีข้อมูลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครสามารถได้รับมรดกของพวกเขาไปได้”

“จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ มรดกของจอมยุทธ์ทั้งสี่นั้นไม่มีที่ตั้งแน่นอน พวกมันเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา”

“เคลื่อนไหว?” มู่เฉินขมวดคิ้ว หากนั่นเป็นเรื่องจริงความยากลำบากในการค้นหาจะยิ่งยากกว่าเดิม

“ดังนั้นเราต้องไปที่จุดรวมตัวก่อน เนื่องจากที่นั่นเป็นจุดแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วย ทุกกลุ่มจะมุ่งหน้าไปหลังจากผ่านการผจญภัยสั้นๆ เราน่าจะได้รับข้อมูลบางอย่าง” เวินชิงเฉวียนกล่าว

มู่เฉินพยักหน้า หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ควรไปยังจุดรวมตัว มิฉะนั้นคงยากจะได้ผลลัพธ์จากการคลำทางทั่วมั่วไปเอง

แต่ถ้าเป็นไปตามที่เวินชิงเฉวียนพูด จุดรวมตัวจะต้องเป็นสถานที่วุ่นวายแน่ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสามกลุ่มของเผ่าฝูถูจะไปที่นั่นเช่นกัน

ในบรรดาสามกลุ่มนั้นเฉวียนหลัวและมั่วซินไม่ได้เป็นมิตรกับเขา ดังนั้นหากพบกันอาจเกิดการต่อสู้ก็เป็นได้

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้ หากเฉวียนหลัวและมั่วซินมองเขาเหมือนพวกขี้แพ้ เขาก็ไม่รังเกียจอะไรที่จะสั่งสอนบทเรียนให้อีกฝ่าย

“ตอนนี้สามารถลองยาเซิ่งหวาสักหน่อย”

แม้ว่าเขาจะไม่กลัวอีกฝ่าย แต่มู่เฉินไม่ใช่คนประมาท แม้แต่สิงโตยังต้องใช้กำลังเต็มที่ในการตะครุบกระต่าย ไม่ต้องพูดถึงเฉวียนหลัวและมั่วซินที่ไม่ใช่พวกจัดการง่ายๆ ดังนั้นเป็นการดีที่สุดที่เขาจะใช้ยาเซิ่งหวาเพื่อบรรลุอีกขั้นของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก่อนจะไปยังจุดรวมตัว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาบอกคนอื่นสั้นๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปยังโถงอีกฝั่งของถ้ำซึ่งถูกสร้างขึ้น

“เราก็ต้องพัฒนาเช่นกัน”

มองร่างเงามู่เฉิน เวินจื่อหยู่และหลงเซี่ยงก็ลุกขึ้นยืน พูดอย่างเร่งร้อน

พวกเขาได้รับเม็ดยาเซิ่งหลิงมา ตราบใดที่กลืนเม็ดยาแล้วชำระ ด้วยการสั่งสมพลังมานานของพวกเขา คงไม่เป็นเรื่องยากที่จะเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแท้จริง

การปะทะกันที่เกิดขึ้นในขุมทรัพย์ ทำให้พวกเขาตระหนักว่าขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มปกป้องตนเองในแดนเซิ่งยวนโบราณก็เต็มกลืนแล้ว หากพวกเขาต้องการที่จะช่วยพรรคพวกก็ต้องบรรลุระดับที่สูงยิ่งขึ้น

“ต้องรบกวนพวกเจ้าคุ้มกันด้วย”

ลั่วหลียิ้มให้เวินชิงเฉวียนและหลิงซีก่อนปลีกตัวเข้าโถงถ้ำอีกแห่ง นางได้รับยาเซิ่งหวามาจากมู่เฉิน ซึ่งนี่ก็มีความสำคัญกับนางเช่นกัน

เนื่องจากร่างเทพวารีที่นางฝึกฝนเป็นร่างเทห์สวรรค์ลำดับสูงในทำเนียบการจัดอันดับ!

ขณะที่แต่ละคนแยกย้ายกันไป ถ้ำก็เงียบลง เวินชิงเฉวียนและหลิงซีแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนจะยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสองปิดตาลงเข้าสู่สมาธิเช่นกัน

ในโถงถ้ำขนาดใหญ่

มู่เฉินนั่งลงเงียบๆ พร้อมกับยาผลึกอัญมณีลอยอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมเล็ดลอดออกมา ทำให้พลังงานหลิงภายในโถงถึงกับกระเพื่อมไหว

มู่เฉินมองยาเซิ่งหวาก็สูดหายใจลึกๆ ทันใดนั้นมือของเขาก็ประสานกันวาดตราประทับขึ้น ริ้วแสงหลิงพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย ร่างสีม่วงทองขนาดหลายร้อยจั้งก็ควบแน่นอย่างรวดเร็วที่ข้างหลัง

เม็ดยาเซิ่งหวาสามารถเพิ่มศักยภาพของวิชาต่างๆ เข้าสู่อีกระดับหนึ่ง ถ้าเร้าวิชาที่ฝึกฝนก่อนกลืนเม็ดลงไปก็จะเพิ่มโอกาสในวิชาเกินครึ่ง ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่กลัวว่าการพัฒนาจะตกไปที่วิชาอื่นๆ

ถ้าเกิดสิ่งนั้นขึ้นก็ถือว่าโชคไม่เข้าข้างแล้วกัน

เมื่อร่างสีม่วงทองปรากฏขึ้น มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป กลืนเม็ดยาเซิ่งหวาทันที

ปัง!

เม็ดยาเซิ่งหวาที่ถูกกลืนแตกออกจากกันทันที ความรู้สึกเย็นฉ่ำที่ไม่สามารถอธิบายได้แพร่กระจายไปทั่วแขนขาของเขา ในช่วงเวลาต่อไปความรู้สึกแปลกประหลาดก็ลุกขึ้นจากส่วนลึกของหัวใจ

ในช่วงเวลานั้นก็ราวกับมีสติปัญญาไม่รู้จบ ความสงสัยที่เกิดระหว่างการฝึกฝนก็หายไปทั้งหมด

มู่เฉินหลับตาด้วยสีหน้านิ่งเงียบและดำดิ่งในความรู้แจ้ง ร่างเทพที่อยู่ข้างหลังก็เข้าสู่สมาธิด้วย พร้อมกับพื้นผิวของร่างกายวูบไหวด้วยความมันวาวสีม่วงทอง ราวกับว่ากำลังเลี้ยงดูบางสิ่งบางอย่าง

โถงถ้ำกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

วันรุ่งขึ้น

หิมะหายไปหมดแล้ว ที่น่าตกใจก็คือแผ่นดินที่ถูกแช่แข็งในรัศมีหมื่นลี้ก็ละลายอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ตู้ม!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตสองสายพลุ่งพล่านภายในถ้ำ ไม่ไกลร่างเงาสองร่างก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

พวกเขาแผดเสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง ดึงดูดคลื่นหลิงที่ถั่งโถมบนท้องฟ้า

“หนวกหู!”

นอกถ้ำเวินชิงเฉวียนจ้องทั้งสองที่กำลังคำรามก็ตะโกนด่า

เวินจื่อหยู่กับหลงเซี่ยงแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะปิดปากฉับ ทว่าความสุขในแววตาของพวกเขากลับไม่สามารถปกปิดได้ เพราะในที่สุดด้วยความช่วยเหลือของยาเซิ่งหลิง พวกเขาก็บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มอย่างเป็นทางการแล้ว!

ในเวลานี้โถงถ้ำแห่งหนึ่งก็เปิดขึ้น ลั่วหลีเดินออกมา

“ลั่วหลีเป็นอย่างไรบ้าง?” เวินชิงเฉวียนถามอย่างสงสัยเพราะนางอยากรู้ว่าเม็ดยาเซิ่งหวาน่าอัศจรรย์เพียงใด

แต่เผชิญหน้ากับความอยากรู้ ลั่วหลีก็ยิ้มบาง “ยาเซิ่งหวาสมกับเป็นผลงานยิ่งใหญ่ที่สุดของภูตผีเสื้อโอสถ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี่ เวินชิงเฉวียนยิ่งอยากรู้มากขึ้น นางอยากถามเพิ่มเติม แต่ลั่วหลีก็ทำเพียงยิ้มลึกลับ ทำเอานางหงอยลงทันที

ตู้ม!

อึดใจโถงถ้ำอีกแห่งก็เปิดออก ร่างของมู่เฉินปรากฏต่อหน้าทุกคน

“มู่เฉิน เจ้าทำสำเร็จไหม?” เวินชิงเฉวียนมองไปที่มู่เฉิน

มู่เฉินแลกเปลี่ยนสายตากับลั่วหลี จากนั้นก็ยิ้มตาหยี “ภูตผีเสื้อโอสถสมชื่อเสียงจริงๆ”

เมื่อเห็นสำบัดสำนวนของทั้งสอง เวินชิงเฉวียนก็อดกัดฟันกรอดไม่ได้ ‘พวกเขาสมกับเป็นคู่รักกันจริงๆ!’

ทว่าจากท่าทางการแสดงออก อย่างน้อยเวินชิงเฉวียนก็รู้ว่าพวกเขาพอใจกับผลของเม็ดยาเซิ่งหวามาก

“ไปที่จุดรวมตัวกันเถอะ!”

มู่เฉินไม่พูดมากความ โบกมือให้ทุกคน

จบคำพูด เขาก็แตะเท้าส่งแรงกลายเป็นแนวแสงพุ่งไปทางจุดลึกของแดนเซิ่งยวนโบราณโดยมีเงาร่างหลายร่างติดตามอยู่ข้างหลัง