ตอนที่ 2021 ท้าทายกลางฝูงชน

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง? หึๆ ช่างเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่เสียจริงๆ ด้วยอายุเท่านั้นต่อให้มันจะเริ่มหลอมโอสถตั้งแต่อยู่ในท้องแม้มันก็คงไม่อาจทำอะไรได้มากมายหรอกใช่ไหมเล่า? และข้ายังได้ยินมาอีกว่ามันนั้นมีวิชายุทธที่เหนือล้ำ” หยุนยี่กล่าวขึ้นด้วยท่าทางเย้ยหยัน

“ใช่แล้ว ข้านั้นได้เห็นมากับตาว่ามันส่งเทพถ่องแท้ห้าดาวลอยปลิวไปด้วยกระบวนท่าเดียว” เจิ้งปู้ฉุนร้องบอก

หยุนยี่เองก็หัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยิน “หากข้าคาดเดาไม่ผิดมันผู้นี้คงเป็นยอดอัจฉริยะด้านการต่อสู้จากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาที่ใช้ชื่อของเทพสวรรค์เปียวหยูเพื่อมายังงานชุมนุมโอสถเมฆาหวังหลอกลวงผู้คน แต่น่าเสียดายที่มันคงคิดผิดเสียแล้ว!”

เมื่อเจิ้งปู้ฉุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ “พี่หยุนยี่จะลงมือเองหรือ?”

หยุนยี่ยกมือขึ้นมาโบกปัด “เจ้าคิดว่าเหรียญปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมโอสถเมฆามันมีไว้แค่อวดผู้คนหรือ? ตราบเท่าที่คนผู้นั้นมีเหรียญปรมาจารย์อยู่กับตัวเขาย่อมจะกลายเป็นแขกใหญ่ที่งานชุมนุมโอสถเมฆาต้องต้อนรับอย่างดี”

ได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายก็ร้องขึ้นอย่างผิดหวัง

เหล่าคนทั้งหลายที่รวมตัวกันอยู่นี้ล้วนเป็นยอดอัจฉริยะด้านการโอสถที่เหนือล้ำ มีหรือที่พวกเขาจะยอมให้ใครหน้าไหนไม่รู้มายืนเหนือหัวตัวเองได้?

ที่สำคัญการจะตบหน้าปรมาจารย์นั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องที่เหมือนฝันสำหรับพวกเขาทั้งหลาย

แต่การที่เขามีเหรียญปรมาจารย์นั้นมันก็เหมือนกับการที่เขามีดาบศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครกล้าจะทำอะไรต่อตัวเขา!

“พี่หยุนยี่ มันจะไม่มีทางเลยหรือ?”

“ใช่แล้ว เจ้าเด็กน้อยคนหนึ่งที่กล้ามาอวดอ้างตัวว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งทั้งๆ ที่ขนยังไม่ทันขึ้นเนี่ยนะ?”

“หรือว่างานชุมนุมโอสถเมฆาครั้งนี้เราจะต้องทนดูมันอวดอ้างตนเช่นนี้ต่อไป?”

เหล่ายอดอัจฉริยะที่รวมกันอยู่ในที่นี้นั้นต่างขุ่นเคืองทุกผู้คนมีสีหน้าไม่พอใจสิ้น

แต่หยุนยี่กลับยิ้มขึ้นมา “ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาของข้านั้นเป็นถึงยอดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถในแดนใต้ มีหรือที่จะยอมปล่อยให้คนเช่นนี้เหยียบย่ำ? มีเหรียญปรมาจารย์แล้วจะทำไม? ผู้ที่มีแค่ตำแหน่งแต่ไร้ความสามารถที่จะปกป้องมันนั้นย่อมไม่อาจอยู่ในงานชุมนุมโอสถเมฆาได้อีกต่อไป”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมาตาม

สิ่งที่เทพสวรรค์เปียวหยูว่ามานั้นมันไม่มีผิด งานชุมนุมโอสถเมฆาครั้งนี้มันไม่ทำให้เย่หยวนผิดหวังจริงๆ

หลายวันมานี้เย่หยวนได้พาหนิงซืออวี๋เดินเที่ยวหาซื้อสมุนไพรระดับหกมามากมายมหาศาล

ร้านที่เย่หยวนหยุดแวะดูนั้นมันมีทั้งร้านใหญ่น้อยมากมาย

และในแต่ละที่นั้นเย่หยวนก็ได้จะพบสมุนไพรวิญญาณหายากไม่น้อย

ในตลาดนี้มันมีสิ่งของหายากอยู่มากมายเต็มไปหมด แม้แต่สูตรโอสถที่แปลกตาก็ยังมีขาย

แม้ว่าหอมหาสมบัตินั้นมันจะมีอำนาจที่กว้างขวาง แต่พวกเขาเองก็ไม่อาจจะหาสมุนไพรได้ทุกชนิด แต่งานชุมนุมโอสถเมฆาครั้งนี้มันได้รวบรวมเหล่ายอดนักหลอมโอสถจากทั่วทั้งแดนใต้ แน่นอนว่ามันย่อมจะมีคนมาทำการค้าขายอย่างมากมาย

เมื่อในเวลานี้มันมียอดนักหลอมโอสถมากมายรวมตัวกันอยู่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆา โอกาสทำการค้าเช่นนี้มันย่อมจะพลาดไปมิได้

ตอนนี้พวกเย่หยวนนั้นกำลังเดินมองดูร้านทางด้านตะวันออกก่อนที่จะได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นมาไม่ไกล

“พวกเจ้าได้ยินมาหรือไม่? งานชุมนุมโอสถเมฆามันมีปรมาจารย์เทพถ่องแท้สามดาวอยู่ด้วย ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่คนเขาคุยกันทั้งเมืองแล้ว”

“หะ? จอมเทพโอสถหกดาวก็เป็นปรมาจารย์ได้หรือ? นี่เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่? ฝีมือแค่นั้นยังเทียบข้าไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ นี่กลับกล้าขึ้นไปยืนในตำแหน่งปรมาจารย์หรือ?”

“หึๆ ข้าได้ยินว่ามันนั้นมาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์และคงใช้อำนาจจากจักรพรรดิเทพสวรรค์กดดันจนได้เหรียญปรมาจารย์มา”

“นี่มันก็จะดูถูกกันมากไปแล้ว! งานชุมนุมโอสถเมฆานั้นมันเป็นงานใหญ่ของแดนใต้เรา มิใช่สิ่งที่จักรพรรดิเทพสวรรค์แค่คนสองคนจะมายุ่มย่ามได้!”

“รอดูเถอะ! เหรียญปรมาจารย์นั้นมันไม่ได้มาง่ายๆ เจ้าเด็กคนนั้นมันต้องทำให้ตัวเองขายหน้าแน่เมื่อถึงเวลาจริง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของทุกผู้คนหนิงซืออวี๋ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปเห็นสีหน้าท่าทางของเย่หยวนที่ราวกับว่าคนทั้งหลายนี้ไม่ได้พูดถึงตัวเลยแม้แต่น้อย

หนิงซืออวี๋นั้นได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่าภายในตัวเย่หยวนนี้มันจะมีสัตว์ประหลาดอายุนับล้านๆ ปีหลับใหลอยู่หรือไม่

เพราะเขาคนนี้ช่างใจเย็นได้กับทุกเรื่อง

“นายท่าน หากข้าเป็นท่านแล้วข้าคงแสดงฝีมือออกมาให้มันได้เห็น ให้มันได้รู้ว่าท่านนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งปรมาจารย์สักแค่ไหน!” หนิงซืออวี๋ร้องบอก

เพราะในความเป็นจริงแล้วพวกเขาได้ยินเรื่องราวทั้งหลายนี้มาตลอดหลายวัน ตอนนี้เย่หยวนได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทุกผู้คนในเมืองต่างพูดถึง

และมันมีคนมากมายที่บอกพูดว่าจะมาท้าทายตัวเขาและเหยียบย่ำปรมาจารย์นี้ให้จมดิน

เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่รู้ว่าปรมาจารย์จอมเทพโอสถหกดาวผู้นี้มันไปอยู่ที่ไหน

ดูท่าแล้วเหล่าจอมเทพโอสถหกดาวคนอื่นๆ ย่อมจะคิดใช้ปรมาจารย์ที่เป็นแค่จอมเทพโอสถหกดาวนี้เป็นใบเบิกทางสร้างชื่อ

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการชนะปรมาจารย์ได้มันย่อมจะเป็นการสร้างชื่ออันใหญ่หลวง!

แต่เย่หยวนนั้นแค่ยิ้มไม่ตอบใดๆ กลับไป

เมื่อมาถึงระดับของเย่หยวนแล้วมันย่อมจะอยู่เหนือล้ำจากการที่จะเอาตัวเองไปเทียบให้ดีเหนือคนอื่นแล้ว

คนที่เขาคิดสนใจนั้นล้วนมีแต่เหล่ายอดคนอย่างเทพสวรรค์เปียวหยู

เอาตัวเองไปเทียบกับเหล่ามือใหม่หัดหลอมทั้งหลายนี้จะได้อะไรขึ้นมา?

ระหว่างที่คนทั้งสองกำลังคุยกันก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาทั้งสอง

หนิงซืออวี๋ที่เห็นเช่นนั้นจึงถามขึ้นทันที “พวกเจ้าทั้งหลายต้องการอะไร?”

ชายหนุ่มที่นำหน้าสุดมาก้มหัวคารวะเย่หยวน “ข้าลั่วเยว่แห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดินิลใต้ อยากขอให้ปรมาจารย์เย่ช่วยชี้แนะสักเรื่องสองเรื่อง”

“ข้าหวู่ซานจากตระกูลหวู่แห่งบูรพาทะนง ข้านั้นมีเรื่องติดขัดในการโอสถและคิดอยากขอปรมาจารย์เย่ช่วยเหลือแก้ไข”

“ข้า…”

เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายนั้นต่างแนะนำตัวเองกันออกมาพร้อมบอกเบื้องหลังว่าเป็นใครมาจากไหนพร้อมเรียกชื่อเย่หยวนและบอกว่าจะมาขอคำชี้แนะ

แต่แน่นอนว่าคำชี้แนะใดๆ ย่อมเป็นแค่ฉากหน้า พวกเขาทั้งหลายนั้นมาเพื่อท้าทายเย่หยวน

เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นมีตำแหน่งที่สูงล้ำจนทำให้พวกเขาได้แต่ต้องพูดอ้อมๆ

ในความคิดของพวกเขานั้นพวกเขาย่อมไม่คิดจะมาขอคำแนะนำใดๆ สิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ คือการท้าทาย

การกระทำของเหล่าคนทั้งหลายนี้ย่อมจะทำให้ผู้คนบนถนนแตกตื่นไปตามๆ กัน

พวกเขานั้นได้แต่มองดูเย่หยวนด้วยสายตาตกตะลึง ไม่นึกไม่ฝันว่านี่จะเป็นปรมาจารย์หกดาวผู้นั้น!

“พระเจ้าช่วย เขานี่หรือคือปรมาจารย์หกดาวผู้นั้น? นี่มันจะยังเด็กเกินไปหรือไม่? ดูท่าแล้วคงอายุแค่พันกว่าปีเท่านั้นล่ะมั้ง?”

“ช่างเป็นเด็กที่น่ากลัว! เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นต่างมีเบื้องหลังลึกล้ำ! ยอดเมืองหลวงจักรพรรดินิลใต้ ตระกูลหวู่ แต่ละคนล้วนเป็นยอดค่ายสำนักจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น เบื้องหลังของพวกเขานั้นคือจอมเทพโอสถเจ็ดดาว”

หึๆ ดูท่าจะมีอะไรสนุกๆ ให้ดูเสียแล้ว! ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าเด็กคนนั้นมันใช้วิธีใดเอาเหรียญปรมาจารย์มา!”

หลังจากแตกตื่นกันไปได้สักพักมันก็กลายเป็นการมุงดู

เหล่าคนทั้งหลายที่ได้เห็นอายุของเย่หยวนนั้นยิ่งรู้สึกดูถูกเหยียดหยามอยู่ในใจมากขึ้นกว่าเก่า อายุเท่านี้มีหรือที่จะคู่ควรกับเหรียญปรมาจารย์?

พวกเขานั้นย่อมไม่คิดว่าตนเหมาะสมกับตำแหน่งปรมาจารย์เพราะเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายนั้นมันเป็นดั่งเทพสำหรับพวกเขา การที่เย่หยวนถือเหรียญนี้ไว้มันย่อมมีแต่จะทำให้ตำแหน่งนั้นแปดเปื้อน

ตอนนี้เหล่ายอดอัจฉริยะที่ยืนอยู่ตรงนั้นมันมีมากกว่ายี่สิบคน และพวกเขาทั้งหลายล้วนต่างเป็นถึงจอมเทพโอสถหกดาวทั้งสิ้น

เย่หยวนมองผ่านหน้าผู้คนตรงหน้าด้วยใบหน้าอมยิ้ม “พวกเจ้า… คิดท้าทายข้า?”

ลั่วเยว่ยิ้มออกมา “ในเมื่อปรมาจารย์เย่นั้นมีเหรียญปรมาจารย์อยู่กับตัวมันก็ย่อมหมายความว่าท่านนั้นเป็นตัวตนที่สูงล้ำ เพียงแค่ว่า… ข้าไม่รู้ว่าท่านจะกล้ารับคำท้านี้หรือไม่?”

ลั่วเยว่นั้นย่อมคิดจะใช้เหรียญปรมาจารย์มาข่มขู่เย่หยวน เพราะหากเย่หยวนยังกล้าไม่รับคำท้ากลางฝูงชนเช่นนี้แล้ววันหน้าเขาคงได้แต่กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนอย่างแน่นอน

เย่หยวนนั้นยังคงใบหน้าที่เรียบเฉยไว้ได้และตอบกลับไป “เจ้านั้นก็ได้บอกมาแล้วว่าข้านั้นเป็นตัวตนที่สูงล้ำ แล้วพวกเจ้าเหล่าคนชั้นต่ำทั้งหลาย… มีค่าพอจะท้าทายข้า?”

ลั่วเยว่หัวเราะขึ้นมา “เจ้านี่ก็รับมุกเก่งจริงๆ! หากเจ้าไม่กล้าแม้แต่จะรับคำท้าของพวกเราแล้วเจ้ายังจะมีหน้ามาถือเหรียญปรมาจารย์ไว้อีกหรือ?”

เย่หยวนนั้นไม่ได้มีใบหน้าที่เปลี่ยนสีใดๆ และตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย “มันก็มิใช่ว่าพวกเจ้าจะไม่อาจท้าทายข้าได้ เพียงแค่…”

นั่นทำให้ดวงตาของลั่วเยว่เบิกกว้าง เผยยิ้มออกมาเพราะแผนการที่สำเร็จลงแล้ว

………………