ตอนที่ 2199

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,199 : จิตวิญญาณสถิตย์เทวสมบัติ

 

 

เสียงกล่าวขอบคุณของต้วนหลิงเทียนนั้น ผู้เฒ่าหั่วที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติย่อมได้ยินเป็นธรรมดา

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันไม่มีเวลาตอบคำ

 

เป็นเพราะมันพบว่า…

 

อยู่ๆก็มีร่างสูงหนึ่ง ผุดโผล่ขึ้นในชั้น 1 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติปานภูตผี! กระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนผู้เป็นเจ้าของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติคนปัจจุบันยังไม่อาจรู้ตัว!

 

“เจ้า…เจ้าเป็นผู้ใดกัน!?”

 

มองไปยังร่างสูงที่อยู่ๆก็ปรากกฏขึ้นปานภูตผี ผู้เฒ่าหั่วอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไปเสียงสั่น แวววตายังทำราวกับพบพานภูตผีกลางวันแสกๆ!

 

ร่างสูงที่ว่า เป็นชายหนุ่มรูปงามมาในชุดแดงเลือดนก…

 

ร่างของมันไม่เพียงสูง หากแต่ยังกำยำแลดูแข็งแกร่ง คิ้วของมันให้ความรู้สึกคมกล้าปานมีดดาบ เค้าโครงใบหน้าหล่อเหลา หากแต่ซีดขาวราวกับไร้สีสันของโลหิต เหนือขึ้นไปจากหว่างคิ้วปรากฏปานรูปกระบี่…

 

ปานรูปกระบี่นี้ยังสีแดงฉานปานโลหิต มองไปราวกับมีรอยกระบี่โลหิตเล่มเล็กประทับไว้บนหน้าผาก! เปล่งกลิ่นอายพลังไร้สภาพอันรุนแรงเกรี้ยวกราด ปานจะทำลายได้ทุกสรรพสิ่งออกมา!!

 

ชายหนุ่มในชุดสีแดงเลือดนกเพียงยืนอยู่อย่างเงียบงัน รอบกายปรากฏเงากระบี่สีเลือดห้อมล้อมเวียนวน แลดูพิสดารไม่คล้ายผู้คนนัก!

 

ท่ามกลางเงากระบี่สีเลือดเหล่านี้ แต่ละเล่มคล้ายปลดปล่อยความกระหายเลือดและพลังทำลายล้างออกมาอย่างน่าพรั่นพรึง ทำให้สภาวะคนคล้ายเทพกระบี่ที่หลุดออกมาจากขุมนรกอเวจี!

 

ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกยังคงยืนอย่างสงบ มันหันมองไปรอบๆไม่ได้กล่าวคำใดทั้งทำอะไรทั้งสิ้น แลดูไม่แยแสสนใจอะไรผู้เฒ่าหั่วเลย นั่นทำให้ผู้เฒ่าหั่วยิ่งบังเกิดความรู้สึกกดดันอย่างมาก

 

ต้องทราบด้วยว่าพลังของผู้เฒ่าหั่วตอนนี้ ได้ฟื้นฟูขึ้นมาอยู่ในขอบเขตเซียนอมตะแล้ว กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่าเซียนอมตะที่พึ่งก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ไปมากมาย

 

แต่ทว่ายามที่ต้องมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มในชุดแดงฉานปานเลือดนกเบื้องหน้า ผู้เฒ่าหั่วยังบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัว! ยังเป็นความหวาดกลัวจับใจลึกลงไปถึงก้นบึ้งของวิญญาณ!

 

เพียงเผชิญหน้ากับแรงกดดันไร้สภาพที่แผ่ออกมาทั่วร่างชายหนุ่มเบื้องหน้า ผู้เฒ่าหั่วก็แทบจะทรุดล้มลงทั้งยืน

 

“หากข้าจำไม่ผิด…”

 

หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกก็ค่อยกล่าวออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน “เจดีย์นี่สมควรเป็นเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ยอดสมบัติสวรรค์จาก ‘อวี้หวงเทียน’ ใช่หรือไม่?”

 

อวี้หวงเทียน!?

 

เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!?

 

ได้ยินวาจาดังกล่าวของชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนก สีหน้าของผู้เฒ่าหั่วก็เปลี่ยนไปทันใด

 

ในใจยังคล้ายมีมรสุมก่อเกิด

 

ชายหนุ่มในชุดสีเลือดนกผู้นี้ ที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่!?

 

ไม่เพียงแต่จะรู้จักเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ แต่รู้จักกระทั่งว่าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เป็นยอดสมบัติสวรรค์จาก อวี้หวงเทียน ซึ่งเป็นหนึ่งในแดนสวรรค์…

 

ต้องทราบด้วยว่านอกจากระนาบโลกียะนับไม่ถ้วนนั้น ระนาบเทวโลกหรือแดนสวรรค์เองก็มีอยู่มากมาย! อวี้หวงเทียน ก็เป็นแค่ 1 ใน 81 ระนาบเทวโลกเท่านั้น!

 

ทว่าชายเบื้องหน้ากลับระบุได้อย่างแม่นยำ ว่าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมาจาก ระนาบเทวโลกนาม อวี้หวงเทียน!

 

จะไม่ให้มันไม่แปลกใจได้อย่างไรไหว!

 

‘มัน…มันต้องเป็นตัวตนอันทรงพลังจากระนาบเทวโลกใดสักแห่งแน่!’

 

ตอนนี้ผู้เฒ่าหั่ววสามารถคาดเดาความเป็นมาของอีกฝ่ายได้คร่าวๆ

 

อีกฝ่ายสมควรเป็นผู้ที่มาจากระนาบเทวโลกใดระนาบหนึ่ง หรือกระทั่งอาจจะมาจากระนาบอวี้หวงเทียนเลยด้วยซ้ำ เพราะอีกฝ่ายสามารถระบุได้ว่าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเป็นยอดสมบัติสวรรค์จากระนาบอวี้หวงเทียน

 

เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น แม้จัดเป็นยอดสมบัติสวรรค์ก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่เลิศล้ำที่สุดในระนาบอวี้หวงเทียน!

 

แน่นอนว่ามันสามารถจัดเป็นยอดสมบัติสววรรค์มีชื่อเสียงอยู่บ้างในระนาบอวี้หวงเทียนได้ แต่ถ้ามองไปในบรรดาระนาบเทวโลกทั้งมวล น่ากลัวว่ามันคงไม่ติดอันดับอันใด

 

ด้วยเหตุนี้หากเอ่ยนามเตดีย์หลิงหลง 7 สมบัติออกไป ผู้คนในระนาบเทวโลก อวี้หวงเทียน อาจรู้จักกันดี แต่ถ้าเอาไปพูดในระนาบเทวโลกอื่นๆ เกรงว่าคงไม่มีใครรู้จัก

 

“เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินี้หากข้าจำไม่ผิด สมควรมียอดสมบัติสวรรค์เก็บไว้ทั้งสิ้น 7 ชิ้น…ชั้นแรกจะเป็น อีกาทองคำ 3 ขา ชั้นที่ 2 มีกระบี่นิลสวรรค์ ชั้นที่ 3 มีง้าวเทวะสะท้าน ชั้นที่ 4 มีบรรทัดจักรวาล ชั้นที่ 5 มี…”

 

ในขณะที่ภายในใจของผู้เฒ่าหั่วบังเกิดมรสุมป่วนปั่น ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกก็ค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

 

ในวาจาของมัน สามารถระบุยอดสมบัติสวรรค์ทั้งหมด ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้อย่างแม่นยำ

 

“หากข้าเดาไม่ผิด…เจ้าสมควรเป็นอีกาทองคำ 3 ขา ที่ถูกกักอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติใช่หรือไม่?”

 

หลังกล่าวถามจบคำ ชายหนุ่มในชุดสีเลือดนกก็มองไปยังร่างผู้เฒ่าหั่วด้วยสายตาสงบ หากแต่ยังสร้างแรงกดดันอันน่ากลัวมาสู่ผู้เฒ่าหั่วนัก

 

“ถูกต้องแล้วใต้เท้า…”

 

สูดดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกใหญ่ ผู้เฒ่าหั่วก็รวบรวมความกล้าที่มีกล่าวตอบออกมา ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนัก

 

เพียงเพราะมันพบว่า…

 

ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกผู้นี้ ยังทรงพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่ามันในครั้งยังรุ่งโรจน์มากนัก!

 

นอกจากนี้เพียงกลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของอีกฝ่ายเพียงเบาบาง หากแต่คล้ายจะมีพลังอำนาจสะกดข่มมันเอาไว้ทุกทาง ประหนึ่งอีกฝ่ายเป็น ‘ดาวข่ม’ ของมันก็ไม่ปาน…

 

‘กลิ่นอายพลังนี่มัน คล้ายข้าเคยพบเจอกลิ่นอายพลังคล้ายๆมันมาก่อน…แต่กลิ่นอายพลังที่คล้ายคลึงกันนั่น ยังด้อยกว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างมันอยู่มาก’

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ผู้เฒ่าหั่วก็ดำดิ่งลงไปในห้วงคิดทันที

 

ครู่ต่อมา ก็คล้ายมีประกายแสงหนึ่งสว่างวาบในใจ มันนึกออกแล้ว!

 

หลังจากนึกขึ้นได้ ยามมองไปยังชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกอีกครั้ง แววตาของผู้เฒ่าหั่วก็ฉายชัดออกมาถึงความหวาดกลัว

 

กระทั่งยามกล่าวออกอีกครั้ง เสียงผู้เฒ่าหั่วยังสั่นพร่าไปอยู่บ้าง “ใต้เท้า…ท่าน…คือ…จิตวิญ…”

 

“ดูเหมือนเจ้าจะคาดเดา ‘ต้นกำเนิด’ ของข้าได้แล้ว…”

 

ผู้เฒ่าหั่วยังกล่าวไม่ทันจบคำดี ก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเฉยเมยของชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกเสียก่อน แม้น้ำเสียงจะสงบเฉยเมยแต่หากฟังดีๆก็จะพบความประหลาดใจเจืออยู่เบาบาง

 

เห็นได้ชัดว่ามันเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าผู้เฒ่าหั่วจะคาดเดา ต้นกำเนิด ของมันได้

 

“ไม่ผิด ข้าเป็นจิตวิญญาณสถิตย์เทวสมบัติ”

 

ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกกล่าวห้วนๆ

 

สมบัติเทวะ!

 

จิตวิญญาณสถิตย์!

 

ถึงแม้จะมีคาดเดาไว้บ้างแล้วในใจ แต่ผู้เฒ่าหั่วก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกเมื่อได้ยินชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกกล่าวยอมรับออกมาตรงๆ เรียกว่าตอนนี้ใจผู้เฒ่าหั่วสะท้านไปอย่างแรงโดยไม่รู้ตัว

 

ทันใดนั้นความสับสนในใจก็คลี่คลายหมดสิ้น

 

ที่แท้เรื่องที่มันสงสัยว่า…

 

ไฉนชายหนุ่มนุชดแดงเลือดนกผู้นี้ถึงสามารถเข้ามาในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ง่ายดายนัก โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเจดีย์ก่อน?

 

ทั้งไฉนชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกผ็นี้ถึงขั้นบุกเข้ามาในเจดีย์ได้โดยที่ไม่แม้แต่จะแจ้งเตือนเจ้าของเจดีย์อย่างต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ?

 

และสุดท้าย ไฉนชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกผู้นี้ถึงได้มีกลิ่นอายทั้งแรงกดดันไร้สภาพที่สะกดข่มมันนัก!?

 

มาตอนนี้มันเข้าใจหมดสิ้นแล้ว!

 

ที่แท้อีกฝ่ายก็คือ จิตวิญญาณเทวสมบัติ! สมบัติระดับเทวะที่มีพลังอำนาจเหนือล้ำกว่ายอดสมบัติสวรรค์นับร้อยพันในระนาบเทวะโลก!

 

ด้วยเหตุนี้ตัวมันที่เป็นดั่งส่วนหนึ่งของยอดสมบัติสวรรค์ เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติชิ้นนี้ จึงไม่แปลกอะไรที่จะถูกกลิ่นอายของอีกฝ่ายสะกดข่มตามธรรมชาติ!

 

เรื่องที่อีกฝ่ายจะบุกเข้ามาในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้แบบนี้ ช่างเป็นอะไรที่ง่ายดายนัก!

 

และด้วยตัวตนของอีกฝ่าย อย่าว่าแต่จะเข้ามาภายในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติโดยที่เจ้าของเจดีย์หลงหลิง 7 สมบัติไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ…

 

กระทั่งอีกฝ่ายคิดจะลบล้างความเป็นเจ้าของ ระหว่างเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติชิ้นนี้ กับผู้ถือครองคนปัจจุบันอย่างต้วนหลิงเทียนยังเป็นอะไรที่กระทำได้ง่ายดายนัก!!

 

นั่นเพราะอีกฝ่ายก็คือ จิตย์วิญญาณสถิตย์เทวสมบัติ!

 

สมบัติเทวะในแดนสวรรค์นั้น เป็นสมบัติที่มีระดับทั้งพลังอำนาจเหนือกว่ายอดสมบัติสวรรค์ทั้งมวล เรียกว่ามีเพียงหนึ่งก็ทรงพลังอำนาจมากพอจะสยบยอดสมบัติสวรรค์ทั้งมวล!!

 

และทั่วทั้งระนาบเทวโลก อวี้หวงเทียน ก็มีสมบัติเทวะดำรงอยู่เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น และสมบัติชิ้นนั้นก็อยู่ในมือของ ‘พระยูไล’

 

ในตอนที่ราชาวานรก่อการสะท้านสะเทือนไปทั่วแดนอวี้หวงเทียน พระยูไลก็ได้ใช้ สมบัติเทวะดังกล่าวสยบมัน!

 

ผู้เฒ่าหั่วเองก็ทราบดีว่าในตอนนั้น อวี้หวงเทียน เกิดหายนะถึงระดับใด…

 

ซุนหงอคงผู้นั้นในแง่ของพลังความแข็งแกร่งแล้ว เรียกว่าต่อให้กวาดตามองทั่วอวี้หวงเทียนยังเป็นตัวตนที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุด!

 

และยอดสมบัติสวรรค์ พลองทองวิเศษ ในมือราชาวานรนั่น ก็ถือเป็นยอดสมบัติสวรรค์ระดับต้นๆของ อวี้หวงเทียน เช่นกัน!

 

ด้วยพลังฝีมืออันร้ายกาจอย่างหาตัวจับได้ยาก พร้อมด้วยพลองทองวิเศษ รวมถึงยอดสมบัติสวรรค์อีกมากมายทำให้ ราชาวานรผู้นั้นอาศัยพลังฝีมือเพียงลำพังก็ปั่นป่วนไปทั้งแดนอวี้หวงเทียน หากพระยูไลไม่ออกโรงด้วยตัวเอง เกรงว่าคงไม่มีใครปราบราชาวานรผู้นั้นลงได้

 

‘สมบัติเทวะที่อยู่ในมือพระยูไลตอนนั้น เรียกว่า ประทับหมื่นพุทธสยบมาร…ในตอนนั้นจิตวิญญาณสถิตย์ประทับหมื่นพุทธสยบมาร ก็เคยมาหาหลันเติ้งผู้ที่เป็นเจ้าของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติคนแรกตามคำสั่งของพระยูไลครั้งหนึ่ง ข้าที่ถูกกักอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจึงเคยได้กลิ่นอายพลังของมัน…’

 

‘กลิ่นอายพลังจากจิตวิญญาณสถิตย์ประทับหมื่นพุทธสยบมารนั่นช่างคล้ายคลึงกับกกลิ่นอายพลังของชายชุดแดงเลือดนกผู้นี้นัก…หากแต่หากจะให้เทียบกับกลิ่นอายของชายชุดแดงเลือดนกผู้นี้ ยังอ่อนด้อยกว่าหลายส่วน!’

 

‘บอกให้รู้ว่าแม้ชายชุดแดงเลือดนกผู้นี้จะเป็นจิตวิญญาณสถิตย์เทวะสมบัติเหมือนกัน แต่มันเป็นสมบัติเทวะที่เหนือกว่าสมบัติเทวะของพระยูไล ซึ่งเป็นสมบัติเทวะเพียงชิ้นเดียวในอวี้หวงเทียนมากมายนัก! น่ากลัวว่ายังอาจจะทรงพลังกว่ากันหลายขุม!!’

 

นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาผ็เฒ่าหั่วก็ยิ่งบังเกิดความหวาดกลัวนัก

 

ต้องทราบด้วยว่าครั้งนั้น ยามเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณสถิตย์ประทับหมื่นพุทธองค์สยบมาร ผู้เฒ่าหั่วที่ยังอยู่ในครั้งรุ่งโรจน์และพึ่งถูกจับขังในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ไม่นานยังไม่อาจเทียบได้เลย…

 

ทว่าชายชุดแดงเลือดนกผู้นี้ กลับทรงพลังเหนือล้ำยิ่งกว่าจิตวิญญาณสถิตย์ประทับหมื่นพุทธสยบมาร!

 

“ใต้เท้า…มิทราบ…ท่านเรียกหาว่าอะไร?”

 

ลมหายใจที่ถี่รัวของผู้เฒ่าหั่วค่อยๆสงบลง หลังจากนั้นก็มองถามชายหนุ่มนุชดแดงเลือดนกอย่างกล้ากลัวๆ

 

เหตุผลที่ไฉนผู้เฒ่าหั่วกล่าวถามออกมาเช่นนี้นั้น เพราะตัวตนอย่างจิตวิญญาณสถิตย์เทวะสมบัติ ไม่เพียงแต่จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง ยังมีนามเป็นของตัวเองด้วย

 

ตัวอย่างเช่นจิตวิญญาณสถิตย์เทวะสมบัติ ที่เป็นจิตวิญญาณของประทับหมื่นพุทธองค์สยบมารของพระยูไลเองก็มีนามเป็นของตัวเอง และไม่เพียงมีชื่อเสียงอยู่ในอวี้หวงเทียนเท่านั้น ยังมีชื่อเสียงในระนาบเทวโลกอื่นๆด้วย

 

“กวงหลิง”

 

ได้ยินคำถามด้วยความสุภาพนอบน้อมมากเคารพของผู้เฒ่าหั่ว ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกก็เงยหน้าขึ้นมาเผยความน่าเกรกงขาม กล่าวตอบออกมา 2 คำด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

 

“กวง…หลิง”

 

“กวงหลิง! วิญญาณกระบี่กวงหลิง!?”

 

ผู้เฒ่าหั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ร่างก็สั่นสะท้านขึ้นมา

 

จากนั้นสีหน้าก็เผยความตื่นตระหนกทั้งตกตะลึงถึงที่สุด

 

วิญญาณกระบี่กวงหลิง!!

 

ชื่อนี้เพียงได้ยินก็คุ้นนัก

 

และพอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็จดจำได้ว่านามนี้มีความหมายอย่างไร

 

“วิญญาณกระบี่กวงหลิง…นั่นมิใช่นามของวิญญาณที่สถิตย์อยู่ในสมบัติเทวะประเภทกระบี่จากระนาบเทวโลกจี้เมี่ยเทียน! ท่านคือจิตวิญญาณสถิตย์กระบี่ ผลาญฟ้าอาสัญ…”

 

“สมบัติเทวะประเภทกระบี่…ที่อยู่เหนือล้ำสมบัติเทวะประเภทกระบี่ทั้งมวลในระนาบเทวโลก!!”