เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1344

เทียนหยาจื่อพูดขึ้นว่า: “ลู่ฝานไม่อยู่ที่ตระกูลเทียนจริง ๆ พวกนายมาตามหาผิดที่แล้ว ฉันคือผู้อำนวยการของลู่ฝาน ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามาก เชื่อฉันเถอะ หากว่าเขามาที่ตระกูลเทียน ฉันคงต้องรู้อย่างแน่นอน และฉันเองก็ไม่มีทางให้ร้ายเขาอย่างเด็ดขาด”

“ผู้อำนวยการ? ”

ท่ามกลางกลุ่มคน หานเฟิงและคนอื่น ๆ ได้ส่งเสียงเรียกขึ้น

สายตาของเทียนหยาจื่อมองทะลุผ่านความมืดมิด เห็นหานเฟิงและคนอื่น ๆ ก็พูดขึ้นว่า: “หานเฟิง พวกนายบอกเขาหน่อยว่า ฉันกับลู่ฝานมีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง? พูดตามความจริงนะ”

หานเฟิงลังเลใจอยู่พักใหญ่ แล้วพูดขึ้นว่า: “ผู้อำนวยการปฏิบัติกับลู่ฝานได้ไม่เลวเลย แต่ผู้อำนวยการ ลู่ฝานหายตัวไปแล้วจริง ๆ เป็นไปได้มากที่สุดก็คือตระกูลเทียนของพวกท่าน! ”

เทียนหยาจื่อพูดเสียงดังว่า: “เชื่อฉันสักครั้ง ฉันไม่โกหกแน่นอน”

เสียงพูดดังราวกับฟ้าร้อง ท่าทางหนักแน่นตรงไปตรงมา

เจตนาสังหารในแววตาของเหลยเชียนเริ่นเบาบางลงไปบ้าง แล้วก็ค่อย ๆ เก็บปราณหยินหยางขึ้น

“แน่นอน ด้วยพลังความสามารถของนายแล้ว ไม่ถึงกับที่จะต้องพูดโกหกหรอก”

โลกก็มีสีสันกลับคืนมาอีกครั้ง ทุกคนต่างก็เหมือนกับได้ผ่านความเป็นความตายกันไปแล้วรอบหนึ่ง นักบู๊ที่ถูกพลังของเหลยเชียนเริ่นปกคลุมนั้น ต่างก็เหงื่อไหลท่วมตัวไปหมด

เหลยเชียนเริ่นจ้องมองไปที่เทียนหยาจื่อ และพูดว่า: “เป็นไปได้ที่นายจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับลู่ฝาน แต่ฉันไม่เชื่อนาย ตระกูลเทียนใช่ไหม หากว่าพวกนายไม่มีอะไรปิดบังหรือซ่อนเร้นอยู่จริง ๆ ล่ะก็ จะสามารถให้ฉันเข้าไปค้นหาสักรอบได้ไหมล่ะ? ”

เทียนหลิงพูดเสียงดังว่า: “ตระกูลเทียนของฉันเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่แห่งประเทศอู่อาน จะสามารถให้นายเข้าค้นได้ตามอำเภอใจได้อย่างไร! ”

เหลยเชียนเริ่นไม่ได้มองไปที่เทียนหลิงเลย สายตาจ้องมองแต่่เทียนหยาจื่อ

เวลานี้ ไอ้หลิว ยัยแก่หยาง ตาเฒ่าเซวียนหยวนต่างก็ปลดปล่อยพลังของตนเองออกมา

พลังหยินหยางที่หนักแน่นรุนแรงนั้น สั่นสะเทือนจนทำให้ฉินฝาน หลู่เฉิงเซี่ยง รวมไปถึงเจ้าบ้านทั้งหมดมีสีหน้าเปลี่ยนไป

ไอ้หลิวพูดว่า: “พวกเราเองก็ต้องการจะค้นหาเหมือนกัน ไม่มีความเห็นอะไรใช่ไหม! ”

เทียนหยาจื่อกัดฟัน เพราะเซียนบู๊ทั้งสี่พูดออกมาพร้อมกัน ในประเทศอู่อานนอกจากวงศ์ตระกูลจักรพรรดิแล้ว ยังจะมีตระกูลไหน ที่กล้าพูดว่าไม่ได้ล่ะ

หลู่เฉิงเซี่ยงพูดพึมพำว่า: “ลู่ฝานคนนี้ ปกปิดแอบซ่อนความลับอยู่เท่าไรกันแน่ เขาหายตัวไป ไม่นึกว่าจะทำให้เซียนบู๊ทั้งสี่ออกตามหากันถึงขนาดนี้ นี่……นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”

เจ้าบ้านตระกูลถานไถจับมือของถานไถเก๋อและพูดขึ้นว่า: “จะต้องพาลู่ฝานกลับไปเป็นลูกเขยของตระกูลถานไถให้จงได้ เก๋อเอ๋อร์อ่า ตระกูลขอร้องเธอเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือเรื่องนี้ เซียนบู๊สี่คน โอ้พระเจ้า”

เจ้าบ้านตระกูลสือ กัดฟันพูดขึ้นว่า: “จำไว้นะ ลู่ฝานผู้นี้ ห้ามไปก่อเรื่องสร้างปัญหากับเขาเด็ดขาด”

เจ้าบ้านตระกูลสุ่ย พูดเบา ๆ ว่า: “เชียนโหรวได้ยินว่าตอนที่เธออยู่ที่เขตตงหวาก็รู้จักกับลู่ฝานพวกเขาแล้วเหรอ? ”

เชียนโหรวพยักหน้าเบา ๆ และพูดว่า: “ใช่แล้ว”

เจ้าบ้านตระกูลสุ่ยพูดขึ้นว่า: “จะต้องผูกมิตรกับเขา ไม่ว่าจะต้องพยายามแค่ไหนก็ต้องผูกมิตรกับเขาให้ได้ นี่คือคำสั่งของตระกูล เข้าใจแล้วหรือยัง? ”

เทียนหยาจื่อถอนหายใจ และหันหน้าไปพูดกับเทียนหลิงว่า: “เจ้าบ้าน ปล่อยให้พวกเขาค้นหาเถอะ พวกเซียนบู๊ทั้งสี่คนนั้นอ่า! ”

เทียนหลิงมือสั่นอย่างมาก สุดท้ายก็ปิดตาลง และโบกมือเบา ๆ ส่วนเทียนชิงหยางก็ก้มหน้าลง และแอบพูดว่า: “ลู่ฝาน ลู่ฝานอีกแล้ว! ”

เหลยเชียนเริ่นส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา แล้วเงาร่างก็แวบหายไป

ไอ้หลิวกับพวกพ้องก็หายแวบไปด้วยเช่นกัน

เฟิงเสี่ยวชี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างของไอ้อ้วนตงนั้นพูดขึ้นว่า: “อาเล็ก ท่านไม่ไปช่วยตามหาหรอกเหรอ? ท่านบอกว่าลู่ฝานคือลูกศิษย์ของสหายเก่าของท่านไม่ใช่เหรอ? ”

ไอ้อ้วนตงตีไปที่ท้องและพูดว่า: “พวกเขาไปตามหากันก็พอแล้ว ฉันคาดเดาว่า ลู่ฝานคงจะไม่อยู่ที่ตระกูลเทียนนี้จริง ๆ”

เฟิงเสี่ยวชี่พูดว่า: “อย่างนั้นอยู่ที่ไหนล่ะ? ”

ไอ้อ้วนตงยักไหล่ ยิ้มและพูดว่า: “เรื่องนั้นใครจะไปรู้ล่ะ ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจจะกลับไปยังตระกูลหานแล้วก็เป็นได้! ”

เมื่อพูดจบ ไอ้อ้วนตงก็หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้น เฟิงเสี่ยวชี่เองก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “อาเล็ก ท่านช่างพูดล้อเล่นเสียจริงเลย……”

ในเวลาเดียวกัน ที่ตระกูลหาน

ลู่ฝานยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูของตระกูลเทียน ขมวดคิ้วและพูดว่า: “กลางวันแบบนี้ทำไมต้องปิดประตูด้วยล่ะ คนที่เฝ้าประตูไปไหนหมดแล้ว? ”

ลู่ฝานผลักประตูออก แล้วก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้านใน

ขณะที่เดินเข้าไป พวกเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งที่กำลังฝึกซ้อมวิชาอยู่นั้น เมื่อมองเห็นลู่ฝาน เด็กกลุ่มนี้ก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงขึ้นอย่างกะทันหัน

ลู่ฝานมองไปที่พวกเขา ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “พวกนายมองฉันแบบนี้ทำไม? ”