ตอนที่ 772 สะเทือนรอบทิศ
ติงหงมีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว เคยผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ของประเทศจีนยุคใกล้สมัยใหม่มาเกือบทั้งหมด และเคยผ่านความโกลาหลช่วงสงครามมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ใดที่จะเป็นภัยถึงชีวิตของเขาได้เลย ลึกๆ ในใจเขาจึงรู้สึกว่า ตนยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในโลกนี้
แต่ความรู้สึกที่ว่าตนเหนือกว่าผู้ใดนั้น วันนี้กลับถูกขีปนาวุธอันทรงอานุภาพมหาศาลลูกนั้นทำลายไปเสียแล้ว
ติงหงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยู่ในส่วนลึกของภูเขา และยังใช้พลอยวิเศษตั้งค่ายกลขึ้นมาได้ทันเวลาแล้วละก็ ลำพังแค่การสั่นสะเทือนที่เกิดจากการระเบิด ก็คงพอที่จะทำให้ร่างของเขาแหลกเหลวไปถึงกระดูกได้แล้ว
เรื่องนี้เปรียบได้กับการที่ช้างสารถูกมดปลวกท้าทาย และก็เกือบจะชนะคำท้าแล้วด้วยซ้ำ ทำให้ติงหงไม่อาจข่มกลั้นโทสะได้ เขาจะทำให้ไอ้ฝรั่งตัวขาวมีขนพวกนี้รู้ว่า หลังจากมายั่วโทสะเขาแล้วจะต้องมีจุดจบอย่างไร
ติงหงเงยหน้ากู่ร้องขึ้นฟ้า เสียงกู่ร้องนั้นดังกระหึ่มจนอากาศโดยรอบเกิดคลื่นเป็นระลอก และดังกระจายออกไปไกลถึงสิบกว่ากิโลเมตร
เสียงกู่ร้องนี้ดังต่อเนื่องไปราวๆ หนึ่งนาทีเศษ เยี่ยเทียนที่อยู่ไกลออกไปสิบกิโลเมตรต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า ระหว่างที่กู่ร้องออกมา อาการบาดเจ็บทั้งหลายที่อวัยวะภายในของติงหงก็กำลังฟื้นฟูขึ้นมาอย่างสังเกตได้ชัด
แม้ว่าติงหงจะยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพังคนเดียว แต่กลับดูองอาจน่าเกรงขามดั่งขุนเขา พลังอันน่าสะพรึงพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า แม้แต่แสงอาทิตย์ที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไปก็ยังมืดสลัวลง
……
“เจ้านั่นยังไม่ตายอีกรึ? พระเจ้าช่วย นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
ขณะที่ติงหงปรากฏร่างออกมาให้เห็น บนจอแสดงภาพจากดาวเทียมในกองบัญชาการที่อยู่ไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตรนั้น ก็ปรากฏร่างของเขาขึ้นเช่นกัน ทำให้เกิดความอลหม่านกันไปทั่วกองบัญชาการ
แม้ว่าขีปนาวุธ Kh-555 ลูกนั้นจะไม่ได้ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ไว้ แต่อานุภาพที่เกิดจากการระเบิดนั้นก็เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เชื่อไม่ลงจริงๆ ว่า ท่ามกลางการระเบิดระดับนั้น จะยังมีผู้ที่สามารถมีชีวิตรอดมาได้อีก
แต่นี่ก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้น ภาพของติงหงที่ดาวเทียมสอดแนมถ่ายมาได้นั้น ใบหน้าอาบไว้ด้วยความเย้ยหยัน เรียกได้ว่าเป็นการท้าทายอย่างเปิดเผยเลยทีเดียว ราวกับว่าเขากำลังเยาะเย้ยพวกที่คิดจะมาจัดการกับตน
“ยิง ยิงเร็วเข้า!”
เหล่านายพลเกือบจะทุกคนต่างหยิบเครื่องวิทยุสื่อสารขึ้นมาพร้อมๆ กัน ความพรั่นพรึงเข้าครอบงำหัวใจของพวกเขาจนหมดแล้ว มีแต่ต้องกำจัดบุรุษผู้เปรียบดั่งปีศาจคนนั้นให้สิ้นซาก พวกเขาถึงจะรู้สึกวางใจได้
“ปังๆ…ปังๆๆ…”
ชั่วขณะที่คำสั่งส่งมาถึงเฮลิคอปเตอร์ ก็มีแสงไฟแลบออกมาจากเฮลิคอปเตอร์สิบกว่าลำพร้อมๆ กัน ปืนกลหนักที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 20 มิลลิเมตรส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า
ลูกกระสุนนับไม่ถ้วนปิดผนึกร่างของติงหงจากทั้งด้านหน้าด้านหลังและเหนือศีรษะอย่างหนาแน่นถี่ยิบ กลิ่นกำมะถันที่อยู่ในดินปืนฟุ้งตลบไปทั่ว กระสุนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับห่าฝนนั้นบดบังแสงอาทิตย์จนมืดไปหมด
แม้แต่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนที่มองดูอยู่ไกลๆ ก็ยังตกตะลึงตาค้าง เขารู้ดีว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเองละก็ สงสัยคงถูกยิงจนร่างพรุนเป็นร้อยๆ พันๆ รูในชั่วพริบตา ไม่เหลือโอกาสที่จะรอดชีวิตแน่นอน
“จะทำอะไรข้าได้?!”
ติงหงมองดูห่ากระสุนที่รัวกระหน่ำลงมา บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนจิตใจประเสริฐอะไรอยู่แล้ว แต่เพียงเพื่อที่จะไปถึงขั้นสำเร็จจินตันบรรลุมหามรรคให้ได้ หนึ่งร้อยกว่าปีมานี้จึงพยายามระงับควบคุมจิตใจของตนมาโดยตลอด
แต่สิ่งที่ประสบในวันนี้กลับไปปลุกมารในใจของเขาขึ้นมา ในสมองมีความคิดอยู่เพียงประการเดียวคือ จะต้องเด็ดหัวของพวกคนธรรมดาที่กล้ามาหยามศักดิ์ศรีของเขาเหล่านี้เสียให้หมดทุกคน
ชั่วพริบตาที่ห่ากระสุนระลอกแรกยิงมาถึงตรงหน้า ติงหงพลันอ้าปากพ่นลำแสงสีแดงออกมา ก่อขึ้นเป็นเกราะป้องกันสีแดงปกคลุมรอบกาย
เมื่อกระสุนจากปืนกลหนักเหล่านั้นยิงมาถึงเกราะป้องกัน ก็กลับไม่อาจทำให้เกิดการสั่นคลอนได้เลย ลูกกระสุนอัลลอยด์ถูกสลายเป็นผุยผงไปเรื่อยๆ ระหว่างที่สองฝ่ายปะทะกัน แสงเพลิงก็สาดไปรอบทิศ ขับเน้นร่างของติงหงจนดูราวกับเป็นเทพเจ้าก็ไม่ปาน
“รับแล้วไม่ตอบกลับย่อมถือว่าไร้มารยาท!”
เมื่อครู่เป็นเพียงการสกัดลูกกระสุนเหล่านั้น ติงหงย่อมไม่ยอมเลิกราเพียงเท่านี้แน่ จึงตั้งจิตแผ่ปราณแท้กลุ่มหนึ่งออกมาจากใต้ฝ่าเท้า ปกคลุมร่างของเขาไว้และพาตัวทะยานขึ้นฟ้า เหาะเหินไปยังเฮลิคอปเตอร์สามลำที่อยู่ใกล้ที่สุด
ชั่วขณะที่ร่างของติงหงเคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิม เฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นก็สูญเสียเป้าหมายไปทันที ห่ากระสุนเต็มฟ้ายิงลงไปถึงพื้นจนหมดแล้ว แต่คนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์สามลำที่ใกล้ที่สุดนั้นกลับพบว่า เกราะป้องกันสีแดงที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ติงหงได้อันตรธานไปแล้ว
ในครู่ถัดไปนั้นเอง เบื้องหน้าพวกเขาก็พลันมีแสงสีแดงสว่างวาบ โครงเหล็กชั้นนอกของเฮลิคอปเตอร์ทั้งลำถูกฉีกขาดเป็นสองซีกราวกับเต้าหู้
ใบพัดที่กำลังหมุนอย่างเร็วจี๋หลุดออกจากตัวเครื่อง แล้วปลิวไปชนกับกระจกของเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งที่อยู่ข้างหลังอย่างแรง ฟันศีรษะของนักบินในนั้นจนขาดกระเด็นทันที ห้องเครื่องของเฮลิคอปเตอร์เกิดประกายไฟลุกวาบ
ส่วนเฮลิคอปเตอร์ร่วมทีมอีกลำหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไรเลย แม้จะอยู่ตำแหน่งหลังสุด แต่หลังจากที่ประกายแสงสีแดงฉีกทำลายเฮลิคอปเตอร์ลำแรกไปแล้ว ก็ตรงมาเด็ดใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ทิ้งไปทันที
เมื่อขาดใบพัด เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นจึงกระตุกร่วงลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง เนื่องจากมันตกจากความสูงถึงหนึ่งร้อยกว่าเมตร หลังจากกระทบถึงพื้นจึงกลายเป็นเศษเหล็กกองหนึ่ง จากนั้นเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นมาทันที
ทหารยี่สิบกว่านายที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์ต่างก็มีเลือดหลั่งไหลออกจากปากและจมูก ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลยสักคน ใบหน้าของแต่ละคนเต็มด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่จะเผชิญกับความตาย พวกเขายังต้องผ่านวินาทีแห่งการรอคอยอันโหดร้ายอีกด้วย
เฮลิคอปเตอร์สามลำนั้นแทบจะปราศจากการตอบสนองใดๆ กลายเป็นพลุไฟสว่างเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า เปลวเพลิงและควันหนาตลบไปทั่ว ทำให้เฮลิคอปเตอร์อีกสิบกว่าลำที่อยู่ห่างออกไปรีบปรับระดับบินขึ้นสูงทันที
แต่ทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์ ในเมื่อติงหงซึ่งกำลังมีจิตสังหารอยู่เต็มอกได้เริ่มลงมือไปแล้ว เขาก็ไม่มีความคิดที่จะยั้งมือเลย ปราณแท้ปกคลุมร่างของเขาไว้ ประกายสีแดงนั้นพุ่งทะลุผ่านฝูงเฮลิคอปเตอร์ไปราวกับสายฟ้าแลบ
ประกายแสงสีแดงซึ่งยังไม่รู้แน่ชัดว่าก่อขึ้นจากสสารใดนี้เปรียบดั่งสายรุ้งหลังฝน และก็เปรียบเหมือนเคียวคร่าชีวิตของยมทูต มันพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉวัดเฉวียนไปมาท่ามกลางฝูงเฮลิคอปเตอร์ บดขยี้เชือดเฉือนเฮลิคอปเตอร์สิบกว่าลำอย่างรวดเร็วรุนแรง
เสียงระเบิดดังกระหึ่มขึ้นตามมา แทรกด้วยเสียงร้องโหยหวนของคนที่กำลังจะเผชิญกับความตาย ความพยาบาทอันไร้ที่สิ้นสุดทำให้แม้แต่แสงอาทิตย์ยังเลือนหายไปจากบริเวณนี้
เปลวเพลิงและควันดำปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งแจ่มใส ก่อเกิดกลุ่มเมฆดำอันหนาแน่นขึ้นมาทันที ดวงอาทิตย์…ก็คงจะทนเห็นภาพที่ดูราวกับขุมนรกบนโลกมนุษย์นี้ไม่ได้เช่นกัน
ในชั่วขณะนี้ ผู้คนนับไม่ถ้วนที่กำลังยืนอยู่หน้าจอภาพแสดงผล และเห็นภาพนี้จากดาวเทียม ต่างก็พากันตกตะลึงจังงังจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาใดออกมาได้เลย แม้แต่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดที่ใช้สเปเชียลเอฟเฟคก็คงถ่ายทำฉากแบบนี้ออกมาไม่ได้แน่ๆ
“ม…มันทำได้ยังไงเนี่ย?”
คำถามนี้ผุดขึ้นในใจของคนเกือบทุกคน กระทั่งบางคนยังตั้งสมมติฐานว่า แท้จริงแล้วเฮลิคอปเตอร์สิบกว่าลำนั้นอาจถูกขีปนาวุธบางอย่างโจมตีใส่ ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงไม่ระเบิดขึ้นมาพร้อมๆ กันแบบนี้
“ไปสืบมาเดี๋ยวนี้เลย ว่ามันเป็นอาวุธลับที่ประเทศจีนพัฒนาขึ้นมารึเปล่า?”
ยามนี้ประมุขแห่งทำเนียบขาวได้เร่งรุดไปถึงอาคารเพนตากอนแล้ว ภาพเปลวเพลิงเต็มท้องฟ้าที่ฉายบนจอแสดงผลนั้นทำให้เขาต้องขมวดคิ้วมุ่น
ช่วงนี้รัฐบาลอเมริกากำลังถูกโจมตีอย่างหนัก ถ้าด้านการทหารยังถูกประเทศจีนล้ำหน้าไปอีกละก็ อย่างนั้นอเมริกันชนก็จะไม่ได้เชิดหน้าชูตาในฐานะผู้พิทักษ์สันติภาพของโลกอีกต่อไป
“บอกพวกสมาชิกฝ่ายขวาว่า ช่วงนี้ให้อยู่กันสงบๆ ก่อน แล้วก็ พิธีบูชาที่ศาลเจ้าอาทิตย์หน้าที่ผมต้องไปร่วมก็ให้เลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนดด้วย!”
ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นซึ่งเพิ่งจะขึ้นตำแหน่งและจัดตั้งคณะรัฐมนตรีไปไม่นานนั้น ก็กำลังถ่ายทอดคำสั่งต่อผู้ช่วยอยู่เช่นกัน ภาพที่ปรากฏแก่สายตานั้น ทำให้เขาอดเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาในใจไม่ได้
ส่วนผู้นำของประเทศอื่นๆ อย่างอังกฤษ เยอรมัน และฝรั่งเศสก็ถูกปลุกขึ้นมาจากการนอนหลับเช่นกัน การที่เยี่ยเทียนเข่นฆ่าพวกทหารไปเมื่อก่อนหน้านี้ถือเป็นเพียงการกระทำที่เหี้ยมหาญ แต่การที่สามารถทำลายเฮลิคอปเตอร์สิบกว่าลำในชั่วพริบตาได้นั้น กลับเรียกได้ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงปลอดภัยของชาติเลยทีเดียว
เกือบทุกประเทศที่สามารถเห็นภาพเหตุการณ์นี้ผ่านดาวเทียมสังเกตการณ์ได้ ต่างก็กำลังเปิดการประชุมวาระฉุกเฉิน เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องเชื่อมโยงชาวจีนคนนั้นไปถึงรัฐบาลจีนไว้ก่อน
ในอาคารใต้ดินแห่งหนึ่งที่ชานกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งได้รับการเฝ้าคุ้มกันอย่างเข้มงวดในระยะหนึ่งร้อยกว่าเมตรนั้น มีผู้นำระดับแกนนำเจ็ดท่านนั่งอยู่ร่วมกันอย่างน่าเกรงขาม ทว่าต่างจากอาการตกตะลึงของผู้นำประเทศอื่นๆ คนเหล่านี้กลับรู้ที่มาของบุคคลในชุดนักพรตผู้นี้ดี
“นี่…นี่มันคือหนึ่งในคนพวกนั้นใช่ไหมเนี่ย?” ผู้ที่เอ่ยถามขึ้นเป็นชายชราอายุเจ็ดสิบกว่าปีคนหนึ่ง แต่เขารักษาสุขภาพได้ดีมาก ดูภายนอกจึงเหมือนกับอายุเพียงห้าสิบกว่าปีเท่านั้น ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมนั้นฉายบารมีของผู้เป็นใหญ่ออกมา
“น่าจะใช่นะ แต่คนพวกนั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกของปุถุชนมาตั้งนานแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงแห่ไปเปิดฉากสังหารหมู่ที่รัสเซียได้ล่ะ?” ชายวัยกลางคนที่นั่งตำแหน่งถัดไปขมวดคิ้วขึ้นมา อันที่จริงดูจากรอยย่นที่หางตาของเขาก็พอจะรู้แล้วว่า เขาไม่ได้อายุน้อยๆ แล้ว
“เขาก็เป็นคนชาติเดียวกับเรา พอจะส่งเข้าไปอยู่ในองค์กรลับของเราได้รึเปล่านะ?”
นายพลที่นุ่งเครื่องแบบผู้บัญชาการทหารผู้หนึ่งดวงตาลุกวาว จ้องเขม็งไปที่ภาพในวิดีโอพลางกล่าวว่า “ถึงหลายปีมานี้ประเทศเราจะพัฒนาศักยภาพของบุคคลไปได้อีกระดับหนึ่งแล้ว แต่ที่นั่นก็ยังไม่มีใครที่พอจะเทียบกับคนผู้นี้ได้เลยสักคน มันห่างชั้นกันเกินไปแล้วนะ!”
“เหล่าจิ้น คุณเลิกคิดเถอะน่ะ สมัยก่อนท่านผู้ก่อตั้งยังทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้เลย แล้วพวกมันจะมาไว้หน้าพวกเราได้ยังไงกัน?”
ชายชราคนที่พูดขึ้นเป็นคนแรกทอดถอนใจ จากนั้นสีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมา “ต้องปิดข่าวเกี่ยวกับคนเหล่านี้ให้มิด ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ก็ให้เพิ่มระดับการรักษาความลับขึ้นไปอีก หากผู้ใดเผยแพร่ออกไปให้ลงโทษฐานะคนทรยศชาติ!”
แม้จะไม่สามารถขับไล่เนรเทศผู้บำเพ็ญพรตเหล่านี้ได้ แต่ชายชราผู้นี้ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะใช้คนเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการส่งสัญญาณผิดๆ เพื่อขู่โลกภายนอก ปกตินักยุทธศาสตร์การรบก็มักจะเล่นกับเรื่องจริงๆ เท็จๆ ตบตาฝ่ายตรงข้ามให้เกิดความสับสนอยู่แล้ว
ระหว่างที่นานาประเทศกำลังเคลื่อนไหว กินเนสส์ที่อยู่ในกองบัญชาการห่างจากจุดเกิดเหตุไปหลายร้อยกิโลเมตรก็กำลังตะลึงงันอยู่เช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงเลยว่า การปล่อยขีปนาวุธระดับยุทธศาสตร์ออกไปนั้น นอกจากจะสังหารคนผู้นี้ไม่สำเร็จแล้ว กลับยังทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้ามากขึ้นกว่าเดิมอีก
บนเฮลิคอปเตอร์สิบกว่าลำนั้นมีทหารเป็นๆ อยู่หลายร้อยนาย การบาดเจ็บล้มตายครั้งนี้จึงสาหัสยิ่งกว่าในหลายวันที่ผ่านมาเสียอีก และอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่กองทัพรัสเซียประสบ กับการบาดเจ็บล้มตายมากที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองมาเลยด้วยซ้ำ
กินเนสส์ทึ้งผมบนศีรษะที่เดิมก็เหลืออยู่ไม่มากแล้วอย่างกลุ้มใจ เขาไม่รู้จริงๆ แล้วว่าควรจะอธิบายกับทางวัง เครมลินอย่างไรดี
กินเนสส์รู้ดีว่า ขณะนี้ไม่ได้มีเพียงดาวเทียมของรัสเซียเท่านั้นที่กำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ ประเทศอื่นๆ ก็คงจะกำลังจับตาดูอยู่เช่นกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คราวนี้หน้าตาของรัสเซียได้เสียหายย่อยยับหมดแน่