บทที่ 1146 ปะทะองค์ชาย!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หวังเป่าเล่อหรี่ตาเพ่งมององค์ชายไม่รู้สิ้นผู้นั้น ในยามนี้เท่าที่เขารู้จักตระกูลไม่รู้สิ้นและได้รู้จักราชนิกุลทั้งหมดมา ทุกคนล้วนเป็นลูกหลานสายในของจักรพรรดิสวรรค์ไม่รู้สิ้น

ตระกูลไม่รู้สิ้นในยามนี้ หวังเป่าเล่อไม่รู้ว่ายังมีองค์ชายอีกหลายองค์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนผู้นี้ถูกส่งมายังที่นี่ได้แถมยังมีผู้พิทักษ์คอยติดตาม เห็นได้ชัดว่าองค์ชายผู้นี้คงมีชาติตระกูลไม่น้อย แม้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งสูงสุดในหมู่องค์ชายแต่ก็ไม่ต่ำต้อยแน่นอน

“บางทีอาจจะเป็นบุตรหลานของจักรพรรดิเดือนแยก หรือบางทีอาจจะเป็นสายโลหิตนอกราชวงศ์ของจักรพรรดิสวรรค์เสวียนหัว หรือบางทีก็เป็นสายโลหิตของจักรพรรดิสวรรค์องค์อื่นที่ไม่ได้มา?” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากตัวขององค์ชายไม่รู้สิ้นท่านนี้

กระทั่งกล่าวได้ว่า หากไม่ได้เข้ามายังดาวเคราะห์สีเทาดวงนี้ก่อน และไม่ได้รับการบ่มเพาะก่อนหน้า หากต้องสู้กับคนผู้นี้ เกรงว่าบางทีเขาอาจเพลี่ยงพล้ำ

ดารานิรันดร์ระดับสวรรค์ ย่อมสูงกว่าระดับปฐพีมาก แม้ไม่อาจเทียบกับดารานิรันดร์เต๋าของตน แต่พลังฝึกปรือของคนผู้นี้เป็นระดับดารานิรันดร์ขั้นสมบูรณ์แล้ว ส่วนสถานภาพของเขาย่อมทำให้เจ้าตัวได้รับทรัพยากรมากกว่า คิดไปแล้วในยามนี้ระยะห่างจากระดับจักรพิภพ…ก็คงไม่มากนัก

ท่าทางแบบนี้ หวังเป่าเล่อทราบดีแก่ใจ การจะฆ่าอีกฝ่ายนั้นยากอย่างยิ่ง อาจตกสู่กับดักได้ ทั้งอีกฝ่ายคงมีวิชาป้องกันตัวอยู่มากทีเดียว

“หรือว่า จุดมุ่งหมายที่มาที่นี่ ก็เพื่อให้ได้รับการบ่มเพาะนี้ แล้วเข้าสู่ระดับจักรพิภพ?” ความคิดมากมายแล่นผ่านหัวของหวังเป่าเล่อ เขาพลันผุดยิ้ม ฉับพลันดวงตาฉายประกายแวบหนึ่ง

ประกายตาที่วาบผ่านนี้ พริบตานั้นก่อเกิดเจตจำนงที่จะต่อสู้

“กล้าเป็นศัตรูกับเจ้า?” ในยามที่หวังเป่าเล่อเอ่ยปาก ร่างของเขาก็พุ่งทะยานด้วยความรวดเร็ว พริบตาก็เข้าใกล้เตาหลอมขององค์ชายไม่รู้สิ้น!

เขาไม่จำเป็นต้องไปคิดเรื่องว่าจะเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายหรือไม่ ในฐานะที่เป็นคนของสำนักแห่งความมืด ศิษย์พี่ของเขากำลังต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ เช่นนั้นเขาก็ต้องสู้กับตระกูลไม่รู้สิ้นเช่นกัน อีกทั้งปรมาจารย์แห่งไฟอาจารย์ของเขาก็ไม่เคยคิดอยู่ร่วมโลกกับตระกูลนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ความเป็นศัตรู…ถูกกำหนดไว้แต่แรกแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อย่อมไม่ลังเลอะไรอีก อีกทั้งศิษย์พี่ยังอยู่ในเตาหลอม ตนจะสามารถนิ่งเฉยได้อย่างไร หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าเขาจำเด็กสาวคนนั้นของสำนักแห่งความมืดได้ไม่ผิดแน่ นางย่อมเป็นคนของสำนักแห่งความมืด

ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดศิษย์พี่ถึงไม่ลงมือ หวังเป่าเล่อไม่สนใจ หากกจะช่วยแล้วผิดอย่างไรกัน

ดังนั้นในพริบตา เขาจึงทะลุมวลอากาศว่างเปล่า ก่อเกิดเสียงดังกังวาน ครู่ถัดมาที่ปรากฏกายอีกครั้ง หวังเป่าเล่อก็กำหมัดขวาแน่นแล้วกระแทกลงไป

ห้วงเวลานั้น ราวกับดาวเคราะห์สะท้านสั่นไหว เหล่าผู้พิทักษ์รอบด้านเตาหลอมแต่ละคนระเบิดพลังปราณแล้วพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ประสานพลังกันเพื่อสยบหวังเป่าเล่อ

อึดใจที่ทั้งสองฝ่ายใช้พลังปะทะกันนั้น ในจังหวะที่พลังปราณต่อประสาน…องค์ชายไม่รู้สิ้นผู้นั้นที่ยืนอยู่บนเตาหลอมพลันยกมือขวาขึ้น ในมือของเขามีไอหมอกสีดำก้อนหนึ่งปรากฏ มันหมุนวนจนก่อรูปเป็นไม้ไผ่สีดำห้าแท่ง!

ในซี่ไม้ไผ่เหล่านี้ ยามที่มันปรากฏร่างก็ถูกองค์ชายไม่รู้สิ้นหักเข้าหนึ่งแท่ง!

จังหวะที่หักนั้นเอง บรรยากาศรอบด้านของหวังเป่าเล่อก็บิดโค้ง พลันปรากฏรูปของแท่งไม้ไผ่นับหมื่นพุ่งเข้ามาหาเขาทันที

หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขาระเบิดพลังกายเนื้อแล้วใช้หนึ่งหมัดเช่นเดิม!

ทว่า ตอนนั้นเอง องค์ชายไม่รู้สิ้นผู้นั้นก็เผยประกายเย็บยะเยียบในแววตา เอ่ยปาก

“ทลาย!”

ระหว่างที่องค์ชายไม่รู้สิ้นเอ่ยปากนั้น ยังไม่ทันที่ไม้ไผ่ทั้งหมื่นแท่งจะเข้าใกล้หวังเป่าเล่อมันก็ระเบิดออก กลายเป็นลมพายุรุนแรงม้วนกวาดหวังเป่าเล่อเข้าไว้ข้างใน เวลาเดียวกันผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็ลงมือระเบิดพลังฝึกปรือของตนพุ่งเข้าโจมตี

เสียงดังสนั่นรุนแรงเกิดขึ้น เหล่าผู้พิทักษ์ที่ลงมือร่างกายสั่นสะท้านบ้าคลั่ง สีหน้าแปรเปลี่ยน ร่างของพวกเขาถูกขุมพลังกล้าแกร่งไร้การควบคุมซัดเข้าจนกระจายหายไปรอบทิศ ภายในพายุหมุนไม้ไผ่นับหมื่น หวังเป่าเล่อยามนี้สภาพดูไม่ได้เล็กน้อย ทว่าก็ยังอาศัยร่างเนื้อที่แข็งแกร่งพุ่งเข้าไปเช่นกัน ดวงตาเจือไปด้วยจิตสังหารเพ่งเล็งไปยังองค์ชายไม่รู้สิ้น เขาเคลื่อนกายครั้งหนึ่งพุ่งเข้าไปสังหารองค์ชายไม่รู้สิ้นที่ไม่มีผู้พิทักษ์รอบด้าน

แววตาขององค์ชายยังเหมือนเดิม ในจังหวะที่หวังเป่าเล่อพุ่งเข้ามา เขาหักไม้ไผ่สีดำอีกครั้ง พริบตานี้…ร่างของหวังเป่าเล่อถูกบังคับให้หยุด รอบด้านล้วนว่างเปล่าไร้เงาคลื่น ไม้ไผ่เหล่านั้นปรากฏออกมาอีกรอบ จำนนมหาศาล…มากกว่าคราวก่อนถึงกับมีประมาณห้าหมื่นแท่ง

ในพริบตาที่ปรากฏตัวออกมาอีกครา เหล่าไม้ไผ่พวกนี้ส่งเสียงระเบิดดึงกึกก้อง กลายเป็นพายุรุนแรงสะท้านขวัญกว่าเก่า ส่วนเหล่าผู้พิทักษ์รอบด้านก็พุ่งเข้ามาสังหารอีกครั้ง ต่างใช้พลังเทพ วิชา สมบัติล้ำค่า ออกมาไม่หยุด

เสียงดังกังวานไปทั่วแปดทิศ ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนรอบด้านหน้าเปลี่ยนสี เวลาเดียวกันกับที่หวาดผวาพลังขององค์ชายไม่รู้สิ้น เสียงคำรามของหวังเป่าเล่อก็ดังออกมาจากภายในพายุ พริบตาถัดมา…เหล่าผู้พิทักษ์ทั้งสี่ล้วนมุมปากอาบเลือด ต้องล่าถอยอีกครั้ง ส่วนหวังเป่าเล่อที่พวกเขาประสานพลังกันมาโจมตีกลับเหมือนอสูรดุร้ายจากบรรพกาล แม้จะสภาพย่ำแย่กว่าเก่า แต่จิตอาฆาตของเขากลับทวีกำลังกว่าเดิม พุ่งตัวเข้าไปอีกครั้ง

“โง่เง่า!”

องค์ชายไม่รู้สิ้นเอ่ยเสียงเรียบ ทว่าในใจกลับผ่อนคลายลง ในความคิดของเขา ถ้าเป็นพวกวิ่งเข้าชนไม่ยั้งก็ไม่น่ากลัวเท่าไร คนพวกนี้แค่หักท่อนไม้ก็จัดการได้แล้ว

ทว่า คนเบื้องหน้า ท่าทีที่แสดงออกตั้งแต่เข้ามาในพื้นที่นี้ช่างยโสโอหังนัก ความอหังการประเภทนี้หากใช้การประเมินของตนแล้ว กลิ่นอายเช่นนั้นคงจะสังหารผู้อื่นมาแล้วนับไม่ถ้วน

ดังนั้นในยามที่เขาเอ่ยปาก และหวังเป่าเล่อพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง องค์ชายไม่รู้สิ้นก็เผยยิ้มบาง แล้วจัดการหักไม้ไผ่สีดำในมือทั้งสามท่อนจนสะบั้นลงพร้อมกัน!

พริบตาที่ไม้ไผ่แตกหัก รอบด้านของหวังเป่าเล่อพลันปรากฏไม้ไผ่นับแสนกว่าแท่ง ตอนนั้นเอง พวกมันก็ระเบิดออกมา!

เสียงสะเทือนกัมปนาททลายฟ้า พายุหมุนรุนแรงเสียยิ่งกว่าครั้งก่อนกวาดเข้ารอบตัวหวังเป่าเล่อ ส่วนผู้พิทักษ์นับสิบกว่าคนรอบล้วนเผยยิ้มเหี้ยม พวกมันระเบิดพลังฝึกปรือ เผยให้เห็นร่างแท้ไม่รู้สิ้น ขุมกำลังของพวกมันในยามนี้แข็งแกร่งกว่าเก่าอย่างน้อยหนึ่งเท่า!

เห็นได้ชัดว่า ก่อนหน้านี้พวกมันไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดในการต่อสู้ แต่กลับแอบซ่อนเอาไว้ ยามนี้ระเบิดพลังออกมาก็ราวกับเทพโหดเหี้ยมสิบกว่าองค์ พุ่งมายังพายุคลั่งที่ล้อมตัวหวังเป่าเล่อ แล้วใช้พลังศึกทั้งหมดในการสังหาร!

ในชั่วพริบตา องค์ชายไม่รู้สิ้นพลันขยับกาย ก้าวเท้าออกจากเตาหลอม มือขวาที่ยกขึ้นของเขานั้นมีผนึกหินขนาดยักษ์ มันลอยขึ้นเบื้องหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งไปยังหวังเป่าเล่อซึ่งอยู่ในวงล้อมผู้คนและพายุ หวังจะสยบอีกฝ่าย!

“พวกโง่!” พริบตาที่ลงมือ องค์ชายไม่รู้สิ้นเผยประกายเหยียดหยามในแววตา แต่ว่า…ตอนที่เขาเข้ามาใกล้เพื่อลงมือและผู้พิทักษ์รอบด้านระเบิดพลัง พริบตาที่พายุพัดโหมนั่นเอง เสียงเรียบนิ่งเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากใจกลางพายุนั้น

“ในที่สุดเจ้าก็ออกมาแล้ว กฎกระดาษ!” ทันทีที่เขาลงมือ ภายในใจกลางพายุ หวังเป่าเล่อที่ทุกคนคิดว่าอยู่ท่ามกลางพายุได้คลั่งไปเสียแล้ว กลับมีสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาฉายประกายประหลาด เขายกมือขวาขึ้นคว้าบางอย่าง พริบตานั้นดาวเคราะห์เต๋าดารานิรันดร์ด้านหลังของเขาก็พลันปรากฏร่าง

กฎแปรสภาพเป็นกระดาษ สำแดงพลังออกมาทันที

นั่นคือกฎแห่งดาวเคราะห์เต๋านิรันดร์ และเป็นแรงเสริมสำหรับดาวเคราะห์เต๋านิรันดร์ทั้งเก้าดวง คือสิ่งเหนี่ยวนำเหล่าดาวเคราะห์พิเศษนับหมื่นดวง ทุกอย่างหลอมรวมกันทำให้กฎแห่งการแปรสภาพเป็นกระดาษในยามนี้สำแดงพลังสุดขีดออกมา

จังหวะนั้นเอง พลังคลื่นที่ยากจะตรวจพบด้วยสัมผัสปรากฏขึ้นโดยมีหวังเป่าเล่อเป็นใจกลาง แผ่ซ่านออกไปทั่วทิศ กวาดล้างทุกสิ่งที่สัมผัสให้กลายเป็นกระดาษ!

พายุร้าย กลายเป็นเพียงเศษกระดาษ!

เหล่าผู้ฝึกตนที่เฝ้าพิทักษ์รอบด้าน ร่างกายสั่นสะท้านบ้าคลั่ง เวลาเดียวกันที่ใบหน้ายังคงอยู่ในความตกตะลึงนั้น ก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นกระดาษรูปมนุษย์!

ผนึกศิลาชิ้นนั้นก็เป็นเช่นเดียวกัน ด้านองค์ชายไม่รู้สิ้นที่เดินเข้ามา ร่างของเขาสั่นสะท้าน ใบหน้าถอดสี คิดจะล่าถอยก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะคลื่นพลังกวาดผ่านร่างเข้าพอดี

ร่างกายของเขากลายเป็นกระดาษอย่างรวดเร็ว…เห็นชัดอย่างกระจ่างแจ้ง!

“ใครกันเล่าที่เป็นไอ้โง่?” ท้องฟ้าราวกับกลายเป็นสีขาว ท่ามกลางแผ่นกระดาษนับไม่ถ้วน หวังเป่าเล่อเดินออกมา ไม่ได้มีความโกรธแม้แต่น้อย อารมณ์นิ่งสงบ หันไปกล่าวกับองค์ชายไม่รู้สิ้นผู้นั้นเบาๆ ด้วยท่าทีเหมือนเอ่ยกับสภาพอากาศ

ยามที่เอ่ยปาก หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้น เปลวไฟดวงหนึ่งก่อขึ้นมา…ส่งไปยังเศษกระดาษรอบด้าน ปล่อยไฟให้โหมกระจายไปทั่ว!

              ……………………………………………………………………………..