ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 755 สำนักแสงสว่างถูกทำลาย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ไม่อาจเข้าใกล้ดินแดนจิตคุณธรรม จึงบังคับให้วังฝูงมังกรลอยขึ้นมาบนผิวทะเลอยู่ห่างๆ

ในสถานที่ที่ท้องฟ้าและน้ำทะเลตัดกันซึ่งอยู่ไกลออกไป สามารถเห็นแสงสว่างที่เหมือนกระแสน้ำกำลังบดบังท้องฟ้า กั้นมิติด้านในและด้านนอกเหมือนกับขอบเขตชั้นหนึ่งได้

ภายใต้การครอบคลุมโดยประกายน้ำ ทุกสิ่งที่อยู่ด้านในซีดขาวและเชื่องช้า

ภายใต้การชำระล้างจากกาลเวลา ทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนเป็นเปราะบางเหลือแสน

ต่อให้ท่านจะเป็นวีรบุรุษสะท้านโลก ต่อให้ท่านจะมีความสามารถเทียมฟ้า ก็ไม่อาจต้านทานการไหลของวันเวลา สุดท้ายก็ต้องมีวันที่เสื่อมโทรมไป หลังจากกาลเวลาอันยาวนาน ฝุ่นจะกลับสู่ฝุ่น ดินจะกลับสู่สิน เหลือแค่ฟองเงาให้คนรุ่นหลังได้เชยชม

เยี่ยนจ้าวเกอเมื่อเห็นภาพนั้นก็อดส่ายหน้าไม่ได้ ‘การร่วมมือกันของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่ฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย’

คังผิง กู้จาง เฮ่อตงเฉิง ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามที่ฝึกฝนกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยลงมือพร้อมกัน ประกายกระบี่ครอบคลุมดินแดนจิตคุณธรรมในทันที

ทุกสิ่งต่างมุ่งสู่ความเสื่อมโทรมและความตายทีละก้าว ผ่านการชำระล้างโดยกาลเวลา ความเร็วขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและอ่อนแอของอีกฝ่าย

เหตุการณ์นี้ได้สะท้อนถึงข้อดีที่เยี่ยนจ้าวเกอแจ้งข่าวให้กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนบุกจู่โจมอย่างเด็ดขาดได้ทันเวลา

ในตอนนั้นกู้จางถูกกู้หง โจวฮ่าวเซิง กงซุนอู่ และหลัวจื้่อเทาร่วมมือกันทำร้าย ถึงตอนนี้ยังไม่หายดี

โชคดีที่มีเหตุการณ์นั้น กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนที่อยู่บนผาตะวันจันทราในดินแดนจิตคุณธรรม ตอนนี้จึงพอจะฝืนป้องกันได้

แต่ว่าพวกคังผิงยังคงได้เปรียบอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย

“หลัวจื้อเทา กู้หง พวกเจ้าชดใช้ชีวิตให้ภรรยาข้าเถอะ!” คังผิงใบหน้าไร้อารมณ์ สายตาเย็นเยียบ ยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศด้านบนผาตะวันจันทรา

ประกายกระบี่ของเขาจืดจางดุจน้ำ ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของหมู่คนที่อยู่รอบๆ

ประกายกระบี่กระจายไปที่ใด สรรพสิ่งล้วนเข้าสู่การหยุดนิ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเก่าแก่เสื่อมโทรม

บนผาตะวันจันทรา หลัวจื้อเทามีใบหน้าเขียวคล้ำ กระตุ้นกงจักรสุริยันอันเป็นส่วนหนึ่งของกงจักรสุริยันจันทรา อาศัยค่ายกลคุ้มภูเขาของตัวเองในการรับมือกับอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

กู้หงมาถึงผาตะวันจันทราเช่นกัน ความตายของคังฮูหยิน คังผิงหมายจะคิดบัญชีกับเขาด้วย ขณะที่โจมตีหลัวจื้อเทา ก็ไม่ได้ผ่อนคลายการโจมตีกู้หงแต่อย่างไร

กู้หงใบหน้าอึมครึม สภาวะกระบี่ตรงไปตรงมาไม่สูญเสียความเป็นระเบียบ ป้องกับสภาวะโจมตีที่เหมือนกับคลื่นน้ำของอีกฝ่าย

ทว่าคังผิงมีพลังมากเกินไป ประกายกระบี่ไปถึงที่ใด เจตจำนงกระบี่ที่เหมือนคลื่นน้ำซัดโหมของกู้หงก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง

มาตรว่ามหาสมุทรจะกว้างใหญ่ แต่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด ก็ยังกลายเป็นผืนดินหรือทุ่งร้างที่แห้งแล้งได้

คังผิงในตอนนี้ไม่ได้ใช้มือเปล่า หรือใช้นิ้วต่างกระบี่เหมือนตอนสู้กับหลินฮั่นหัวเมื่อก่อนหน้า ทว่าในมือมีกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่ด้วย

หนึ่งกระบี่อยู่ในมือ คังผิงเพียงคนเดียวกดดันจนกู้หงและหลัวจื้อเทาแทบไร้พลังโต้ตอบ

นอกจากคังผิงแล้ว กู้จางกับเฮ่อตงเฉิงยังลงมือพร้อมกัน เล่นงานกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนจนโงหัวไม่ขึ้นโดยสิ้นเชิง

ผู้คุมเกาะมนุษย์สำริดกงซุนอู่ที่มีพลังอยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย เมื่อไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่ในมือ ถึงขั้นไม่อาจสอดมือในการต่อสู้เช่นนี้ได้

กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนได้แต่พึ่งพาค่ายกลคุ้มภูเขาของสำนักแสงสว่างป้องกันอย่างเต็มกลืน อยู่ในลักษณะเอนเอียงท่ามกลางพายุฝน

หากมองจากมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ จะเห็นว่ากลางฟ้าดินที่ประกายกระบี่ซึ่งเหมือนกระแสน้ำครอบคลุมอยู่ มีเปลวไฟสว่างขึ้นตลอดเวลา

ภายใต้การสะกดจากเจตจำนงกระบี่ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมาจากการร่วมมือกันของพวกคังผิง สรรพสิ่งล้วนซีดเซียว แต่เปลวเพลิงนี้กลับละลานตายิ่ง

ยังมีความสามารถเช่นนี้ได้อีก เยี่ยนจ้าวเกอรู้ดีว่าน่าจะเป็นเสวียนมู่อ๋องแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง นำหอกราชาลี้ลับที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาออกศึกด้วย

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องครั้งมีความตั้งใจระดมยอดฝีมือทั้งหมดมาทำลายผาตะวันจันทราอย่างไม่ต้องสงสัย

เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจมอง เห็นในโลกประกายกระบี่ยังมีแสงของดวงจันทร์ที่สว่างไสวสุกสกาวกะพริบขึ้นมาเป็นบางครั้งบางคราว

‘มงกุฎจันทรา…’ เยี่ยนจ้าวเกอม่านตาหดตัวลงเล็กน้อย ‘ยังไม่สามารถแสดงพลังที่สมควรมีได้ หมายความว่าก่อนหน้านี้สำนักแสงสว่างไม่มียอดฝีมือที่มีร่างแห่งจันทราซึ่งมีความคุณค่ามากพอ คนที่ควบคุมมงกุฎจันทราอยู่ในตอนนี้ จึงน่าจะยังเป็นเมิ่งหวาน’

มงกุฎจันทราในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในโลกแปดพิภพมาก

ของวิเศษชิ้นนี้ ปัจจุบันสามารถแสงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางออกมาได้แล้ว

เมิ่งหวานอยู่ในสำนักแสงสว่าง ระดับพลังฝึกปรือพุ่งทะยานอย่างที่คิดไว้ จึงประสานกับมงกุฎจันทราได้ดีกว่าเดิม

กระนั้นในสถานการณ์ปัจจุบัน มงกุฎจันทราที่ได้แต่แสดงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง ยังขาดแคลนพลังไปมาก

ความสามารถที่เด่นที่สุดของมัน อยู่ที่สัญลักษณ์และการข่มขวัญ

เหมือนกับที่ตราประทับตะวัน อันเป็นของวิเศษที่ราชาประอาทิตย์เกาหาน หนึ่งในเก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุนใหม่พกติดตัว เจ้าของคนเดิมของมงกุฎจันทราก็มีชื่อเสียงเช่นกัน เป็นราชันพระจันทร์ซึ่งถูกจัดเป็นเก้านพเคราะห์เคียงคู่กับเกาหาน!

การปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันที่ผาตะวันจันทราในดินแดนจิตคุณธรรมของของวิเศษชิ้นนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน

พวกกู้หงกับกงซุนอู่ที่ไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ของเรื่องเหล่านี้ยังพอว่า เพียงแค่ประหลาดใจ

พวกคังผิงซึ่งอยู่ฝ่ายราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกลับตื่นตะลึง

ถ้าหากว่าสำนักแสงสว่างมีความเกี่ยวข้องกับราชันพระจันทร์ เช่นนั้นการมาเหยียบที่อยู่ของสำนักแสงสว่างของพวกเขา ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นการเตะใส่แผ่นเหล็ก

ที่สำนักแสงสว่างสามารถป้องกันได้นานโดยไม่ถูกตีแตก ก็เกี่ยวข้องกับความกริ่งเกรงของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเช่นกัน

หลังจากผ่านการทดลองอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าสำนักแสงสว่างจะตั้งใจวางแผนลวง แต่สุดท้ายราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็มองเบื้องหลังออก จึงค่อยเริ่มโจมตีอย่างเต็มที่

แรงกดดันของกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนยิ่งมายิ่งมาก น้ำทะเลที่อยู่รอบๆ ผาตะวันจันทราถูกต้มจนแห้ง แผ่นดินแตกร้าวอย่างต่อเนื่อง เหลือแค่ยอดเขาเดี่ยวแห่งหนึ่งที่โงนเงนกลางการคุ้มครองของค่ายกล

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปไกล ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

‘ค่ายกลคุ้มภูเขาเมื่อถูกทำลาย จะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่กดดันอูฐจนตายในพริบตา การป้องกันของฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนอาจจะพังทลายลงทันที’

เหมือนกับกำลังยืนยันความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอ แสงสว่างของค่ายกลค่อยๆ สลายไป สภาวะโจมตีของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเพิ่มขึ้นตาม

หลังจากเวลาผ่านไป ท้ายที่สุด ค่ายกลคุ้มภูเขาของสำนักแสงสว่างก็ถล่มโดยสิ้นเชิง!

แสงสว่างพร่างพราว สาดไปทั่วสี่ทิศ ยอดเขาที่เหมือนกับดวงจันทร์และดวงตะวันกลางฟ้าดิน แสงสว่างดับลงในชั่วพริบตา!

บนยอดเขาที่โงนเงนอยู่แล้ว พลันปรากฏรอยแตกหลายรอย กำลังจะพังทลายลง

บนยอดเขา กงซุนอู่ตะโกนด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน “ที่นี่กันไว้ไม่อยู่แล้ว!”

กู้หงถอนใจ “เจ้าสำนักหลัว ไปกันเถอะ!”

หลัวจื้อเทาเงยหน้าส่งเสียงกู่ร้อง เคียดแค้นเหลือประมาณ

ถ้าไม่ใช่เพราะถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ ไฉนเขาจึงต้องเสี่ยงชีวิตกับคังฮูหยินเพื่อเอาชีวิตรอด จนก่อให้เกิดความแค้นที่ไม่อาจแก้ไขเช่นในตอนนี้ด้วย?

คังผิงจดชื่อคนสามคนที่ต้องการแก้แค้นให้กับผู้เป็นภรราของตน แต่ว่าในสามคนเป็นเยี่ยนจ้าวเกออ่อนแอที่สุดแท้ๆ อีกทั้งยังไร้กองกำลัง แต่ว่าคังผิงกลับมาสำนักแสงสว่างของเขาก่อน

เขาโถงทองถ้าหากบอกว่าไม่สอดมือในการต่อสู้ของขุมกำลังบนทะเลหวงเจีย แต่เหตุใดจึงตั้งใจปกป้องเยี่ยนจ้าวเกอกัน?

“ไป!” หลัวจื้อเทาคำรามอย่างเดือดแค้น บินขึ้นท้องฟ้าก่อน นำเมิ่งหวานที่สวมมงกุฎจันทราและคนในสำนักแสงสว่าง กลายเป็นลำแสงหนีไปยังที่ไกลออกไป

กู้หงกับกงซุนอู่ติดตามไปด้วย

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องย่อมไม่ปล่อยให้เขาหนี สภาวะโจมตีกดดันมาดุจแยกเขาคว่ำทะเล

หลัวจื้อเทาหันไปมอง สำนักที่ตั้งตระหง่านมาหลายปีของตนถูกทำลายกลายเป็นฝุ่นผง เหมือนมีดกรีดแทงหัวใจ

เขาจ้องคังผิง ชี้ไปที่ทิศเหนือ กล่าวด้วยเสียงเดือดดาลว่า “ทางด้านนั้นมีบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ เชื่อมไปยังโลกแปดพิภพที่เยี่ยนจ้าวเกอนั่นอยู่ ญาติมิตรของเขาล้วนอยู่ที่นั่น!”

“พวกท่านไม่กล้าหาเรื่องเขา ไม่ทราบว่ากล้าลงไปยังโลกเบื้องล่างหรือไม่?”