บทที่ 1320 ประมุขน้อยมั่วซิน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1320 ประมุขน้อยมั่วซิน

“ข้าเอาสิ่งนี้”

ขณะที่เสียงไม่แยแสดังก้อง มือก็เคลื่อนเข้าไปหยิบแผ่นทองแดงในมือมู่เฉิน ซึ่งรวดเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน

ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจไม่ทันตั้งตัว ทว่าอย่างไรมู่เฉินก็ไม่ใช่คนธรรมดา

เมื่อมือนั้นเอื้อมออกมา สีหน้าของมู่เฉินก็เย็นเยือกในทันที ประกายแหลมคมวูบไหวในนัยน์ตา

เขาไม่ได้สนใจแผ่นทองแดงที่กำลังจะถูกคว้าไป มืออีกข้างดึงกลับราวกับใบมีด ขณะเดียวกันเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ก็วาบขึ้นในรูม่านตา คลื่นหลิงทรงพลังทะลักออกมาราวกับลอนคลื่น

ฮึ่ม ฮึ่ม!

คลื่นหลิงรวมตัวกันในฝ่ามือดูราวกับใบมีดแวววาว ทำให้กระทั่งมิติยังฉีกออกจากกัน

หากโดนซัดเข้าละก็ แม้แต่แขนของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็แยกออกเป็นสองส่วนได้

“หืม?”

การสับมือดังกล่าว ทำให้เสียงอุทานดังขึ้น คนที่เคลื่อนไหวก็ตกใจกับการโจมตีที่เด็ดขาดของมู่เฉิน

หากเขายังคิดคว้าแผ่นทองแดง เขาอาจจะต้องเสียมือไว้ไปพร้อมกับจานยันต์เป็นแน่

“หึ”

อีกฝ่ายไตร่ตรองคร่าวๆ ก่อนที่จะเหยียดนิ้วทั้งสองออกไปพร้อมกับรวบรวมคลื่นหลิงไว้ที่ปลายนิ้วแล้วแทงไปที่มือของมู่เฉิน

แคว๊ก!

จังหวะนั้นเมื่อฝ่ามือและนิ้วมือปะทะกัน คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ก็กระเพื่อมออกมา แม้แต่มิติยังแตกเป็นเสี่ยงราวกับแก้ว

ทั้งสองถอยกลับอย่างรวดเร็ว ระหว่างการโบกแขนเสื้อ คลื่นหลิงทรงพลังก็พุ่งออกมาสลายชิ้นส่วนต่างๆ ของมิติออก

เมื่อมู่เฉินถอยกลับ เขาเพ่งสายตาไปยังอีกฝ่ายด้วยแววเย็นชาก่อนที่ดวงตาจะหรี่แคบลง

เนื่องจากเขาพบว่าคนที่เคลื่อนไหวไม่ใช่คนไม่คุ้นเคย นี่คือประมุขน้อยมั่วซินแห่งเผ่าฝูถูนั่นเอง

ยามนี้มั่วซินก็กำลังจ้องมองมู่เฉินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สายตาเย็นเยือกขณะยื่นมือออกมา “ส่งสิ่งนั้นมาให้ข้า”

น้ำเสียงของเขานิ่งเฉยแฝงความเย่อหยิ่ง เพราะด้วยสถานะของเขาไม่มีใครในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของเผ่าฝูถูกล้าแย่งอะไรก็ตามที่เขาหมายตา

แต่น่าเสียดายที่มู่เฉินไม่ได้เป็นหนึ่งในนนั้น ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของมั่วซิน เขาก็ยิ้มอ่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แม้ว่าเจ้าจะมาจากเผ่าฝูถู แต่ดูเหมือนว่าพ่อแม่จะไม่ได้สั่งสอนนะ”

“ไอ้กาลกิณี แกรนหาที่ตาย!”

ได้ยินคำพูดถากถางของมู่เฉิน แววตาของมั่วซินก็เย็นเยือกลงพร้อมกับไอสังหารลุกโชน ทำให้อุณหภูมิในบริเวณลดต่ำลง

มีสายตามากมายอยู่ที่นี่ การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองจึงได้รับความสนใจอย่างมากในทันที แต่ไม่มีใครหยุดพวกเขา ตรงกันข้ามทุกคนกำลังมองด้วยความสนใจ เพราะไม่มีกฎใดในแดนเซิ่งยวนโบราณ ที่นี่ปฏิบัติตามกฎใครแข็งแกร่งกว่าเป็นผู้มีอำนาจ

หลายคนเคยได้ยินชื่อของมั่วซิน เนื่องจากเขาเป็นประมุขน้อยตระกูลหนึ่งของเผ่าฝูถู ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่ามั่วซินน่าเกรงขามอย่างไร แต่ที่พวกเขาสงสัยคือ ชายหนุ่มที่เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงกล้าเยาะเย้ยมั่วซิน?

ขณะที่สายตามากมายจับจ้องมาในบริเวณนี้ บนแผ่นหินไม่ไกลร่างหลายร่างก็หยุดชะงักพลางสอดส่ายสายตา เมื่อพวกนางเห็นว่ามู่เฉินและมั่วซินยืนเผชิญหน้ากัน สีหน้าก็เปลี่ยนไป

“เจ้าบ้านั่นไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ ทำไมถึงไปยั่วมั่วซินเข้า!” เสียงรีบร้อนดังกึกก้อง หญิงสาวหน้าตาหวานมองอย่างร้อนใจในทิศทางนั้น

นางก็คือชิงหลิงจากเผ่าฝูถู

ที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นผู้หญิงที่งดงามที่กำจายรัศมีเย็นเยือก—ชิงซวง

เมื่อมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หัวคิ้วนางก็มุ่นเข้าด้วยกัน ในฐานะที่เป็นสมาชิกเผ่าฝูถู นางรู้ถึงความแข็งแกร่งของมั่วซิน ท่ามกลางจอมยุทธ์รุ่นใหม่เผ่าฝูถูมีเพียงเฉวียนหลัวเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับมั่วซินได้

แม้ว่านางจะต่อสู้อย่างสุดความสามารถ นางก็ทำได้เพียงเสมอตัว เป็นไปไม่ได้ที่ที่จะได้เปรียบในการต่อสู้

มั่วซินและเฉวียนหลัวต่างเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุด ในทางปฏิบัติแทบจะอยู่ยงคงกระพันภายใต้ระดับเทียนจื้อจุน

มู่เฉินเผชิญหน้ากับเขาได้อย่างไรไม่รู้ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายคงไม่ดีแน่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชิงซวงก็กัดบนริมฝีปากก้าวเดินออกไป นางสัญญากับป้าเซวียนว่าจะพยายามช่วยมู่เฉินเพื่อที่เขาจะไม่ถูกเล็งหัวจากเฉวียนหลัวและมั่วซิน

ดังนั้นแม้ว่านางจะรู้ว่านี่ไม่ดีสำหรับตนเองที่จะรุกรานมั่วซิน นางก็ยังเลือกที่จะเข้าไปยุ่ง

เมื่อชิงหลิงเห็นภาพนี้ นางก็คิดจะดึงชิงซวงกลับมา เพราะนางรู้ดีว่าการรุกรานมั่วซินสร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับชิงซวง

แต่ชิงซวงกลับโบกมือเพื่อหยุดชิงหลิง อีกฝ่ายกระทืบเท้าด้วยความโกรธขณะจ้องมองไปที่มู่เฉิน นางไม่คิดว่าพวกนางจะถูกดึงเข้าไปในเรื่องนี้ ทั้งที่เพิ่งมาถึงที่นี่

นางติดตามชิงซวงไปอย่างรวดเร็ว ทว่าทันใดนั้นชิงซวงก็หยุดฝีเท้าลง

“พี่ใหญ่ชิงซวงเกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ชิงหลิงถามด้วยความสงสัย หรือว่าพี่ชิงซวงเปลี่ยนความคิดแล้ว? แต่มู่เฉินเป็นลูกชายของน้าจิ้ง นับตามสายเลือดเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลชิงเช่นกัน ดังนั้นนางเองก็ไม่ได้รู้สึกดีที่จะเห็นมู่เฉินถูกรังแก

ด้วยความคิดนี้ชิงหลิงก็รู้สึกสับสน

ทว่าชิงซวงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ สีหน้าเย็นชาหันมองไปทางขวา เมื่อชิงหลิงมองตามไป สีหน้านางก็เปลี่ยนไป

ที่ตรงนั้นมีร่างเงาหลายร่าง คนนำหน้าเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายืนเอามือไพล่หลัง สายตามองมาที่ชิงซวงด้วยรอยยิ้มไม่อนุญาตให้นางก้าวออกไป

“นั่นเฉวียนหลัว ทำไมเขาก็มาที่นี่?!” ชิงหลิงอุทานด้วยสีหน้าน่าเกลียด

ใบหน้าของชิงซวงเปลี่ยนไป เพราะนางรู้ความหมายในสายตาเฉวียนหลัว ถ้านางช่วยมู่เฉิน เฉวียนหลัวก็จะเข้ามาหยุดนาง

นางกำมือแน่น สายตาวูบไหว สุดท้ายนางก็ไม่ได้ก้าวเดินออกไปต่อ เนื่องจากนางรู้ว่านั่นจะไร้ประโยชน์ ตราบใดที่เฉวียนหลัวขัดขวางนางก็ไม่มีทางผ่านไปได้

“มู่เฉิน หวังว่าเจ้าจะออกจากสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว”

ชิงซวงมองมู่เฉินจากที่ไกลก็ทอดถอนหายใจ

เมื่อเฉวียนหลัวเห็นว่าชิงซวงหยุดแล้ว เขาก็ละสายตากลับมองไปที่มู่เฉินและพึมพำในใจ “คู่นั้นฟัดกันเรื่องอะไร?”

เนื่องจากอยู่ห่างออกมา แม้เขาจะรู้ว่ามู่เฉินและมั่วซินกำลังต่อสู้เพื่ออะไรบางสิ่ง แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร นอกจากนี้เขายังไม่แน่ใจว่ามั่วซินจงใจหาเรื่องมู่เฉินหรือไม่

“นั่นคือกาลกิณีที่มีชื่อเสียงดังเป็นพลุแตกในเผ่าฝูถูช่วงนี้เหรอ?” ขณะที่เฉวียนหลัวรู้สึกสงสัยในใจ เสียงอ่อนโยนและมีเสน่ห์ก็ดังกังวานจากด้านข้าง

นางเป็นหญิงสาวสวมชุดดำที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นอย่างมาก ผิวของนางขาวราวหิมะ คิ้วเข้ารูป นางเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่มุมปาก ท่าทางไว้ตัวและสูงส่งทำให้มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม

นี่เป็นสตรีที่งดงามแต่กำเนิด

“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าแม่นางซินเอ๋อจะรู้ข่าววงในของเผ่าฝูถูของข้ามาดีทีเดียว” เฉวียนหลัวยิ้ม

หญิงสาวยกสายตาขึ้นตอบว่า “ข้าเป็นเสมือนธิดาเทพของเผ่าไท่หลิง ไม่แปลกที่ข้าจะรู้ข้อมูลบ้างนี่?”

เฉวียนหลัวยิ้มพลางพยักหน้า หญิงสาวคนนี้ชื่อว่าไป๋ซินเอ๋อ นางเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงมากในเผ่าฝูถู ว่ากันว่าถ้านางสามารถบรรลุภารกิจในแดนเซิ่งยวน นางก็จะได้รับการยืนยันในฐานะธิดาเทพคนใหม่แห่งเผ่าไท่หลิง

ด้วยสถานะดังกล่าวก็คุ้มค่าที่เฉวียนหลัวจะสร้างความสัมพันธ์ไว้

“นอกจากนี้”

ไป๋ซินเอ๋อยิ้มสายตาหยุดอยู่ที่ร่างเงาข้างมู่เฉิน แววแปลกประหลาดปรากฏขึ้น

“หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างนั่นคือคู่ต่อสู้คนสำคัญของข้าในแดนเซิ่งยวนโบราณครั้งนี้”

“นางมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเองไม่เห็นจะต้องกลัว นางจะแข่งกับเจ้าได้อย่างไร?” เฉวียนหลัวยิ้มขณะที่กวาดสายตามองไปที่ลั่วหลี ความตื่นตะลึงปรากฏในดวงตาเขาเมื่อเห็นลั่วหลี แต่ก็สงบลงได้อย่างรวดเร็ว

“พี่ใหญ่เฉวียนปากหวานจริงๆ” ไป๋ซินเอ๋อยิ้มปิดปาก

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ผู้คนจำนวนมากก็รวมตัวกันมากขึ้น ขณะที่จิตสังหารที่เบื้องหลังนัยน์ตามั่วซินหนาแน่นขึ้น วินาทีต่อมาเขาก้าวออกไปทันที

ตู้ม!

ความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังระเบิดออกราวกับภูเขาไฟ ขณะเดียวกันเสียงของมั่วซินซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาการฆ่าก็สะท้อนออกมา

“ในเมื่อแกไม่อยากรับความปรารถนาดีของข้า งั้นก็กลับไปสนุกให้พอในคุกเผ่าฝูถูเถอะ!”

“ไอ้คนบาปต่ำตมที่ไม่รู้จักประมาณตน!”