ตอนที่ 822 แบบทดสอบหนึ่งคำถาม

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

เรียน…

คณิตศาสตร์?

ลู่โจวรู้สึกงุนงง

เขานิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นเขากระแอมและพูดว่า “วัสดุศาสตร์เชิงคำนวณก็เป็นคณิตศาสตร์ประเภทหนึ่ง…”

“ฉันไม่อยากเรียนด้านวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ” หานเมิ่งฉีส่ายหน้าอย่างดื้อรั้นและพูดว่า “ฉันอยากศึกษาแค่คณิตศาสตร์”

เธอรู้สึกว่าประโยคที่เธอพูดไปไม่ชัดเจน เธอจึงรีบพูดเสริม “ฉันหมายถึง ศึกษาคณิตศาสตร์บริสุทธิ์”

“คณิตศาสตร์บริสุทธิ์…”

ลู่โจวได้ยินคำขอของเธอแล้วรู้สึกปวดหัว

ปกติแล้วเขาไม่อยากบอกคนอื่นว่าต้องใช้ชีวิตอย่างไร…

แต่…

ลู่โจววางปากกาลงและวางมือบนโต๊ะโดยไขว้นิ้วไว้ เขามองดูหานเมิ่งฉีด้วยสีหน้าขึงขังและถามว่า “คุณบอกเหตุผลให้ผมฟังได้ไหม? คุณศึกษาด้านวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณมาสามปี ทำไมคุณถึงจะเปลี่ยนมาได้คณิตศาสตร์บริสุทธิ์ล่ะ?”

พูดตามปกติแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่จะเปลี่ยนจากคณิตศาสตร์บริสุทธิ์เป็นสายคณิตศาสตร์ประยุกต์ แต่มันไม่ค่อยมีเท่าไหร่ที่คนจะทำตรงกันข้าม

ถ้าเป็นคนอื่น ลู่โจวคงไม่ใส่ใจ แต่หานเมิ่งฉีเป็นนักศึกษาด้านวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณของเขาที่มากความสามารถที่สุด

แม้แต่เจอริกที่ศึกษาที่สถาบันเทคโนโลยีแมซซาชูเซตส์ก็ไม่เก่งกาจเท่ากับเธอ

เอาตามตรง ลู่โจวผิดหวังเล็กน้อยที่เธอจะเปลี่ยนสายจากวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ

ท้ายที่สุดแล้ว เขาใช้แรงพยายามในการฝึกฝนเธออย่างมาก

หานเมิ่งฉีหลบตาและลังเลไปชั่วครู่

“ฉันไม่ชอบเคมีเลย…หลังจากที่เลือกเคมีไป ฉันก็อยากเปลี่ยนเป็นคณิตศาสตร์แล้ว มหาวิทยาลัยจินหลิงได้จัดโครงการฝึกฝนนักศึกษาปริญญาตรี และฉันได้เกรดดี อาจารย์เลยโน้มน้าวให้ฉันสมัคร…”

เธอรู้สึกว่ามันเป็นเหตุผลที่ไม่ดีเลย เธอไม่อยากจะพูดต่อแล้ว

ย้าย?

ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจ

โอ้ พระเจ้า เด็กน้อย คุณกำลังจบการศึกษาปริญญาโท แค่คุณคิดเรื่องย้ายเพราะว่าอยากจะย้ายตอนอายุ 18?

“การย้ายเป็นเรื่องปกติ ผมก็ย้ายมาด้านคณิตศาสตร์” ลู่โจวพยายามจะโน้มน้าวเธอและพูดว่า “สิ่งสำคัญคือว่ามันเหมาะหรือไม่…”

“เหมาะหรือไม่เหมาะ” หานเมิ่งฉีส่ายหน้าและมองดูลู่โจวอย่างจริงจังระหว่างที่เธอพูดว่า “มันคือฉันชอบหรือไม่ชอบ”

ลู่โจวมองดูสีหน้าจริงจังของเธอและนิ่งไปสักพัก

ว่าไปแล้ว นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอไม่เห็นด้วย

ลู่โจวนึกถึงคำพูดของเขาและถอนหายใจ จากนั้นเขาพูดประโยคนั้นซ้ำ

“คุณพูดถูก ความสนใจเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุด”

ถ้าไม่มีระบบไฮเทค เขายังคงศึกษาคณิตศาสตร์ต่อด้วยความสนใจล้วนๆ ความรู้สึกที่ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของโลกคณิตศาสตร์เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกคณิตศาสตร์ในตอนแรก

ถ้านักเรียนของเขาอยากศึกษาคณิตศาสตร์…

เขาก็ไม่ควรโน้มน้าวให้เธอทำอย่างอื่น

ถึงแม้ว่าวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเธอ

หลังจากได้ยินความเห็นชอบจากลู่โจว ใบหน้าของหานเมิ่งฉีเป็นประกายขึ้นมา เธอพูดอย่างมีความสุข

“งั้นฉัน…”

ลู่โจวพูดขัดหานเมิ่งฉีว่า “ผมจะไม่ห้ามคุณ แต่การเป็นนักศึกษาคณิตศาสตร์ปริญญาเอกของผมไม่ใช่เรื่องง่าย…โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคณิตศาสตร์บริสุทธิ์”

หานเมิ่งฉีกัดปากและพูดอย่างแน่วแน่

“ไม่มีปัญหา…ฉันจะตั้งใจอย่างหนัก”

“เรื่องบางอย่างไม่สามารถได้มาจากแค่การทำงานหนัก คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความสามารถ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ มีคนจำนวนมากที่ทำวิจัยคณิตศาสตร์แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถสร้างผลลัพธ์ออกมาได้ คนส่วนหนึ่งใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อศึกษาสิ่งที่คนอื่นสร้างขึ้น และไม่เคยสร้างอะไรด้วยตัวเอง”

ลู่โจวหยิบกระดาษทดออกมาแล้วหยิบปากกาขึ้นมาจากโต๊ะ เขาใช้ความคิดอยู่สิบวินาทีและเขียนสมการบรรทัดหนึ่งลงกระดาษ

[สำหรับทุกจำนวนจริง s > 1, กำหนด ζ (s) = Σ1 / (m ^ s) …]

หานเมิ่งฉีดูสูตรแล้วหรี่ตาลง

“สิ่งนี้…?”

มันดูง่าย

ลู่โจวพูดว่า “มันคือฟังก์ชันซีตาของรีมัน”

หลังจากนั้นเขาเขียนลงไปอีกบรรทัด

[…พิสูจน์ว่า ζ(2n) จำนวนอดิศัย]

หานเมิ่งฉีเคยได้ยินเกี่ยวกับรีมันมาก่อนและรู้ว่าปัญหานี้ไม่ได้ง่าย เสียงของเธอสั่นเครือในระหว่างที่ถามออกไป “คุณจะให้โจทย์ยากกับฉันเลยเหรอ?”

“อย่าคิดว่ามันยากเพราะว่ามันเป็นรีมัน เขาตายมานานกว่าร้อยปีแล้ว” ลู่โจวยิ้มและยื่นแผ่นกระดาษให้หานเมิ่งฉี เขาพูดว่า “แล้วก็นี่ไม่ใช่งาน มันคือข้อสอบ”

“ข้อสอบ?”

“ใช่แล้ว” ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าคุณแก้ปัญหานี้ได้ คุณสามารถศึกษาปริญญาเอกด้านคณิตศาสตร์กับผมได้”

เขานิ่งไปประเดี๋ยวก่อนที่จะพูดเสริม “ถ้าคุณอยากศึกษาวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณกับผม ผมยินดีต้อนรับคุณเสมอ”

สุดท้ายแล้ว ลู่โจวค่อนข้างพึงพอใจกับชิ้นงานของเธอในเรื่องฉนวนคริสตัลทอพอโลยี ถ้าเธอสามารถหยุดโลกสวยกับคณิตศาสตร์และกลับไปด้านวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ เขาก็ยินดีต้อนรับเธออยู่แล้ว

คณิตศาสตร์บริสุทธิ์…

มันไม่ใช่ศาสตร์ที่จะศึกษาได้ง่ายๆ

หานเมิ่งฉีมองดูกระดาษทดและในระหว่างที่เธอกำลังมองดูปัญหาซึ่งต้องให้เธอพิสูจน์จำนวนอดิศัย เธอเริ่มหัวหมุน

ลืมเรื่องแก้ปัญหาไปเลย เธอยังไม่เข้าใจคำถามด้วยซ้ำ

ตอนที่เธอกำลังศึกษาวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ วิธีการทางคณิตศาสตร์ที่เธอใช้มันอยู่ในด้านการวิเคราะห์ฟังก์ชัน ตรีโกณมิติ และทอพอโลยี เธอไม่เคยศึกษาทฤษฎีจำนวนวิเคราะห์มาก่อน…

แต่…

เธอจะไม่ยอมแพ้

หานเมิ่งฉีเงยหน้ามองลู่โจวและกัดฟัน

“คนอย่างฉันไม่ยอมแพ้หรอก…ฉันจะเริ่มวิจัยตอนนี้เลย”

“ผมรอคำตอบจากคุณนะ” ลู่โจวยิ้มและพูดต่อ “แต่คุณมีเวลาแค่สองเดือน ผมหวังว่าจะได้คำตอบภายในสิ้นปีนี้”

“ฉันไม่ต้องใช้เวลาถึงสองเดือน เดือนเดียวก็ถมเถไป”

เธอหยิบกระดาษโจทย์และออกจากออฟฟิศไป

เมื่อประตูออฟฟิศถูกปิด ออฟฟิศกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง

ลู่โจวมองดูเหอชางเหวินที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะใกล้เคียง เหอชางเหวินเป็นนักศึกษาปริญญาเอกของเขา

“เฮ้ ชางเหวิน ถ้าผมขอให้คุณพิสูจน์ว่า ζ (2n) เป็นจำนวนอดิศัย คุณสามารถคิดข้อพิสูจน์ที่แตกต่างกันได้มากเท่าไหร่?”

เหอชางเหวินที่กำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ลังเลอยู่สักพัก

“ผมสามารถคิดได้…หนึ่ง…ไม่สิ สองวิธี”

เหอชางเหวินพูดอย่างมั่นใจ

ลู่โจวพยักหน้าและตอบกลับ “สองวิธีค่อนข้างเยี่ยมเลย”

เหอชางเหวินลังเลอยู่ชั่วครู่และเขาถามว่า “คำถามมันไม่ยากไปสำหรับนักศึกษาปริญญาโทหรือครับ?”

เขาอดไม่ได้ที่จะฟังบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้

สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ศึกษาคณิตศาสตร์ในช่วงปริญญาตรีหรือปริญญาโท ปัญหานี้ค่อนข้างยากเข็ญ

หานเมิ่งฉีไม่เพียงแต่ขาดความรู้ด้านคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ แต่สิ่งนี้ยังเป็นแบบทดสอบด้านการคิดเชิงคณิตศาสตร์ การคิดเชิงคณิตศาสตร์นามธรรมไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเรียนรู้สำหรับนักศึกษาด้านคณิตศาสตร์ สำหรับคนทั่วไปก็ยิ่งยากเข้าไปกันใหญ่

ลู่โจวยิ้มอย่างอ่อนโยน

“นักศึกษาปริญญาเอกควรที่จะสามารถหาปัญหาและคำตอบได้ด้วยตัวเอง

ถ้าเธอสามารถคิดวิธีแก้ได้เอง มันจะเยี่ยมมาก

ถ้าเธอทำไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าเธอไม่มีความสามารถในด้านนี้ เธอควรจะคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนในเรื่องสิ่งที่เธออยากทำต่อในอนาคต”

………………………