เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1357
หากลู่ฝานยังจะแสดงกระบวนท่าอย่างนี้อีกสักสองกระบวนท่า ไม่แน่อาจจะสามารถทำลายสถานที่แห่งนี้ลง จนกลายเป็นทะเลสาบได้เลย
ฝุ่นละอองกระจายไปทั่ว ลู่ฝานมีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก แล้วก็ค่อย ๆ ดึงกระบี่มังกรคำรามที่ปักอยู่บริเวณทรวงอกออกมา และโยนทิ้งไปด้านข้าง
เลือดที่อยู่บนตัวกระบี่หยดลงมา ลู่ฝานมองไปที่กระบี่มังกรคำรามที่ไม่เปื้อนเลือดเลยแม้แต่หยดเดียว ก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ช่างเป็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยมจริงด้วย! ”
ลู่ฝานโยนทิ้งไปด้านข้างแล้ว ก็ก้มหน้ามองลงไปยังเทียนชิงหยางที่ล้มกองอยู่บนพื้น
ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เวลานี้เทียนชิงหยางไม่มีบริเวณเนื้อหนังสักส่วนหนึ่งเลยที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล
แต่เขาก็ยังไม่ถูกลู่ฝานฆ่าตาย และก็ยังไม่สลบลงไป
เวลานี้เทียนชิงหยางโซเซไปมา และไม่นึกว่าจะลุกยืนขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
คู่ดวงตาประกายแสง เทียนชิงหยางหอบหืดอย่างหนัก และพูดกับลู่ฝานว่า: “แต่ไหนแต่ไร……ไม่เคยมีใคร ที่สามารถทำร้ายฉันจนอยู่ในสภาพนี้ได้มาก่อน! ”
ลู่ฝานมองไปที่เขาอย่างสงบนิ่ง และพูดว่า: “นั่นคือว่านายยังไม่เคยพบเจอกับยอดฝีมือก็เท่านั้น! ”
เสียงกร็อกแกร็ก ดังขึ้นมาจากบริเวณอกของเทียนชิงหยาง
เทียนชิงหยางยื่นมือเข้าไป ล้วงเกราะหัวใจออกมาจากทรวงอก ลวดลายยันต์ปากว้าด้านบนแตกละเอียดไปหมด เมื่อมองดูแล้วก็เหมือนจะถูกพลังอันแข็งแกร่งผ่าลงจนแยกออก
ลู่ฝานมองไปที่เกราะกระจกนี้ พยักหน้าและพูดว่า: “เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าจะเป็นกระจกปากว้าที่คัดเลือกออกมาจากในคลังบู๊ ที่ได้ช่วยนายต้านทานพลังเอาไว้ไม่น้อย มิเช่นนั้นตอนนี้ นายคงจะนอนกองอยู่ที่ด้านหน้าของฉันแล้ว! ”
เทียนชิงหยางเบะปาก หัวเราะขึ้น แล้วก็โยนกระจกทิ้งลงไปบนพื้น
“ลู่ฝาน ฉันยอมรับว่าฉันดูถูกนายเกินไป ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกคนต่างก็ดูถูกนายเกินไป นายก็เหมือนกับฉัน ต่างก็เป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในหนึ่งศตวรรษ ฉันควรที่จะ เห็นว่านายเป็นคู่ต่อกรของฉันตั้งแต่แรกแล้ว”
ลู่ฝานขมวดคิ้วและมองไปที่เขา เคยพบเจอคนที่หน้าด้านแล้ว แต่ยังไม่เคยพบเจอคนที่หน้าด้านมากขนาดนี้มาก่อน
ขนาดถูกทำร้ายจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว ยังจะชื่นชมยกย่องตนเองอีก การยอมรับความพ่ายแพ้นั้น มันยากขนาดนี้เลยเหรอ?
ลู่ฝานตัดสินใจใช้กระบี่แทงไปที่เขาอีกครั้ง เพื่อให้เขาล้มลงโดยสิ้นเชิง
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ลู่ฝานก็ลงมือกระทำแบบนี้เลย ลู่ฝานใช้มือกวัดแกว่งกระบี่ แทงเข้าไปที่ไหล่ของเทียนชิงหยาง
แต่วินาทีต่อมา เทียนชิงหยางก็พลันยกมือสองข้างขึ้น รองรับกระบี่หนักของลู่ฝานเอาไว้
พลังที่แข็งแกร่งของลู่ฝาน ทำให้ข้อเท้าของเทียนชิงหยางจมลึกลงไปในดิน
เทียนชิงหยางกระอักเลือดออกมา แต่ก็ยังคงต้านทานกระบี่นี้ของลู่ฝานเอาไว้ได้
“คิดที่จะเอาชนะฉัน มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก! ”
เทียนชิงหยางกัดฟันพูดขึ้น
ทันใดนั้น เทียนชิงหยางก็ใช้มือตบตีไปที่หัวใจของตนเอง
ลู่ฝานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน พลังสีแดงดวงหนึ่ง ราวกับเปลวเพลิงได้ลุกไหม้ขึ้นที่ใต้ผิวหนังของเขา
“ไม่ เทียนชิงหยาง หยุดก่อน! ”
เทียนหลิงเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ก็ตะโกนออกมา แล้วก็กระโดดลงไปบนสังเวียนทันที
ฉินซางต้าตี้โบกมือ ลำแสงสีทองกระพริบขึ้น และกระแทกใส่เจ้าบ้านเทียนหลิงกระเด็นกลับไป
นั่นคือองครักษ์เกราะม่วงทองคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากที่ไหน และก็ไม่มีใครรู้ว่า เขาปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร
แต่เมื่อเขาลงมือ ก็ชกเจ้าบ้านเทียนหลิงกลับขึ้นไปในทันที
ชายหนุ่มผมยาวพลิ้วไสว พูดขึ้นด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า: “เจ้าบ้านตระกูลเทียน นั่งให้ดี ๆ อย่าได้เคลื่อนไหวอีกแล้ว! ”
เทียนหลิงเห็นคนผู้นี้แล้ว ก็ตะโกนพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัวว่า: “อีหมิง! ”
เวลานี้ ภายในสนามบู๊
ร่างของเทียนชิงหยางก็เริ่มผุดพลังปราณขึ้นมาอีกแล้ว
เพียงแต่ในครั้งนี้ พลังปราณของเขา เหมือนกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ และยิ่งจะลุกโชนขึ้นอย่างหนักด้วย
ลู่ฝานเข้าใจดีว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น คิดไม่ถึงว่าเทียนชิงหยางจะเริ่มเผาไหม้ทุกอย่างของตนเอง เพื่อที่จะต่อสู้กับเขาอย่างสุดชีวิตแล้ว
ลู่ฝานขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย โดยที่ไม่ได้คิดจะต่อสู้กับเขาอย่างสุดกำลังแต่อย่างใด และเขายังเคยตกลงกับหานหยวนหนิงและหลู่เฉิงเซี่ยงเอาไว้ด้วยว่า จะไม่ฆ่าเทียนชิงหยาง
หมดหนทาง ทันใดนั้นลู่ฝานก็เดินขึ้นมาด้านหน้า แล้วใช้ฝ่ามือตีไปที่ไหล่ของเทียนชิงหยาง
พลังปราณในร่างของเทียนชิงหยางพลุ่งพล่านขึ้น คิดที่จะตอบโต้กลับ แต่เวลานี้คู่ดวงตาของลู่ฝานกลับกระพริบเป็นสีสันที่แปลกประหลาดขึ้น
“หลิน! ”
คำเดียวทำลายทุกสรรพวิชา นี่คือวิชาหนึ่งเดียวแดนไกลโพ้นที่ลู่ฝานได้เคยฝึกฝน!
ฝ่ามือที่ตีลงไปบนไหล่ของเทียนชิงหยางนั้น เพียงแค่จงใจแสดงท่าทางก็เท่านั้น ไม่ได้มีประสิทธิภาพอะไรแม้แต่น้อย
แต่เสียงตะโกนของลู่ฝานนั้น กลับแฝงไปด้วยปราณชี่ที่ทรงพลัง
ทันใดนั้น พังปราณที่เทียนชิงหยางเพิ่งจะรวบรวมขึ้นมาได้ ก็ถูกดับทำลายลงไปทั้งหมด
เส้นลมปราณที่กำลังหักขาดอย่างบ้าคลั่งในร่างของเขา ก็หยุดชะงักลงเช่นกัน
จัดการกับนักบู๊ที่มีชี่เลือดไหลย้อน ด้วยพลังปราณก็ไม่เป็นผล ด้วยทักษะวิชาบู๊ก็ไม่เกิดประโยชน์เช่นกัน
มีเพียงแค่วิชาของผู้ฝึกชี่เท่านั้น ที่จะมีผลลัพธ์ขั้นเทพได้
เทียนชิงหยางเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า ลู่ฝานยังจะสามารถหยุดยั้งการเผาไหม้ชีวิตของเขาได้
ลูกตาแทบจะกระเด็นออกมาแล้ว ร่างกายของเทียนชิงหยางทรุดตัวลงไปกองที่พื้น และกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ ในกองเลือด ยังจะมีเศษอวัยวะภายในและเส้นลมปราณที่ขาด แฝงออกมาด้วย
ครั้งนี้เทียนชิงหยางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว!
เทียนหลิงและลูกหลานตระกูลเทียนทุกคนต่างก็มีสีหน้าขาวซีด วิตกกังวลจนสูญสิ้นจิตวิญญาณไปกันหมด
หากว่านี่คือการประลองยุทธทั่วไป ตอนนี้พวกเขาคงจะกระโจนลงไปช่วยเหลืออย่างแน่นอน
แต่นี่คือการต่อสู้ที่เดิมพันกันด้วยชีวิตระหว่างลู่ฝานกับเทียนชิงหยาง!
ตอนนี้พวกเขาก็คงทำได้เพียงแค่มองดูเทียนชิงหยางถูกลู่ฝานฆ่าทิ้งลงไปต่อหน้าต่อตา ความโศกเศร้าเสียใจและความสิ้นหวังในจิตใจนั้น ใครล่ะที่จะเข้าใจได้
เทียนหลิงพูดพึมพำขึ้นว่า: “ชิงหยาง เทียนชิงหยาง……”
ลู่ฝานก้มหน้ามองลงไปที่เทียนชิงหยาง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งว่า: “นายแพ้แล้ว! ”
เทียนชิงหยางมีสีหน้าท่าทางที่ไม่เต็มใจ และเค้นเสียงพูดออกมาจากลำคอว่า: “ลู่ฝาน หากว่านายคิดที่จะให้ฉันอ้อนวอนร้องขอนาย อย่างนั้นนายก็อย่าได้สิ้นเปลืองเวลาเลย ฆ่าฉันทิ้งซะเถอะ ฉันจะไปรอนายอยู่ที่ยมโลก! ”
ลู่ฝานยิ้มขึ้นที่มุมปาก และชูกระบี่หนักไร้คมขึ้นสูง
เทียนชิงหยางเบิกตาโพลง มองไปที่ลู่ฝาน กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกอย่างรุนแรง เขายอมตายโดยที่ไม่มีทางจะอ้อนวอนขอร้องลู่ฝานอย่างเด็ดขาด นี่คือเกียรติศักดิ์ศรีของนักบู๊ครั้งสุดท้ายของเขา
ลู่ฝานยิ้ม และแกว่งมือฟันกระบี่ลงไป!