ตอนที่ 1410

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ในอีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิปี้ลั่วเองก็นำกองทัพจำนวนมากบุกเข้ามา ออร่าจักรพรรดิของเขาทรงพลังจนทำให้ศัตรูที่จ้องมองหมดความคิดจะต่อต้าน

ถึงแม้จักรพรรดิทั้งสองจะอยู่ในระยะที่ห่างไกล ทุกคนหรือแม้กระทั่งปรมาจารย์ระดับดารา

ในเมืองจักรพรรดอก็ตัวสั่นสะท้าน

ทั้งสองไม่ใช่ตัวตนระดับดาราขั้นสูงสุดทั่วไปแต่เป็นจักรพรรดิที่มีอำนาจอันสูงส่ง คำพูดของพวกเขาเปรียบเสมือนคำสั่งที่ไม่อาจต่อต้าน

“ยังไม่รับเปิดประตูเมืองอีกรึ!” จักรพรรดิปี้ลั่วกล่าว น้ำเสียงของเขาก้องกังวานราวกันฟ้าผ่า

บนกำแพงเมือง ปรมาจารย์ระดับดาราทั้งเก้าคนยืนเคียงข้างกันโดยไม่กล่าวอะไร

“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ําตาสินะ!” จักรพรรดิโจ้วเทียนแสยะยิ้มและชี้นิ้วไปด้านหน้า “โจมตี!”

ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิปี้ลั่วได้ออกคำสั่งแบบเดียวกัน ในตอนนั้น เครื่องยิงปืนใหญ่ขนาดมหึมาก็ปรากฏออกมา เครื่องยิงปืนใหญ่เครื่องนี้มีความสูงและยาวหนึ่งร้อยฟุต ความใหญ่โตมโหฬารของมันทำให้ผู้คนที่จ้องมองรู้สึกหวาดกลัว

สิ่งนี้ไม่ใช่เครื่องยิงปืนใหญ่ธรรมดา มันถูกสลักเอาไว้ด้วยรูปแบบอาคมทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว

ด้วยขนาดที่ใหญ่เช่นนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะเก็บเอาไว้ในอุปกรณ์มิติ แถมด้วยน้ำหนักอันมหาศาลของมันจึงต้องมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเป็นผู้ขับเคลื่อน

เครื่องยิงปืนใหญ่สิบเครื่องตั้งเรียงรายกันพร้อมกับบรรจุกระสุนที่สร้างจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ กระสุนปืนใหญ่มีรูปทรงกลมและมีรัศมีความกว้างสิบฟุต ผิวของพวกมันปกคลุมเอาไว้ด้วยลวดหนามที่แหลมคม หากถูกกระสุนโจมตีเข้าโดยตรง ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็ต้องตกตายในทันที

แต่ด้วยความแม่นยำที่ต่ำและการเตรียมยิงที่ต้องใช้เวลานาน หากมีใครถูกกระสุนโจมตีใส่โดยตรง คนคนนั้นก็ถือว่าโชคร้ายเป็นอย่างมาก

จุดประสงค์ของการใช้เครื่องยิงปืนใหญ่นี้คือการทำลายเมืองเนื่องจากเมืองนั้นเป็นเป้านิ่งขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้

ปัง! ปัง! ปัง!

เครื่องยิงปืนใหญ่เริ่มทำการกระหน่ำยิง อาวุธประเภทนี้ถูกสร้างมาเพื่อการนี้ ดังนั้นการโจมตีของมันจึงมีพลังทำลายล้างที่เอาไว้บดขยี้รูปแบบอาคมป้องกันขนาดใหญ่ เมื่อกระสุนตกกระทบเป้าหมาย โล่แสงที่อยู่เหนือเมืองจักรพรรดิก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

เหล่าปรมาจารย์ในเมืองรีบควบคุมให้รูปแบบอาคมมั่นคงอย่างรวดเร็วโดยการชี้นำพลังปราณของตนเองเข้าไป

เพื่อที่จะใช้กลยุทธ์ป้องกันนี้ เหล่าปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราจากเมืองใหญ่ข้างๆได้ถูกเรียกตัวมาที่เมืองจักรพรรดิ ดังนั้นตอนนี้ในเมืองจักรพรรดิจึงมีปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทรานับหมื่นคอยช่วยกันทำให้รูปแบบอาคมป้องกันขนาดใหญ่มั่นคง

พวกเขาแบ่งกลุ่มกันออกเป็นกลุ่มละหนึ่งพันคน หลังจากแต่ละกลุ่มใช้พลังปราณจนเหือดแห้งอีกกลุ่มหนึ่งก็จะเข้าไปแทนที่

เพียงแต่ว่านี้ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น

ไม่เพียงแค่เครื่องยิงปืนใหญ่ที่ทำหน้าที่โจมตี เหล่าจอมยุทธจำนวนมากในกองทัพบุกรุกเองก็กระหน่ำโจมตีใส่ประตูเมืองจักรพรรดิเช่นกัน ตราบใดที่พลังทำลายล้างรุนแรงเกินกว่าที่รูปแบบอาคมป้องกันจะต้านทานไหว รูปแบบอาคมก็จะพลังทลายทันที

แน่นอนว่าผู้คนในเมืองจักรพรรดิย่อมไม่นิ่งเฉย พวกเขานำอาวุธจำพวกธนูออกมาใช้โจมตีสวนเพื่อปกป้องเมือง

“เหล่าปรมาจารย์มาก็เยอะจริงๆ” หลิงฮันกวาดสายตามอง ถึงแม้เขาจะอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไหลเขาก็ยังสามารถมองเห็นเหล่าผู้บุกรุกที่แข็งแกร่งจำนวนมาก นอกจากจักรพรรดิโจ้วเทียนกับจักรพรรดิปี้ลั่วแล้วก็ยังมีปรมาจารย์ระดับดาราอีกสามคนที่บรรลุระดับดาราขั้นสูงสุด

“จะป้องกันเอาไว้ได้อีกนานเท่าใด?” หลิงฮันพึมพำ

การที่จักรวรรดิทั้งสองนำกองกำลังที่แข็งแกร่งมาทั้งจักรวรรดิ พวกเขาจะต้องมั่นใจแน่นอนว่าตนเองจะชนะและไม่มีทางถูกหยุดเอาไว้ได้ด้วยรูปแบบอาคมป้องกันเมือง

ปัญหาในตอนนี้คือพวกเขาจะใช้เวลานานเท่าใดในการทำลายเมือง?

หากสามารถต้านเอาไว้ได้นานจนกระทั่งจักรพรรดินีปรากฏตัวกลับออกผู้บุกรุกจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน แต่หากไม่สามารถต้านเอาไว้ได้… จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป!

แต่ไม่มีใครรู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจักรพรรดินีจะกลับออกมา ตอนนี้เมืองจักรพรรดิจึงต้องเผชิญหน้ากับสงครามที่ไม่รู้ว่าจะเอาชนะได้เมื่อใด

‘ตูม ตูม ตูม’ เสียงกระแทกที่รุนแรงจากเครื่องยิงปืนใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วันที่สามในที่สุดผู้บุกรุกระดับดาราก็เริ่มลงมือ พวกเขายืนอย่างองอาจและปลดปล่อยกระบวนท่าใหญ่ที่ทรงพลังออกมาทีละคน

นี่มันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

ในการปะทะกันซึ่งๆหน้าใครจะกล้าโจมตีด้วยกระบวนท่าใหญ่ที่ใช้เวลาเตรียมการนาน? แต่ในสงครามที่พวกเขาเป็นผู้โจมตีอยู่ฝ่ายเดียว กระบวนท่าเหล่านี้จึงสามารถนำมาใช้ได้

ปัง! ปัง! ปัง!

จอมยุทธระดับดาราสามารถชี้นำพลังแห่งดวงดาวมาใช้โจมตีได้ พวกเขาควบคุมอุกกาบาตให้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อุกกาบาตแต่ละลูกโอบล้อมไปด้วยเปลวเพลิงที่เสียดสีกับอากาศ แสงสว่างเจิดจ้าจากพวกมันทำให้แม้แต่แสงจากดวงตะวันก็ต้องถูกบดบัง

ผู้คนในเมืองจักรพรรดิหวาดกลัวจนอ้าปากค้าง บางคนขวัญอ่อนถึงขนาดล้มลงไปนอนกับพื้น แม้แต่ฉีเชียวเซวี่ยกับปรมาจารย์ระดับดาราคนอื่นก็ยังเหงื่อไหลด้วยความหวั่นเกรง

รูปแบบอาคมป้องกัน… จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้หรือไม่?

เมื่ออุกกาบาตกระแทกลงมา คลื่นทำลายอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทุออกมาจนโล่ป้องกันสั่นไหวราวกับคลื่นน้ำ

“ถอยไป!”

ปรมาจารย์ระดับดาราทั้งเก้ารีบวิ่งไปยังแกนกลางของรูปแบบอาคมป้องกันและทำการควบคุมรูปแบบอาคมด้วยตัวเอง ภายในการควบคุมของพวกเขาในที่สุดรูปแบบอาคมป้องกันก็ค่อยๆกลับมามั่นคง

แต่หากเป็นแบบนี้คงรั้งเอาไว้ได้ไม่นาน

จำนวนของปรมาจารย์ระดับดาราของอีกสองจักรวรรดินั้นรวมกันแล้วมีมากถึงหนึ่งร้อยในขณะที่พวกเขามีกันแค่เก้าคน อีกฝ่ายสามารถผลักกันโจมตีโดยที่ใครเหนื่อยก็พัก แต่หากพวกเขาทั้งเก้าต้องคอยประคับประคองรูปแบบอาคมเป็นเวลาหนึ่งปี ห้าปีหรือสิบปี พลังของพวกเขาจะต้องแห้งเหือดสักวันหนึ่ง

“ผลัดกันควบคุมรูปแบบอาคม”

ปรมาจารย์ระดับดาราทั้งเก้าผลัดกันควบคุมรูปแบบแคมคนล่ะวัน ด้วยการช่วยเหลือจากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราจำนวนมาก พวกเขาจึงสามารถประคับประคองรูปแบบอาคมเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

ตอนนี้สถานการณ์พอจะอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง

หลิงฮันถอนหายใจโล่งอกและกลับไปนั่งลงที่ยอดเขา

เพียงแต่ว่า เมื่อผ่านไปอีกห้าวัน สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

รูปแบบอาคมป้องกันเมือง… จู่ๆก็สลายไป!

ไม่ใช่ถูกทำลายแต่มันสลายไปด้วยตัวมันเอง ราวกับว่า… มีคนภายในเมืองเป็นคนปิดรูปแบบอาคม

นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือคนในเมืองต้องการจะยอมตาย?

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“เหตุใดจู่ๆรูปแบบอาคมถึงได้ปิดไปเองเช่นนี้?”

“บัดซบ แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันดี?”

เมืองจักรพรรดิตกสู่ความโกลาหลทันที หากไร้รูปแบบอาคมป้องกัน พวกเขาจะต่อต้านจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองได้อย่างไร?

จบสิ้น… จบสิ้นแล้ว!

“ฮ่าๆๆ ทุกคนจงบุกโจมตีและยึดครองเมืองจักรพรรดิ!” จักรพรรดิโจ้วเทียนหัวเราะลั่น เขานำดาบออกมาและชี้ตรงไปเบื้องหน้า

หลิงฮันขมวดคิ้วด้วยความสับสน ทำไมรูปแบบอาคมป้องกันถึงได้สลายไปดื้อๆแบบนั้น? แต่ถึงจะยังไม่เข้าใจเขาก็พุ่งทะยานไปยังทิศทางของเมืองจักรพรรดิโดยไม่ลังเล