ยัยเด็กน้อยนี่ กำลังทรมานเขา
ขณะที่สาวน้อยกำลังคิดจะบุกยึดพื้นที่ให้ได้อยู่นั้น จีเฉวียนก็คว้านางเอาไว้ในครั้งเดียว พลิกร่างของนางจากที่เคยอยู่ด้านบนของเขาให้กลับลงมาข้างตัว
ทั้งสองนอนอยู่ด้วยกันบนเตียง เพราะเกรงว่านางจะไม่อยู่นิ่ง เขาจึงกอดนางเอาไว้จากด้านหลัง
แม้แต่ศีรษะก็ยังหนีบเอาไว้
ฝ่ามือใหญ่รัดนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ปลายคางกดอยู่บนกระหม่อมของนาง น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นแฝงเอาไว้ด้วยความอดทนที่บรรยายไม่ถูก
จีเฉวียนในตอนนี้ แม้ว่าในใจจะเกิดความกระหายปานพายุถาโถม แต่ก็ยังสามารถควบคุมสีหน้าและการแสดงออกภายนอกของเขาให้สงบเงียบเอาไว้ได้
ตู๋กูซิงหลันยังชิมไม่พออิ่ม จึงพลิกไปพลิกมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ไม่เอา ไม่เอา…..ข้าจะกินพี่ชาย!
“ฮึบ!”
เด็กน้อยยามเอาแต่ใจขึ้นมา ก็มีเรี่ยวแรงมหาศาลราวกับหมี
ตู๋กูซิงหลันย่อมมิใช่หมี แต่ว่านางกำลังท้าทายขีดจำกัดของจีเฉวียนอยู่ต่างหาก
ถ้าหากว่าเขาจับนางกินลงไปทั้งๆที่สติของนางยังไม่สมบูรณ์เช่นนี้ เขาคงไม่อาจให้อภัยตนเองได้เลย
แต่ว่าเจ้าตัวน้อยนี้ กลับบุกเข้าใส่เขาอย่างไร้เดียงสาและไม่กลัวตาย
“เจ้าว่าง่ายๆเข้านอนดีๆ ข้าจะร้องเพลงให้เจ้าฟังดีไหม?”
จีเฉวียนหมดหนทางแล้ว แทบจะต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดกอดนางเอาไว้
เตียงหลังนี้เดิมทีก็มั่นคงแข็งแรง แต่พอถูกนางพลิกไปพลิกมาเช่นนี้ เตียงทั้งหลังก็โคลงเคลงขึ้นมา
ส่งเสียงเอียดๆอาดๆ หากฟังจากด้านนอกก็คงต้องคิดว่าพวกเขากำลังทำอะไรที่ไม่อาจอธิบายในรายละเอียดอย่างแน่นอน
จีเฉวียนถึงกับต้องใช้พลังวิญญาณ ปิดกั้นเสียงที่ทำให้ผู้คนคิดไปไกลเหล่านั้นเอาไว้
“ไม่ฟังพี่ชายร้องเพลง ข้าจะกินพี่ชาย จะเอาง่ะ!”
ร่างกายท่อนบนของตู๋กูซิงหลันถูกเขากอดเอาไว้แน่น แต่ว่าขาของนางเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ จึงฟาดไปฟาดมาอยู่ตลอด
ฟาดจนเตียงหลังนี้ใกล้จะพังเต็มทีแล้ว
ขาที่ใหญ่กว่าของจีเฉวียนยกขึ้นมา สกัดเจ้าตัวน้อยที่ไม่ยอมอยู่ๆนิ่งๆเอาไว้
ด้วยพละกำลังของนาง เกรงว่านอกจากเขาแล้วก็คงไม่มีใครจัดการได้อีก
พอใช้พลังทั้งหมดจับตัวนางเอาไว้ เขาถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา
ทันทีที่เอ่ยปากก็ร้องเพลงเพลงหนึ่ง
“แค่สามร้อยหกสิบห้าวินาที รับรองว่าเธอต้องไม่ไหว…”
ไม่ว่าใครก็ยากจะเชื่อ เพราะว่าเพลงบทนี้พอออกจากปากของจีเฉวียน ก็ทำให้น้ำเสียงที่โมโหหงุดหงิด กลายเป็นเสียงเซ็กซี่เย็นซ่าขึ้นมา
แม้แต่ตู๋กูซิงหลันที่จิตใจยังไม่เติบโตโดยสมบูรณ์พอฟังแล้ว ก็ยังรู้สึกแปลกๆอย่างอธิบายไม่ถูก
ริมหูของนางเหมือนถูกเสียงมนต์สะกด ได้ยินแต่คำว่าเอวคอดๆ
สำหรับจีเฉวียนแล้ว ซิงซิงเติบโตมาจากโลกปัจจุบัน หากจะร้องเพลงกล่อมนางนอน ก็สมควรร้องเพลงของโลกปัจจุบัน
เขาคิดไปคิดมา ก็คิดถึงเพลงนี้ขึ้นมา
นี่เป็นเพลงที่ซิงซิงเคยร้องให้กับพระเอกในละครผู้หนึ่งที่นางเล่นเป็นนางเอกที่ย้อนเวลากลับไป
ตอนนั้น จีเฉวียนจึงตั้งใจฝึกหัดอย่างจริงจัง
แต่ว่าตอนที่ตู๋กูซิงหลันร้อง มันไม่ได้ฟังดูแล้วยั่วยวนเลยสักนิด แต่ว่าฟังดูปัญญาอ่อนและบ้องตื้นมากกว่า
ดังนั้นจีเฉวียนจึงไม่ได้รู้สึกเลยว่าเพลงนี้มีอะไรที่ผิดปกติกัน
ถึงได้ ตั้งใจฝึกฝนอย่างจริงจัง
แต่ว่าประโยคเหล่านี้พอออกมาจากปากของเขา ก็ฟังดูแล้วเหมือนมีบรรยากาศของเพลงดังในยุด50-60 ปะปนอยู่
ตู๋กูซิงหลันยิ่งนอนไม่หลับมากกว่าเดิม
พอฟังเขาร้องเพลง ก็ถามออกไปว่า “เอวคอดคืออะไร?”
“ทำไมต้องลูบเอวคอดของนู๋?”
จีเฉวียน “……”
เพราะอะไรนะหรือ?
เขานิ่งงั้นไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จูบลงไปบนหน้าผากของนางอีกครั้ง “มีแต่คนที่ชอบที่สุดถึงจะทำแบบนั้นด้วยกันได้”
ตู๋กูซิงหลันฟังแล้ว ก็ดีใจขึ้นมาในทันที
“เช่นนั้นคนที่พี่ชายชอบมากที่สุดก็คือนู๋ใช่ไหม?”
นางชอบบอกว่าชอบเขาอยู่ตลอดเวลา ระหว่างทางที่มาก็บอกว่าชอบเขาออกมาไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งแล้ว
จึเฉวียนจูบหน้าผากนางหนักๆอีกครั้ง “เป็นเจ้า คือเจ้าเสมอมา”
ตู๋กูซิงหลันฟังแล้วก็หัวเราะเสียงดังออกมา
พอนางหัวเราะ เตียงที่เดิมทีโยกเยกอยู่แล้ว ก็ส่งเสียงดังครืน พังลงไปจริงๆ
ยามที่ตู๋กูจุนและตู๋กูผู้เฒ่าเดินเข้ามาพร้อมๆกัน จึงได้เห็นภาพนี้เกิดขึ้นพอดี
ไข่มุกที่เฝ้าถนอมในมือของพวกเขา กำลังพันตูอยู่กับจีเฉวียน ม่านโปร่งสีแดงห่ออยู่รอบกายพวกเขา เตียงพังลงมา คนทั้งสองมือเท้าพันกันจนแยกแยะไม่ออก
ผู้เฒ่าตู๋กูโกรธเสียจนแทบจะเรียกเอาไว้กวาดประจำตัวออกมา
ดาบยักษ์ของตู๋กูจุนก็เกือบจะอยู่นิ่งไม่ไหวเช่นกัน
ทั้งคนเฒ่าและคนหนุ่มปวดหัวจนศีรษะจะระเบิดได้ในทันที
ใครมันจะไปรับได้กัน ยอดดวงใจที่เฝ้าคิดถึงให้กลับมาโดยเร็ว พอกลับมาถึง แวบแรกที่เห็นนางก็กำลังถูกผู้อื่นรังแกแล้ว?
พวกเขาอยากจะใช้ดาบสับคนเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นจนแทบจะทนไม่ไหว รู้หรือไม่?
ทำอะไรอึกทึกครึกโครมเสียจนทำให้เตียงพังได้ขนาดนี้!
จีเฉวียนปกป้องตู๋กูซิงหลันเอาไว้เป็นอย่างดี แถมนางยังแข็งแกร่งจะตายไป ยามนี้จึงมิได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อย
เขาค่อยๆลุกขึ้นมาช้าๆ นั่งอยู่บนแผ่นกระดานของเตียงที่หักไปแล้ว ทั้งยังโอบตู๋กูซิงหลันขึ้นมา จับนั่งลงบนตักกว้างของตนเอง
ตอนนี้เขาค่อยสลายหมอกสีดำรอบกายออกไป พอนั่งอย่างอหังการเช่นนี้ แถมยังมีตู๋กูซิงหลันที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่ด้วย ดูอย่างไรก็เหมือนจอมคนกับพระสนมล่มเมือง
นายท่านทั้งสองของตระกูลตู๋กูอึ้งจนถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จีเฉวียนมีชีวิตกลับมา….แต่ได้เห็นดวงใจของพวกเขา ทั้งสองก็เหมือนถูกชิงวิญญานไปเสียแล้ว….
คนทั้งสองคนหนึ่งถือไม้กวาดด้ามใหญ่ อีกคนกุมดาบยักษ์เอาไว้ ต่างก็ตกตะลึงอยู่กับที่ อย่างไม่รู้ว่าสมควรจะอุ้มดวงใจของพวกเขาขึ้นมากอดก่อนดี หรือว่าฟันจีเฉวียนทิ้งก่อนดี
แล้วไปเถอะ….ไม่จำเป็นต้องฟันทิ้งแล้ว
เพื่อบุรุษผู้นี้แล้ว ยอดดวงใจของพวกเขา ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับไปพักใหญ่…..
พวกเขาไหนเลยจะทนเห็นนางเป็นทุกข์ได้อีก
จีเฉวียนนั่งหลังตรงอย่างสง่างาม สาวน้อยในอ้อมแขนก็ถูกเขาอุ้มเอาไว้อย่างมั่นคง ยามนี้ดวงตาหงส์คู่นั้นจับจ้องอยู่ที่ร่างของสองตาหลานตระกูลตู๋กู
ครู่หนึ่งค่อยเอ่ยว่า “นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
คำพูดนี้เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น
สองตาหลานถึงกับคิดจะต่อยเขาสักหมัด!
ครอบครัวเดียวกันหรือ? เล่นตลกอะไร?
ยอดดวงใจของพวกเขา ยังไม่ได้รับเจ้าแต่งเข้าประตูมาเสียหน่อย!
“ตอนนี้ เราขอให้คำสัญญากับท่านทั้งสองว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป จะรักนาง ปกป้องนาง ไม่ให้นางได้รับความเจ็บช้ำแม้แต่น้อย มิว่าสิ่งใดที่เรามี ก็จะมอบให้นางยิ่งกว่าร้อยเท่า พันเท่า”
คำสาบานเช่นนั้น เมื่อเข้าหูสองตาหลานกลับเหมือนกับลมตดเสียอย่างนั้น
พวกเขาไม่เคยเชื่อถือคำสาบานใดๆมาก่อนเลย
พอคิดจะคัดค้าน ก็เห็นตู๋กูซิงหลันโผเข้าไปในอ้อมอกของจีเฉวียนอย่างแนบแน่น
ดวงตากลมโตคู่นั้นมองกลับมาที่พวกเขา “พี่ชายบอกว่าชอบข้าที่สุด นู๋ก็ชอบพี่ชายเหมือนกัน นู๋จะอยู่กับพี่ชายไปตลอดชีวิต!”
สองตาหลานถึงกับโมโหไม่ออก
ตู๋กูจุนดีดใส่สันดาบของตน “หากมิใช่เพราะว่าน้องเล็กชอบเจ้ามาก การแต่งงานครั้งนี้ข้าจะไม่มีทางยอมรับอย่างเด็ดขาด!”
เพราะว่าความทรงจำเกี่ยวกับจีเฉวียนนั้นหยั่งรากจนล้ำลึก ……ยิ่งภายหลังเขาได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้เพื่อตู๋กูซิงหลันอย่างมากมาย……
ในใจของพวกเขาจึงเกิดความยอมรับจีเฉวียนอยู่แต่แรกแล้ว แต่ว่ายังไม่อาจเอ่ยออกจากปากได้อย่างตรงๆ
ศีรษะของผู้เฒ่าตู๋กูมีผมขาวมากกว่าเดิม พอมองดูทั้งสองคน ก็ทั้งตกใจทั้งหงุดหงิด
ผ่านไปพักใหญ่ ค่อยเอ่ยว่า “หากว่าภายหน้าเจ้าเกิดทำเรื่องผิดต่อหลันหลันของข้าแม้แต่น้อย เราผู้เฒ่าจะขอสู้ตายกับเจ้าแล้ว!”
จีเฉวียนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่ต้องสู้ตายหรอก ไม่มีทางเกิดวันนั้นได้อยู่แล้ว”
………………….