ตอนที่ 695 บทเพลงของจีเฉวียน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยัยเด็กน้อยนี่ กำลังทรมานเขา 

 

 

ขณะที่สาวน้อยกำลังคิดจะบุกยึดพื้นที่ให้ได้อยู่นั้น จีเฉวียนก็คว้านางเอาไว้ในครั้งเดียว พลิกร่างของนางจากที่เคยอยู่ด้านบนของเขาให้กลับลงมาข้างตัว 

 

 

ทั้งสองนอนอยู่ด้วยกันบนเตียง เพราะเกรงว่านางจะไม่อยู่นิ่ง เขาจึงกอดนางเอาไว้จากด้านหลัง 

 

 

แม้แต่ศีรษะก็ยังหนีบเอาไว้ 

 

 

ฝ่ามือใหญ่รัดนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ปลายคางกดอยู่บนกระหม่อมของนาง น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นแฝงเอาไว้ด้วยความอดทนที่บรรยายไม่ถูก 

 

 

จีเฉวียนในตอนนี้ แม้ว่าในใจจะเกิดความกระหายปานพายุถาโถม แต่ก็ยังสามารถควบคุมสีหน้าและการแสดงออกภายนอกของเขาให้สงบเงียบเอาไว้ได้ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยังชิมไม่พออิ่ม จึงพลิกไปพลิกมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา 

 

 

“ไม่เอา ไม่เอา…..ข้าจะกินพี่ชาย! 

 

 

“ฮึบ!” 

 

 

เด็กน้อยยามเอาแต่ใจขึ้นมา ก็มีเรี่ยวแรงมหาศาลราวกับหมี 

 

 

ตู๋กูซิงหลันย่อมมิใช่หมี แต่ว่านางกำลังท้าทายขีดจำกัดของจีเฉวียนอยู่ต่างหาก 

 

 

ถ้าหากว่าเขาจับนางกินลงไปทั้งๆที่สติของนางยังไม่สมบูรณ์เช่นนี้ เขาคงไม่อาจให้อภัยตนเองได้เลย 

 

 

แต่ว่าเจ้าตัวน้อยนี้ กลับบุกเข้าใส่เขาอย่างไร้เดียงสาและไม่กลัวตาย 

 

 

“เจ้าว่าง่ายๆเข้านอนดีๆ ข้าจะร้องเพลงให้เจ้าฟังดีไหม?” 

 

 

จีเฉวียนหมดหนทางแล้ว แทบจะต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดกอดนางเอาไว้ 

 

 

เตียงหลังนี้เดิมทีก็มั่นคงแข็งแรง แต่พอถูกนางพลิกไปพลิกมาเช่นนี้ เตียงทั้งหลังก็โคลงเคลงขึ้นมา 

 

 

ส่งเสียงเอียดๆอาดๆ หากฟังจากด้านนอกก็คงต้องคิดว่าพวกเขากำลังทำอะไรที่ไม่อาจอธิบายในรายละเอียดอย่างแน่นอน 

 

 

จีเฉวียนถึงกับต้องใช้พลังวิญญาณ ปิดกั้นเสียงที่ทำให้ผู้คนคิดไปไกลเหล่านั้นเอาไว้ 

 

 

“ไม่ฟังพี่ชายร้องเพลง ข้าจะกินพี่ชาย จะเอาง่ะ!” 

 

 

ร่างกายท่อนบนของตู๋กูซิงหลันถูกเขากอดเอาไว้แน่น แต่ว่าขาของนางเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ จึงฟาดไปฟาดมาอยู่ตลอด 

 

 

ฟาดจนเตียงหลังนี้ใกล้จะพังเต็มทีแล้ว 

 

 

ขาที่ใหญ่กว่าของจีเฉวียนยกขึ้นมา สกัดเจ้าตัวน้อยที่ไม่ยอมอยู่ๆนิ่งๆเอาไว้ 

 

 

ด้วยพละกำลังของนาง เกรงว่านอกจากเขาแล้วก็คงไม่มีใครจัดการได้อีก 

 

 

พอใช้พลังทั้งหมดจับตัวนางเอาไว้ เขาถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา 

 

 

ทันทีที่เอ่ยปากก็ร้องเพลงเพลงหนึ่ง 

 

 

“แค่สามร้อยหกสิบห้าวินาที รับรองว่าเธอต้องไม่ไหว…” 

 

 

ไม่ว่าใครก็ยากจะเชื่อ เพราะว่าเพลงบทนี้พอออกจากปากของจีเฉวียน ก็ทำให้น้ำเสียงที่โมโหหงุดหงิด กลายเป็นเสียงเซ็กซี่เย็นซ่าขึ้นมา 

 

 

แม้แต่ตู๋กูซิงหลันที่จิตใจยังไม่เติบโตโดยสมบูรณ์พอฟังแล้ว ก็ยังรู้สึกแปลกๆอย่างอธิบายไม่ถูก 

 

 

ริมหูของนางเหมือนถูกเสียงมนต์สะกด ได้ยินแต่คำว่าเอวคอดๆ 

 

 

สำหรับจีเฉวียนแล้ว ซิงซิงเติบโตมาจากโลกปัจจุบัน หากจะร้องเพลงกล่อมนางนอน ก็สมควรร้องเพลงของโลกปัจจุบัน 

 

 

เขาคิดไปคิดมา ก็คิดถึงเพลงนี้ขึ้นมา 

 

 

นี่เป็นเพลงที่ซิงซิงเคยร้องให้กับพระเอกในละครผู้หนึ่งที่นางเล่นเป็นนางเอกที่ย้อนเวลากลับไป 

 

 

ตอนนั้น จีเฉวียนจึงตั้งใจฝึกหัดอย่างจริงจัง 

 

 

แต่ว่าตอนที่ตู๋กูซิงหลันร้อง มันไม่ได้ฟังดูแล้วยั่วยวนเลยสักนิด แต่ว่าฟังดูปัญญาอ่อนและบ้องตื้นมากกว่า 

 

 

ดังนั้นจีเฉวียนจึงไม่ได้รู้สึกเลยว่าเพลงนี้มีอะไรที่ผิดปกติกัน 

 

 

ถึงได้ ตั้งใจฝึกฝนอย่างจริงจัง 

 

 

แต่ว่าประโยคเหล่านี้พอออกมาจากปากของเขา ก็ฟังดูแล้วเหมือนมีบรรยากาศของเพลงดังในยุด50-60 ปะปนอยู่ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยิ่งนอนไม่หลับมากกว่าเดิม 

 

 

พอฟังเขาร้องเพลง ก็ถามออกไปว่า “เอวคอดคืออะไร?” 

 

 

“ทำไมต้องลูบเอวคอดของนู๋?” 

 

 

จีเฉวียน “……” 

 

 

เพราะอะไรนะหรือ? 

 

 

เขานิ่งงั้นไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จูบลงไปบนหน้าผากของนางอีกครั้ง “มีแต่คนที่ชอบที่สุดถึงจะทำแบบนั้นด้วยกันได้” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันฟังแล้ว ก็ดีใจขึ้นมาในทันที 

 

 

“เช่นนั้นคนที่พี่ชายชอบมากที่สุดก็คือนู๋ใช่ไหม?” 

 

 

นางชอบบอกว่าชอบเขาอยู่ตลอดเวลา ระหว่างทางที่มาก็บอกว่าชอบเขาออกมาไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งแล้ว 

 

 

จึเฉวียนจูบหน้าผากนางหนักๆอีกครั้ง “เป็นเจ้า คือเจ้าเสมอมา” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันฟังแล้วก็หัวเราะเสียงดังออกมา 

 

 

พอนางหัวเราะ เตียงที่เดิมทีโยกเยกอยู่แล้ว ก็ส่งเสียงดังครืน พังลงไปจริงๆ 

 

 

ยามที่ตู๋กูจุนและตู๋กูผู้เฒ่าเดินเข้ามาพร้อมๆกัน จึงได้เห็นภาพนี้เกิดขึ้นพอดี 

 

 

ไข่มุกที่เฝ้าถนอมในมือของพวกเขา กำลังพันตูอยู่กับจีเฉวียน ม่านโปร่งสีแดงห่ออยู่รอบกายพวกเขา เตียงพังลงมา คนทั้งสองมือเท้าพันกันจนแยกแยะไม่ออก 

 

 

ผู้เฒ่าตู๋กูโกรธเสียจนแทบจะเรียกเอาไว้กวาดประจำตัวออกมา 

 

 

ดาบยักษ์ของตู๋กูจุนก็เกือบจะอยู่นิ่งไม่ไหวเช่นกัน 

 

 

ทั้งคนเฒ่าและคนหนุ่มปวดหัวจนศีรษะจะระเบิดได้ในทันที 

 

 

ใครมันจะไปรับได้กัน ยอดดวงใจที่เฝ้าคิดถึงให้กลับมาโดยเร็ว พอกลับมาถึง แวบแรกที่เห็นนางก็กำลังถูกผู้อื่นรังแกแล้ว? 

 

 

พวกเขาอยากจะใช้ดาบสับคนเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นจนแทบจะทนไม่ไหว รู้หรือไม่? 

 

 

ทำอะไรอึกทึกครึกโครมเสียจนทำให้เตียงพังได้ขนาดนี้! 

 

 

จีเฉวียนปกป้องตู๋กูซิงหลันเอาไว้เป็นอย่างดี แถมนางยังแข็งแกร่งจะตายไป ยามนี้จึงมิได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อย 

 

 

เขาค่อยๆลุกขึ้นมาช้าๆ นั่งอยู่บนแผ่นกระดานของเตียงที่หักไปแล้ว ทั้งยังโอบตู๋กูซิงหลันขึ้นมา จับนั่งลงบนตักกว้างของตนเอง 

 

 

ตอนนี้เขาค่อยสลายหมอกสีดำรอบกายออกไป พอนั่งอย่างอหังการเช่นนี้ แถมยังมีตู๋กูซิงหลันที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่ด้วย ดูอย่างไรก็เหมือนจอมคนกับพระสนมล่มเมือง 

 

 

นายท่านทั้งสองของตระกูลตู๋กูอึ้งจนถึงกับพูดอะไรไม่ออก 

 

 

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จีเฉวียนมีชีวิตกลับมา….แต่ได้เห็นดวงใจของพวกเขา ทั้งสองก็เหมือนถูกชิงวิญญานไปเสียแล้ว…. 

 

 

คนทั้งสองคนหนึ่งถือไม้กวาดด้ามใหญ่ อีกคนกุมดาบยักษ์เอาไว้ ต่างก็ตกตะลึงอยู่กับที่ อย่างไม่รู้ว่าสมควรจะอุ้มดวงใจของพวกเขาขึ้นมากอดก่อนดี หรือว่าฟันจีเฉวียนทิ้งก่อนดี 

 

 

แล้วไปเถอะ….ไม่จำเป็นต้องฟันทิ้งแล้ว 

 

 

เพื่อบุรุษผู้นี้แล้ว ยอดดวงใจของพวกเขา ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับไปพักใหญ่….. 

 

 

พวกเขาไหนเลยจะทนเห็นนางเป็นทุกข์ได้อีก 

 

 

จีเฉวียนนั่งหลังตรงอย่างสง่างาม สาวน้อยในอ้อมแขนก็ถูกเขาอุ้มเอาไว้อย่างมั่นคง ยามนี้ดวงตาหงส์คู่นั้นจับจ้องอยู่ที่ร่างของสองตาหลานตระกูลตู๋กู 

 

 

ครู่หนึ่งค่อยเอ่ยว่า “นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” 

 

 

คำพูดนี้เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น 

 

 

สองตาหลานถึงกับคิดจะต่อยเขาสักหมัด! 

 

 

ครอบครัวเดียวกันหรือ? เล่นตลกอะไร? 

 

 

ยอดดวงใจของพวกเขา ยังไม่ได้รับเจ้าแต่งเข้าประตูมาเสียหน่อย! 

 

 

“ตอนนี้ เราขอให้คำสัญญากับท่านทั้งสองว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป จะรักนาง ปกป้องนาง ไม่ให้นางได้รับความเจ็บช้ำแม้แต่น้อย มิว่าสิ่งใดที่เรามี ก็จะมอบให้นางยิ่งกว่าร้อยเท่า พันเท่า” 

 

 

คำสาบานเช่นนั้น เมื่อเข้าหูสองตาหลานกลับเหมือนกับลมตดเสียอย่างนั้น 

 

 

พวกเขาไม่เคยเชื่อถือคำสาบานใดๆมาก่อนเลย 

 

 

พอคิดจะคัดค้าน ก็เห็นตู๋กูซิงหลันโผเข้าไปในอ้อมอกของจีเฉวียนอย่างแนบแน่น 

 

 

ดวงตากลมโตคู่นั้นมองกลับมาที่พวกเขา “พี่ชายบอกว่าชอบข้าที่สุด นู๋ก็ชอบพี่ชายเหมือนกัน นู๋จะอยู่กับพี่ชายไปตลอดชีวิต!” 

 

 

สองตาหลานถึงกับโมโหไม่ออก 

 

 

ตู๋กูจุนดีดใส่สันดาบของตน “หากมิใช่เพราะว่าน้องเล็กชอบเจ้ามาก การแต่งงานครั้งนี้ข้าจะไม่มีทางยอมรับอย่างเด็ดขาด!” 

 

 

เพราะว่าความทรงจำเกี่ยวกับจีเฉวียนนั้นหยั่งรากจนล้ำลึก ……ยิ่งภายหลังเขาได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้เพื่อตู๋กูซิงหลันอย่างมากมาย…… 

 

 

ในใจของพวกเขาจึงเกิดความยอมรับจีเฉวียนอยู่แต่แรกแล้ว แต่ว่ายังไม่อาจเอ่ยออกจากปากได้อย่างตรงๆ 

 

 

ศีรษะของผู้เฒ่าตู๋กูมีผมขาวมากกว่าเดิม พอมองดูทั้งสองคน ก็ทั้งตกใจทั้งหงุดหงิด 

 

 

ผ่านไปพักใหญ่ ค่อยเอ่ยว่า “หากว่าภายหน้าเจ้าเกิดทำเรื่องผิดต่อหลันหลันของข้าแม้แต่น้อย เราผู้เฒ่าจะขอสู้ตายกับเจ้าแล้ว!” 

 

 

จีเฉวียนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่ต้องสู้ตายหรอก ไม่มีทางเกิดวันนั้นได้อยู่แล้ว” 

 

 

………………….