ตอนที่ 967: จิตสังหารมหึมา

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 967: จิตสังหารมหึมา

เจี้ยนเฉินยังคงยืนอยู่บนสัตว์อสูรระดับ 4 แต่ในตอนนี้มันก็ทรุดลงกับพื้นด้วยความกลัวแล้ว มันสั่นอยู่ที่พื้นในขณะที่ตาของมันแสดงความหวาดกลัวออกมา

จิตสังหารที่ควบคุมไม่ได้เปล่งรัศมีออกมาจากร่างของเจี้ยนเฉินและพุ่งพวยขึ้นไปบนท้องฟ้า เมฆรอบ ๆ หรือแม้แต่เมฆยังเปลี่ยนไป มันถึงขนาดที่ว่าพระอาทิตย์ยังหมองไป มันดูเหมือนว่ามันไม่สามารถที่จะเทียบเคียงกับจิตสังหารของเจี้ยนเฉินได้

เจี้ยนเฉินอยู่ที่เมืองราชาในตอนนี้ เช่นเดียวกับเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร มีปราสาทที่สวยงามที่อยู่ใกล้กำแพงเมือง ในตอนนี้ตาของชายชราหลายคนที่กำลังทำสมาธิอยู่ด้านในก็เปิดออก พวกเขาจ้องออกไปด้วยความตกใจในขณะที่พวกเขาออกมาจากปราสาท พวกเขาทั้งหมดเคร่งเครียดมาก

ชายชราทั้งหมดเป็นจอมยุทธระดับสูงของอาณาจักรและทั้งหมดเป็นเซียนสวรรค์

“ช่างเป็นพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลและจิตสังหารที่ทรงพลังอะไรแบบนี้ มันมากพอที่แม้แต่ทำให้ข้ายังสั่นไหวจากภายใน มันเป็นไปไม่ได้ที่เซียนสวรรค์จะมีพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังแบบนี้ เจ้าของของมันต้องเป็นเซียนผู้คุมกฎแน่” ชายชราพูดออกมาเสียงแหบ

เซียนสวรรค์คนอื่นวิ่งมาแต่ไกล หนึ่งในนั้นคำรามออกมา “มีเซียนผู้คุมกฎมาที่เมืองของพวกเรา และดูเหมือนเขาจะถูกก่อกวนจากใครบางคน พวกเรารีบไปดูกัน”

เซียนสวรรค์หลายคนบินไปทางที่เจี้ยนเฉินอยู่ทันที

ในเวลลาเดียวกัน ชายชราผิวเลือดฝาดกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ เขากำลังทำสมาธิอยู่ในกระท่อมไม้ที่เงียบสงบบนภูเขาที่ห่างไกลออกไปจากเมือง มิติรอบรอบเขากระเพื่อมอย่างช้าช้า ในขณะที่ร่างของชายชราดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวกับรอบข้าง

ชายชราคนนี้เป็นเซียนผู้คุมกฎ

ทันใดนั้นเอง ตาของชายชราก็เปิดออก เขาเคลื่อนไหวร่างกายและก็ออกจากกระท่อมไม้ไปทันที และปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งหลายเมตรห่างออกไปบนยอดภูเขา เขามองออกไปไกลอย่างเคร่งเครียดในขณะที่ตาที่พร่ามัวของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เขาพูดด้วยเสียงชราที่สั่นเทาของเขา “ช่างเป็นพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลและจิตสังหารที่ทรงพลังอะไรแบบนี้ นะ นี่คือเซียนราชา ทำไมเซียนราชาที่สุดยอดถึงได้มาที่เขตชนบทแบบนี้และทำไมเขาถึงเปล่งรัศมีจิตสังหารที่น่ากลัวเช่นนี้ออกมา ? มีบางคนไปทำให้เขาโมโหหรือเปล่า ? “

“ไม่ได้การ ข้าต้องไปดูซะแล้ว” ชายชราหลอมรวมกับมิติรอบ ๆ และพุ่งออกไปเหมือนภาพราง ๆ

ภายในเมือง หมัดของเจี้ยนเฉินกำไว้แน่น เขาขบฟันแล้วพูดออกมา “พันธมิตรพิชิตอัคนีได้ยึดเมืองอัคนีของข้าและไล่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีออกไป มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีใครหนุนหลังหรอก ข้าจะไม่ยกโทษให้แน่”

ในตอนนี้เอง เซียนสวรรค์ก็บินออกมาจากปราสาท พวกเขาหยุดอยู่ห่างจากเจี้ยนเฉิน100 เมตร ในขณะที่พวกเขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความกังวล หลังจากที่ชั่งใจเล็กน้อย บางคนก็ก้าวออกมาและป้องมือพร้อมกล่าว “ผู้อาวุโส พวกเราคือที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรอัมม่า พวกเราขอถามได้ไหมว่าอะไรที่ทำให้ท่านขุ่นเคืองใจกัน ? ถ้ามีบางอย่างที่พวกเราสามารถช่วยท่านได้ พวกเรายินดีอย่างมาก”

ที่ปรึกษาจักรพรรดิสุภาพมากเพราะว่าพวกเขากลัวว่าจะไปทำให้เจี้ยนเฉินโกรธ

เจี้ยนเฉินไม่สนใจพวกเขาและจ้องออกไปไกลแทน ตาของเขาแดงก่ำ และความโกรธและจิตสังหารที่เหลืออยู่ก็ยังไม่หายไปไหน

มีร่างบินมาเหมือนสายฟ้าตรงที่ที่เจี้ยนเฉินจ้องมองไป และมาถึงตรงหน้าของเขาในพริบตา ไม่แปลกใจเลย ว่ามันคือชายชราที่ทำสมาธิอยู่ที่ภูเขา

ใบหน้าของที่ปรึกษาจักรพรรดิเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นว่าชายชรามา พวกเขาทั้งหมดคำนับอย่างสุภาพและพูด “พวกเราขอคารวะผู้พิทักษ์จักรพรรดิ”

ชายชราที่ถูกเรียกว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิไม่สนใจพวกเขาและสำรวจเจี้ยนเฉินอย่างลับ ๆ เขาตกใจในใจ เพราะว่าภายใต้สายตาของเจี้ยนเฉิน เขารู้สึกเหมือนว่าร่างของเขานั้นถูกแทงไปด้วยกระบี่ 2 เล่ม เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เมื่อเขาเผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉิน เขารู้สึกเหมือนไม่ได้เผชิญหน้าอยู่กับมนุษย์ แต่เป็นภูเขาที่เพิ่มลดขนาดได้ เขารู้สึกเหมือนว่าเขาอ่อนแอเหมือนมดปลวกซึ่งมันกดดันเขาอย่างมาก

“เขาเป็นเซียนราชาแน่ แข็งแกร่งเหมือนที่ข้าคาดเอาไว้” ชายชราคิด อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงท่าทางสุภาพอยู่ และคำนับไปที่เจี้ยนเฉิน เขาพูดออกมาอย่างเคารพ “หยันซีนันขอคารวะผู้อาวุโส ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าอะไรกันที่ทำให้ผู้อาวุโสโกรธเกรี้ยว? ถ้ามีอะไรที่ผู้อาวุโสต้องการ ข้ายินดีที่จะช่วยทุกอย่างที่ข้าสามารถทำได้”

ที่ปรึกษาจักรพรรดิยิ่งตกใจหนักขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิที่เป็นเซียนผู้คุมกฎที่เคารพปฏิบัติต่อเจี้ยนเฉินอย่างนอบน้อม และแม้แต่ยังเรียกเขาว่าเป็นผู้อาวุโสอีก สายตาที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

“บางทีคนคนนี้อาจจะไม่ใช่เซียนผู้คุมกฎแต่เป็นเซียนราชา ? ” ในตอนนี้ ความคิดแบบเดียวกันก็ปรากฎอยู่ในหัวของเซียนสวรรค์พร้อม ๆ กัน จิตใจของพวกเขาตกอยู่ในความสับสนและประหลาดใจ

“ประตูมิติที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน ? ” เจี้ยนเฉินจ้องไปที่หยันซีนันในขณะที่เขาถามออกมาด้วยเสียงทุ้ม

แววแห่งความสงสัยปรากฏขึ้นในตาของหยันซีนันเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะยุ่งเรื่องนี้ เขาพูดออกมาอย่างนอบน้อม “ผู้อาวุโส บางทีอาจจะมีแค่ตระกูลโบราณในภูเขาฟีนิกซ์ขาว ตระกูลคีกูมีประตูมิติในรอบรัศมีหลายแสนกิโลเมตรนี้”

“ภูเขาฟีนิกซ์ขาวอยู่ที่ไหน ? ” เจี้ยนเฉินถามต่อ

“500,000 กิโลเมตรไปทางตะวันตก” หยันซีนันพูดโดยไม่ปิดบังอะไร

เจี้ยนเฉินพุ่งไปเหมือนลูกปืนใหญ่ทางทิศตะวันตกทันทีที่เขาพูดจบ เขาอยู่ห่างจากอาณาจักรฉินหวงมากในตอนนี้ ดังนั้นมันคงต้องใช้เวลาบ้างที่จะบินไป

เจี้ยนเฉินไม่กล้าที่จะเดินทางชักช้าหลังจากที่เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองอัคนี ในตอนนี้เขาต้องการเพียงที่จะหาประตูมิติและกลับไปที่อาณาจักรเกอซุนให้ได้ไว ๆ แบบนั้น เขาจะสามารถประหยัดเวลาได้มาก

แม้ว่านูบิสจะเป็นเซียนราชาและสามารถเปิดประตูมิติได้ เขากำลังทำงานอย่างหนักในการศึกษาวิชาเซียนระดับเซียนจากอาณาจักรทะเล เขากำลังศึกษาส่วนสำคัญของมันอยู่ในตอนนี้ ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงไม่อยากที่จะรบกวนเขาด้วยเรื่องเล็กน้อย เพราะว่ามันอาจจะไปทำให้เขาเสียเวลาในช่วงเวลาที่เขาพยายามมานี้

ภูเขาโบราณอยู่ห่างหลายแสนกิโลเมตรออกไปจากอาณาจักรอัมม่า สัตว์อสูรหลายตัวอาศัยอยู่ที่นั่น และมีสัตว์อสูรระดับ 6 หลายตัวมาก มันเป็นจุดล่าสัตว์อสูรชั้นดีสำหรับกลุ่มทหารรับจ้างหลายกลุ่ม

ในส่วนลึกของภูเขาเป็นบริเวณที่ปกคลุมไปด้วยหมอกพิษ หมอกพิษไม่เคยจางหายไปและรุนแรงมาก ดังนั้น เซียนสวรรค์จึงไม่กล้าที่จะเข้าไปลึกด้านในนั้น รอบ ๆ เขตหมอกพิษมีสัตว์อสูรระดับ 6 ที่ทรงพลังจำนวนมาก

ในหลายปีที่มีที่นี่อยู่ เซียนสวรรค์หลายคนพยายามที่จะสำรวจเข้าไปในส่วนลึกของมัน แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ออกมาอย่างบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ตายด้านใน หลังจากสักพักแล้ว เขตหมอกพิษก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเขตมรณะ

ด้านในกลุ่มหมอกมีที่เขตขนาดใหญ่ที่มีน้อยคนที่จะรู้จัก มันถูกปกคลุมไปด้วยม่านพลังที่ทรงพลังและมีสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากอยู่ด้านในนั้น คนหลายคนที่แต่งตัวธรรมดากำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่ด้านใน

นี่เป็นที่ซึ่งตระกูลคีกูตั้งอยู่ ในขณะที่ภูเขานี้ถูกเรียกว่าภูเขาฟีนิกซ์ขาว

ในตอนนี้เอง หมอกพิษด้านในเริ่มที่จะกระเพื่อม ปราณกระบี่สีดำก็ดูเหมือนจะลดลงมาจากมิติด้านนอก และตัดผ่านหมอกพิษและโจมตีที่ม่านพลังไปอย่างรุนแรง

บู้ม !

ความสงบสุขของตระกูลคีกูถูกทำลายลง และม่านพลังที่ถูกร่ายเอาไว้โดยเซียนราชาของตระกูลถูกทำลายลงทันที มันไม่สามารถที่จะต้านปราณกระบี่ที่ทรงพลังเอาไว้ได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ผู้คนในตระกูลตื่นตัว ในตอนนี้ ตาของจอมยุทธทุกคนที่กำลังเก็บตัวทำสมาธิอยู่ภายในเผ่าลืมขึ้นมา พวกเขาพุ่งขึ้นไปในอากาศในขณะที่พวกเขาเปล่งประกายไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาล พวกเขาทั้งหมดจ้องอย่างเคร่งเครียดไปที่ม่านพลังซึ่งหายไปจนหมดสิ้น

“ใครมากัน ? ตระกูลคีกูพลาดที่จะได้ต้อนรับท่านตอนท่านอยู่ไกล แต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำลายม่านพลังของตระกูล” เสียงชราดังออกมาจากรอบ ๆ มันทรงพลังและรุนแรงมากและก้องกังวานไปรอบ ๆ

หลังจากเสียงนั้น พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา มันปกคลุมไปรอบ ๆ บริเวณ ชายชราที่เหี่ยวย่นลอยอยู่ช้า ๆ กลางอากาศ เขาเป็นหนึ่งในสองบรรพชนของตระกูล คีนัน

ในเวลาเดียวกัน ชายชราอีกคนก็ลอยขึ้นมากลางอากาศอย่างช้าช้าในขณะที่เขาเปล่งประกายไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่จากอีกบริเวณหนึ่งของคฤหาสน์ เขาเป็นบรรพชนอีกคนของตระกูลคีกู คีเป่ย

เซียนราชาทั้งสองโกรธจัดในขณะที่พวกเขาเงยหน้าขึ้นมอง

ในกลุ่มหมอกพิษที่พวยพุ่ง ชายหนุ่มชุดขาวก็ลดร่างลงมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับกระบี่ยาวในมือของเขา ใบหน้าของเขาเย็นชาในขณะที่จิตสังหารหนาแน่นเป็นประกายอยู่ในดวงตาของเขา

สายตาของทั้งคีเป่ยและคีนันรวมกันไปอยู่ที่กระบี่ของเจี้ยนเฉิน จากความรู้ของพวกเขา พวกเขาจำได้ว่านั่นคือยุทธภัณฑ์จักรพรรดิตั้งแต่มองเห็นเพียงปราดแรก นี่ทำให้ตาของพวกเขาหรี่เล็กลงและใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ

“ท่าน ตระกูลคีกูไปทำอะไรให้ท่านโกรธอย่างนั้นหรือ ? ” คีเป่ยถาม ตาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

“เจ้ามีประตูมิติที่นี่ ให้ข้ายืมประตูมิติของพวกเจ้า” เจี้ยนเฉินลดตัวลงมาจากท้องฟ้าในขณะที่เขาจ้องอย่างเย็นชาไปที่คนทั้งสอง

“หืม เจ้าก็เป็นเซียนราชาและสามารถเปิดประตูมิติได้ ทำไมเจ้าจะต้องใช้ประตูมิติของตระกูลคีกูด้วย ? เจ้ากำลังล้อพวกเราเล่นอยู่งั้นหรือ ? ” คีนันโกรธ

เจี้ยนเฉินยังคงไร้อารมณ์และไม่ได้อธิบายอะไรออกไป ทั้งหมดที่เขาพูดมีเพียง “ให้ข้ายืมประตูมิติและข้าจะจากไปทันที”