ตอนที่ 1412

Alchemy Emperor of the Divine Dao

การที่ปรมาจารย์ระดับดาราคอยคุ้มกันอยู่ ใครจะสามารถบุกมาทำลายรูปแบบอาคมได้?

แทบจะไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นตัวของติงหลีอันเองที่ทำลายแกนกลางรูปแบบอาคมเพื่อเปิดทางให้ศัตรู!

แต่คำถามก็คือทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น… มีเหตุผลอะไรที่ติงหลีอันต้องทรยศจักรพรรดินี?

ที่จริงปรมาจารย์ระดับดาราทั้งแปดเองก็พอจะคาดเดาได้ว่าติงหลีอัน แต่พวกเขายังปฏิเสธที่จะทำใจเชื่อ

ใบหน้าของฉีเชียวเซวี่ยเปลี่ยนเป็นเย็นชาและกล่าว “เจ้าต้องการรู้ไปทำไม?” สถานที่ที่จักรพรรดินีเก็บตัวอยู่นั้นเป็นความลับระดับสูงสุด

“ในเมื่อติงหลีอันไม่อยู่ที่นี่ย่อมหมายว่าเขากำลังไปตามหาจักรพรดรินี!” หลิงฮันกล่าวอย่างร้อนรน

“เป็นไปไม่ได้ ติงหลีอันไม่มีทางรู้ว่าจักรพรรดิอยู่ที่ไหน!” ฉีเชียวเซวี่ยกล่าวอย่างมั่นใจ

“สตรีโง่ ความลับไม่มีทางปิดบังเอาไว้ได้ตลอดการ นอกจากติงหลีอันจะเป็นจอมยุทธระดับดาราแล้วเขายังอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิมาเป็นเวลานานกว่าล้านปี การปกปิดความลับในเมืองจักรพรรดิจากสายตาเขาเป็นสิ่งที่ยากมาก!” หลิงฮันกล่าวยด้วยน้ำเสียงโมโห

ฉีเชียวเซวี่ยร่างสั่นสะท้านและเริ่มไม่มั่นใจ

อันที่จริงตัวนางรู้สึกเชื่อใจในสหายที่อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลากว่าล้านปีอย่างติงหลีอันมากกว่าหลิงฮันด้วยซ้ำ หลิงฮันนั้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเปิดสวรรค์ที่ผ่านไปเพียงยี่สิบปี จะให้นางเชื่อในตัวเขาได้อย่างไร?

หลิงฮันไม่สนใจว่าฉีเชียวเซวี่ยจะเชื่อเขาใจหรือไม่ เขาไม่มีเวลามัวเกลี้ยกล่อมนางและเอื้อมมือออกไปด้านหน้าทันที

“หยุด!” ผู้อาวุโสฝ้ายซ้ายและปรมาจารย์ระดับดาราคนอื่นลงมือหยุดยั้งหลิงฮัน

หลิงฮันเค้นเสียงพร้อมกับปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ ‘ครืนน’ ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและปรมาจารย์คนอื่นๆเรี่ยวแรงหดหายทรุดลงกับพื้นในทันที หากใครพลังต่อสู้ไม่ทัดเทียมหลิงฮัน คนเหล่านั้นก็ไม่มีสิทธิแม้จะยืนอยู่ต่อหน้าเขา!

ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและปรมาจารย์คนอื่นรู้ว่าในตอนที่หลิงฮันสังหารจ้าวเจี้ยนไป๋นั้นยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมา

ศักยภาพของรุ่นเยาว์ผู้นี้น่าสะพรึงกลัวเกินมาที่พวกเขาจะจินตนาการได้

“ถ้าภรรยาของข้าบาดเจ็บแม้เพียงผมเส้นเดียว ข้าจะฉีกกระฉากร่างของพวกเจ้าทุกคนให้เหลือแต่กระดูก!” หลิงฮันคว้าร่างของฉีเชียวเซวี่ยเอาไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม

ว่าไงนะ!

ทุกคนแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาอย่างปิดไม่มิด

ชายคนนี้พูดเรื่องอะไร?

ภรรยาของข้า?

ฮึ่ม!

ปรมาจารย์ที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครโง่ พวกเขาเข้าใจทันทีว่าหลิงฮันต้องหลงรักในตัวจักรพรรดินีจนเรียกนางว่าภรรยา แต่คำถามก็คือความรักที่ว่าเป็นของหลิงฮันเพียงฝ่ายเดียวรึเปล่า?

สมองของทุกคนสับสันงงงวย ถึงแม้จักรพรรดิจะงดงามหาใครเปรียบในโลกล้า แต่นางก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ในเชิงคนรักกับบุรุษหรือสตรีคนไหนมาก่อน ดังนั้นคำกล่าวของหลิงฮันจึงไม่อาจทำให้พวกเขายอมรับได้

“ฮึ่ม!” หลิงฮันยกร่างของฉีเชียวเซวี่ยขึ้นมาและตบไปที่ใบหน้าของนางโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะงดงามหรือไม่

ฉีเชียวเซวี่ยทั้งอับอายและโมโห แต่ตอนนี้พลังต่อสู้ของนางไม่อาจขัดขืนได้แถมอำนาจแห่งจักรพรรดิก็ไม่อาจใช้งานได้แล้ว นางไม่มีทางต่อกรกับหลิงฮันได้เลย หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่นางก็ตัดสินใจพร้อมกับกล่าวออกมา “ข้าจะนำทางเจ้าไปเอง”

“บอกทางมา!” หลิงฮันไม่ให้ฉีเชียวเซวี่ยเป็นคนเดินนำไปเพราะความเร็วของอีกฝ่ายเชื่องช้าเกินไป

ฉีเชียวเซวี่ยชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง หลิงฮันจับร่างของนางเอาไว้และพุ่งไปทันที พวกเขาเข้าสู่ปราสาทและเดินหันซ้ายขวาอยู่นานพอสมควรก่อนจะมาถึงสวนแห่งหนึ่งที่มีเนินเขาขนาดย่อมอยู่ภายใน

แน่นอนว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและปรมาจารย์คนอื่นย่อมตามมาด้วย พวกเขากวาดสายตามองก่อนจะตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ติงหลีอัน เจ้ากำลังทำอะไร!”

บนเนินเขามีห้องลับอยู่ แต่ตอนนี้สิ่งที่ใช้คำพรางห้องลับที่ว่าได้ถูกพลังทลายไม่เหลือซากจนมองเห็นประตูหิน และที่ด้านหน้าประตูหินนั่นมีร่างของติงหลีอันที่กำลังทำลายประตูหินยืนอยู่

ณ ตอนนี้แม้ทุกคนจะไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ

“เป็นเจ้าจริงๆ!”

“ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้!”

“บังอาจปล่อยให้ศัตรูบุกรุกเข้ามาได้ จักรพรรดินีไปทำอะไรให้เจ้าแค้นเคืองรึไงกัน? การกระทำของเจ้าไม่ต่างกับการทรยศบ้านเกิด!”

ติงหลีอันหยุดมือและหันหลังมากวาดสายตามอง

หลิงฮันปล่อยมือจากฉีเชียวเซวี่ยและกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “ไม่คาดคิดว่าคนที่ลอบสังหารข้าในอวกาศจะเป็นเจ้า!”

เมื่อตรวจสอบออร่าของติงหลีอัน หลิงฮันจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือคนที่ลอบสังหารเขา

ถึงแม้หลิงฮันจะเคยพบเห็นติงหลีอันมาก่อน แต่ในตอนนั้นมันก็เป็นเวลานานมาแล้ว พลังบ่มเพาะของตัวเขายังอ่อนแอเกินไปที่จะรับรู้ออร่าของปรมาจารย์ระดับดารา

ติงหลีอันจ้องมองหลิงฮัน ในดวงตาของเขาปรากฏประกายเปลวเพลิงสู้รบ มันไม่ใช่แววตาที่ต้องการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งแต่เป็นแววตาที่ต้องการกำจัดคู่แข่งด้านความรัก

หลิงฮันตกตะลึงและพอเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาบ้าง “เจ้าไล่ล่าข้าเพราะความสัมพันธ์ของข้ากับจักรพรรดินี? แต่เป็นไปได้อย่างไรที่ในตอนนั้นเจ้าจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของข้ากับนาง?”

“เหอๆ พวกเจ้าคิดว่าข้ามีชีวิตอยู่มานานเป็นล้านปีโดยที่ไม่ทำอะไรเลย?” ติงหลีอันแสดงสีหน้าเหยียดหยาม ร่างกายของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนออร่าของเขาจะถูกปลดปล่อยออกมาเป็นวงกว้าง

“อะไรกัน!” ฉีเชียวเซวี่ยและปรมาจารย์คนอื่นๆตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ออร่าของอีกฝ่ายทรงพลังเกินกว่าที่พวกนางจะรับรู้ได้ว่าเป็นขั้นพลังใด

“ระดับดาราขั้นกลาง?”

“ไม่ผิดแน่!”

เหล่าปรมาจารย์ตะโกนออกมา พวกเขาทั้งตกตะลึงและอิจฉา หลังจากผ่านไปล้านปี ติงหลีอันได้แซงหน้าพวกเขาไปแล้ว

หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “จากที่ดู พลังบ่มเพาะของเจ้าสมควรเป็นระดับดาราขั้นสูง!” เมื่อเทียบกับเขาแล้วออร่าของอีกฝ่ายหนักแน่นกว่าพอสมควร

ฉีเชียวเซวี่ยและปรมาจารย์คนอื่นแทบจะเป็นลม ชายที่ทำตัวไม่โดดเด่นมาตลอด แท้จริงแล้วไม่ได้นำหน้าพวกเขาไปขั้นเดียวแต่มากกว่านั้นอีก?

“หากข้าไม่แข็งแกร่งระดับนี้คงไม่สามารถลอบเข้ามาพระราชวังและรับรู้ความลับมากมายได้” ติงหลีอันกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ตอนนี้เมื่อรู้ความแข็งแกร่งของข้าแล้วพวกเจ้าก็ไสหัวไป!”

ใบหน้าของฉีเชียวเซวี่ยเปลี่ยนเป็นซีดขาว อีกฝ่ายแอบลักลอบเข้ามาในพระราชจริงๆรึ? แถมดูแล้วคงไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้งได้ แต่ในฐานะที่นางเป็นหัวหน้าองครักษ์ของพระราชวังนางกลับไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย

“ติงหลีอัน เจ้าเปิดทางให้ศัตรูบุกเข้ามาทำไม?” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายตะคอก

ติงหลีอันหันหน้ากลับและเริ่มทำลายอักขระป้องกันต่อพร้อมกับกล่าว “แน่นอนว่าด้วยการร่วมมือกันของจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสอง จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะจะต้องล่มสลาย หากยังคงมีอำนาจแห่งจักรภพปกป้องที่นี่อยู่ข้าก็จะไม่สามารถทำลายอักขระป้องกันบนกำแพงหินได้”

“ในอนาคตจะไม่มีใครสามารถหยุดยั้งข้าที่จะได้ครองคู่กับจักรพรรดินีอีกต่อไป!”

เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของเขาคือการเปิดประตูหินนี้และได้อยู่ครองรักกับจักรพรรดินีแห่งดารา

ข่าวลือที่ว่าติงหลีอันนั้นเป็นคนบ้าคลั่งในความรักนั้นไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว เขากล้าแม้กระทั่งฉวยโอกาสในขณะที่จักรพรรดินีเก็บตัวอยู่วางแผนการยิ่งใหญ่เช่นนี้

หลิงฮันกล่าวแทรก “การบุกรุกของจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองก็เป็นฝีมือของเจ้า?”

“แน่นอน หากไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนแพร่งพรายข่าว พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจักรพรรดินีกำลังเก็บตัวอยู่” ติงหลีอันกล่าวอย่างไม่แยแส ที่จริงจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองก็ไม่ได้เชื่อข่าวโดยสมบูรณ์ พวกเขาจึงเลือกที่จะส่งกองทัพที่นำโดดปรมาจารย์ระดับดาราหนึ่งคนมาก่อนแล้วค่อยบุกรุกด้วยกองกำลังทั้งหมด

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ลงนรกไปได้แล้ว!”