ตอนที่ 2331 มังกรและเถียนเฟยเออร์

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“อะไรนะ ของชิ้นนั้นไม่ใช่โลหิตบรรพชนมังกรหรอกหรือ?” หานลี่ตกใจเล็กน้อย

“ยิ่งไปกว่านั้นเสียอีก สามารถเอ่ยออกมาได้เลยว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับบรรพชนมังกรเลยแม้แต่น้อย มีเพียงคนนอกเช่นพวกท่านเท่านั้น ที่จะเข้าใจผิดไปได้โดยง่าย แต่ว่าก็ไม่น่าแปลกใจเลย ของชิ้นนี้นั้นปนเปื้อนไปด้วยกลิ่นอายของมังกรจริงๆ ตรงจุดนี้จริงแท้แน่นอน” ชายชุดดำเอ่ยออกมาทั้งยังยิ้มน้อยๆ

“เมื่อได้ยินน้ำเสียงของนักพรตแล้ว ก็เข้าใจถึงที่มาของสิ่งนี้ชัดขึ้น สามารถบอกแก่หานม่อสักเล็กน้อยได้หรือไม่” หานลี่เอ่ยออกมาด้วยใจสั่นไหว

“แน่นอนว่าย่อมได้ ของสิ่งนี้นอกจากว่าจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อเผ่ามังกรแท้แล้ว แต่กลับไม่มีประโยชน์ใดต่อเผ่าอื่น มันเป็นแก่นโลหิตหยดหนึ่งจริงๆ แต่ว่าไม่ใช่โลหิตของบรรพชนมังกร แต่เป็นโลหิตของมังกรห้วงฝันทมิฬ” ชายชุดดำเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร กลับเอ่ยบอกเขาออกมาตามตรง

“มังกรห้วงฝันทมิฬ?” หานลี่ขมวดคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้

“พี่หานไม่รู้เกี่ยวกับมังกรห้วงฝันทมิฬ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร มีแค่พวกเราเผ่ามังกรแท้เท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่จริงของมัน แต่ก็ไม่มากนัก เอ่ยออกมาง่ายๆ ก็คือ มังกรห้วงฝันทมิฬนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรพชนมังกรแห่งแดนเซียน อีกทั้งยังเป็นบรรพชนของ “มังกรปีศาจ” ที่เป็นศัตรูตัวฉกาจกับเผ่ามังกรแท้ของพวกเรา โลหิตของมังกรห้วงฝันทมิฬนั้นก็คงจะไหลมาจากแดนเซียน ไม่เพียงแต่หยดนี้เท่านั้น ยังมีอีกมากกว่าเจ็ดถึงแปดหยด” ชายชุดดำเมื่อเปิดปากออกมาแล้วก็ทำเอาหานลี่ตกตะลึง

“เจ็ดถึงแปดหยด มากมายถึงเพียงนี้เชียว” หานลี่รู้สึกประหลาดใจเข้าจริงๆ

“ผู้อาวุโสของเผ่าเองก็ใช้วิธีการพิเศษของพลังจากสายโลหิต ถึงได้สัมผัสถึงจำนวนของโลหิตมังกรห้วงฝันทมิฬเหล่านี้ จากนั้นจึงได้ส่งข้าและคนอื่นๆ ในเผ่าออกมา ไปยังแดนต่างๆ เพื่อรวบรวมโลหิตของมังกรห้วงฝันทมิฬที่มีอยู่กลับมาไม่ให้เหลือ โลหิตของมังกรห้วงฝันทมิฬถึงแม้ว่าจะมีปราณแท้ของมังกรห้วงฝันทมิฬอยู่ด้วย แต่ขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยพลังของความร้ายกาจอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ด้วย นอกจากพวกข้าที่เป็นเผ่ามังกรแท้แล้วที่มีวิธีการค่อยๆ หลอมรวมแล้ว ผู้อื่นต่อให้พยายามที่จะหลอมรวมมันแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่อาจได้รับปราณแท้ของมังกรห้วงฝันทมิฬที่อยู่ด้านในแล้ว กลับกันพลังยุทธ์ในกายก็อาจจะบาดเจ็บได้ จนทำให้กลายเป็นร่างเงาของมังกรห้วงฝันทมิฬนั้น ผู้อาวุโสในเผ่าเกรงว่าของสิ่งนี้จะตกไปปรากฏยังโลกเบื้องล่าง และไม่แน่ว่าอาจจะเป็นความตั้งใจแต่เดิมของมังกรห้วงฝันทมิฬตนนั้น ในฐานะที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่ามังกรแล้ว พวกเราแน่นอนว่าไม่มีทางที่จะยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” ชายชุดดำเอ่ยออกมาอย่างเคร่งครึม

“หากว่าเป็นเช่นนี้แล้ว ของสิ่งนี้นอกจากว่าจะไม่มีประโยชน์ต่อคนนอกเช่นพวกเราแล้ว กลับกันยังเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และเมื่อเผ่าของพวกท่านสามารถรวบรวมโลหิตของมังกรห้วงฝันทมิฬนี้เอาไว้ได้แล้ว คาดว่าไม่นานหลังจากนี้ความแข็งแกร่งจะต้องเพิ่มขึ้น ถึงขนาดที่ว่าจะต้องมีผู้สำเร็จทยานสู่แดนสวรรค์เป็นแน่” สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ในใจครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยออกมา

“ขึ้นสู่สรวงสวรรค์? นักพรตเองคิดถึงเรื่องการหลอมรวมโลหิตของมังกรห้วงฝันทมิฬง่ายดายเกินไปแล้ว ของสิ่งนี้ถึงแม้ว่าจะมีพลังของปราณแท้อันน่าสะพรึง แต่ว่าจำต้องใช้เวลาอันน่าอัศจรรย์ใจถึงจะสามารถกำจัดพลังอันร้ายกาจนี้ได้ และไม่ต้องเอ่ยถึงในตอนที่กำจัดมัน แม้แต่ปราณแท้เองก็อาจจะเสียหายไปพร้อมกันด้วย ถึงขั้นที่ว่าจากสิบส่วนเหลืออยู่เพียงส่วนหนึ่งก็นับว่าไม่เลวแล้ว ปราณแท้เหล่านี้เมื่อถูกหลอมรวมไปแล้ว อย่างมากสุดก็คือทำให้พลังยุทธ์แข็งแกร่งขึ้น ลดทอนเวลาการบำเพ็ญเพียรอันยากลำบากเท่านั้น พวกท่านที่มีระดับจิตวิญญาณเที่ยงแท้ และผู้อื่นแล้ว การขึ้นสู่สรวงสวรรค์นั้นยากยิ่งกว่านับร้อยเท่า แต่ทว่าถ้าเกิดเอาไว้ให้กับเหล่ามหายานรุ่นหลังใช้ ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยเสริมพลังของปราณแท้ จนทำให้สามารถทะลุคอขวดนั้นได้ อาจจะบรรลุจนมีจิตวิญญาณแท้โดยเร็วก็เป็นได้” ชายชุดดำส่ายศีรษะแล้วเอ่ยซ้ำไปมา

“เมื่อเอ่ยออกมาเช่นนี้แล้ว เผ่ามังกรแท้ของพวกท่าน ภายหน้าคงจะมีนักพรตที่มีระดับจิตวิญญาณเที่ยงแท้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย” หานลี่ถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยถาม

“ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่าจะเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่นั้น ยังขึ้นอยู่กับอีกสองสิ่ง เผ่าพวกเรานั้นมีกายของจิตวิญญาณเที่ยงแท้มาแต่โดยกำเนิด อาศัยเพียงแค่การสะสมอย่างช้าๆ ผ่านไปในแต่ละเดือนปี จนกลายเป็นจิตวิญญาณเที่ยงแท้นั้นถึงจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร พอแล้ว เถียนม่อได้บอกเรื่องจริงแก่ท่านไปแล้ว ไม่ทราบว่าพี่หานจะสามารถไตร่ตรองถึงเรื่องที่ข้าเอ่ยออกไปก่อนหน้านั้นได้หรือไม่” ชายชุดดำเมื่อเอ่ยออกมาจบแล้ว ถามออกมาด้วยท่าทีสบายๆ

“ในเมื่อท่านเป็นคนเผ่าเดียวกันกับฝานเผาจือ อีกทั้งเมื่อเรื่องเรียบร้อยลงแล้วก็จะกลับไปยังเผ่าในทันที แล้วเปิดเผยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องทุกอย่างออกมา ข้าเองก็คงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้” หานลี่ไม่ได้ตอบกลับโดยตรง แต่กลับเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ

“ฝานเผาจือคงจะนำเทียบเชิญร่วมงานชุมนุมพระสูตรดอกบัวก่วงหลิงมาให้พี่หานแล้วกระมัง” หลังจากที่ชายชุดดำยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วจึงถามกลับออกมาประโยคหนึ่ง

“เจ้าเอ่ยถึงของสิ่งนี้ใช่หรือไม่?” หานลี่พลิกมือข้างหนึ่งขึ้น เกร็ดมังกรสีเงินปรากฏออกมาในทันที

“ไม่ผิดแล้ว คือของชิ้นนี้ หากว่าพี่หานครั้งนี้สามารถช่วยเหลือข้าได้ ข้าขอสัญญาว่า ในงานชุมนุมพระสูตรดอกบัวครั้งนี้ข้าจะให้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ต่อท่าน ให้ท่านมีโอกาสได้รับผลของพระสูตรดอกบัวมากยิ่งขึ้น” ชายชุดดำเอ่ยออกมาอย่างไม่รีบร้อน

“ตั้งแต่ที่ข้าได้รับเทียบเชิญ ก็ได้สืบข่าวเกี่ยวกับงานชุมนุมพระสูตรดอกบัวก่วงหลิงมาบ้างเล็กน้อย แต่น่าเสียดายนักพรตในแดนวิญญาณที่รู้เรื่องนี้มีไม่มากนัก เพียงแต่พอรู้มาบ้างว่าเทียบเชิญของงานชุมนุมพระสูตรดอกบัวนั้นยากยิ่งนักที่จะได้รับ ส่วนผลของพระสูตรดอกบัวนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นผลวิญญาณอันดับหนึ่งในหมื่นแดนนี้? แต่ว่ามีประโยชน์ใดนั้น กลับไม่เป็นที่ชัดเจนนัก” สีหน้าของหานลี่ค่อยๆ เปลี่ยนไป แล้วจึงเอ่ยถามออกมาอย่างครุ่นคิด

“เฮ่อเฮ่อ นี้มันเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว พวกเราชาวเกาะมังกรจัดงานชุมนุมพระสูตรดอกบัวก่วงหลิงขึ้น ท่ามกลางการแย่งชิงกันของผู้คนหลายดินแดนพวกเรากลับเชิญคนมาเพียงแค่หนึ่งพันคนเท่านั้น เงื่อนไขเดียวที่คนเหล่านี้จะได้รับเทียบเชิญนั้นคือ มีพลังเทียบเท่าหรือมากกว่าจิตวิญญาณแท้ สายตาของศิษย์พี่ฝานเผาจือค่อนข้างสูงผิดปกติ พี่หานสามารถได้รับการยอมรับจากเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก หากจะเรียกว่างานชุมนุมพระสูตรดอกบัวก่วงหลิงเป็นอันดับหนึ่งในดินแดนนับพันแล้วก็อาจจะดูเกินจริงไปบ้าง แต่ถ้าเอ่ยถึงว่าเป็นสามอันดับแรกของผลไม้แห่งวิญญาณแล้ว คาดว่าผู้คนเกินกว่าครึ่งคงจะไม่เอ่ยคัดค้าน ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ได้ทานผลไม้นี้เข้าไป ในหมื่นปีจึงจะมีกายพระสูตรดอกบัวก่วงหลิง ไม่ว่าจะเป็นการบำเพ็ญเพียรหรือว่าใช้ความเข้าใจในด้านของวิทยายุทธ์ สามารถเพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านั้นได้มากถึงเจ็ดแปดเท่า” ชายชุดดำเอ่ยพร้อมทั้งหัวเราะออกมา

“กายพระสูตรดอกบัวก่วงหลิงเจ็ดแปดเท่า!” หานลี่เมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้า ก็ตกตะลึง ใบหน้าเผยท่าทีเหลือเชื่อออกมา

“ไม่ผิด แม้ว่าพระสูตรดอกบัวก่วงหลิงนี้จะสามารถกินได้เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ว่าผลพระสูตรดอกบัวที่สมบูรณ์แบบลูกนี้ สามารถทำให้ร่างกายของคนธรรมดาสามารถมีกายเป็นพระสูตรดอกบัวก่วงหลิงดั่งในตำนานชั่วคราว กายนี้ถึงแม้ว่าจะไม่อาจใช้ต่อสู้กับศัตรูได้ แต่ว่าความเข้าใจในการฝึกฝนวรยุทธ์นั้นเป็นไปอย่างอัศจรรย์หาใดเปรียบ” ชายชุดดำเอ่ยออกมาอย่างชวนฝัน ราวกับว่าเขาเองก็คาดหวังในพระสูตรดอกบัว

ก่วงหลิงนี้เป็นอย่างมาก

“ถ้าผลพระสูตรดอกบัวมีผลวิเศษเช่นนี้ หากว่าจะเอ่ยว่าเป็นผลวิญญาณอันดับหนึ่งในดินแดนนับพันนี้ ก็ไม่นับว่าเป็นการเกินจริงไป แต่ว่าเมื่อได้ยินจากคำพูดของท่านแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้เข้าร่วมงานชุมนุมในครั้งนี้ ผลพระสูตรดอกบัวนี้ก็ดูเหมือนว่ายากนักที่จะได้รับ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วจะช่วยข้าได้อย่างไรกัน ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นคนของเผ่ามังกร ก็ดูจะลำเอียงเกินไปแล้ว” สีหน้าของหานลี่ดูสั่นไหว แต่ยังคงเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น

“พี่หานวางใจได้ ข้าไม่ใช่ผู้ที่มีพรสวรรค์ใด และก็ถูกคนภายในเผ่ากำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ให้เป็นหนึ่งสามสิบหกคนที่เป็นผู้ดูแลงานชุมนุมเต้ากั่วในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าในสถานะนี้ไม่อาจช่วยเหลือท่านได้อย่างเปิดเผย แต่ว่าส่งข้อมูลของผู้อื่นและก็รวบรวมข้อมูลลับที่คนนอกยากรู้ได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว” ชายชุดดำตอบกลับมาเบาๆ

“เพียงแค่นี้นะหรือ” หานลี่ค่อยๆ ขมวดคิ้ว ท่าทางดูเหมือนกับว่าจะยังไม่พอใจ

“ท่านควรจะพอใจได้แล้ว จะต้องรู้ว่าพระสูตรดอกบัวก่วงหลิงนั้นหายากยิ่งนัก ผู้แข็งแกร่งจากหลากหลายดินแดนที่มาร่วมงานชุมนุมนั้นต่างก็ไม่ใช่ผู้ที่อ่อนแอ ตามธรรมเนียมปฏิบัติในหมู่ผู้รับเชิญในอดีตแล้ว มีเพียงแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้นที่จะสามารถได้รับผลพระสูตรดอกบัวที่แท้จริง ส่วนที่เหลือนั้นทำได้เพียงแค่ลิ้มรสน้ำทิพย์จากผลพระสูตรดอกบัวที่เจือจางแล้วเท่านั้น ถึงแม้ว่าน้ำทิพย์นี้ จะเป็นของหายากในหมู่ผู้บำเพ็ญเพียรเซียนเช่นพวกเรา แต่เมื่อเทียบกันกับผลของพระสูตรดอกบัวเองแล้วกลับไม่นับว่าเป็นอะไร สามารถช่วยรวบรวมข้อมูลต่างๆ ก็นับว่าเป็นข้อยกเว้นแล้ว นักพรตท่านนี้อาจจะเป็นเพราะว่าความช่วยเหลือที่ท่านมองไม่เห็นค่านี้ ก็อาจจะทำให้ท่านได้รับผลพระสูตรดอกบัวมาก็เป็นได้” มุมปากของชายชุดดำเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม

นักพรตเถียนเอ่ยออกมาก็มีเหตุผลอยู่ เพียงแต่หานม่อเป็นผู้ที่มีใจโลภอยู่เล็กน้อย ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปตามนี้ เรื่องนี้ข้ารับปากเจ้าแล้ว” หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ตัดสินใจพยักหน้าตกลง

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่หานจะต้องตกลง ถ้าเช่นนั้นในไม่กี่วันนี้ ข้าขอแอบซ่อนตัวอยู่ที่ท่านสักระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะได้ไปจากแผ่นดินใหญ่นี้ด้วยกัน” ชายชุดดำรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก

“เรื่องนี้แน่นอนว่าไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าข้ายังมีอีกหนึ่งคำถาม การส่งตัวข้ามเขนแดนนั้น ข้าได้รับมาเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นหากท่านอยากจะไปด้วยกันแล้ว เกรงว่าคงจะปิดบังกลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนเอาไว้ไม่ได้” หานลี่เอ่ยออกมาเช่นนี้อีกครั้ง

“ตรงจุดนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลใจ ข้าเคยฝึกเคล็ดวิชาลับแปลงกายเป็นสิ่งของ สามารถแปลงกายตนเองให้กลายเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งได้ ต่อให้เป็นเซียนที่แท้จริงมาอยู่ตรงหน้าก็มีความมั่นใจอยู่หลายส่วนว่าจะต้องปิดบังเอาไว้ได้เป็นแน่” ชายชุดดำหัวเราะ แล้วตอบกลับออกมาอย่างไม่ลังเล

“หากว่าเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าเองก็วางใจได้จริงๆ แล้ว” ท่าทางของหานลี่ดูผ่อนคลายลง

“ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เถียนม่อก็ไม่ขอรบกวนอีกต่อไปแล้ว ขอตัวไปหาห้องพักผ่อนก่อนสักครู่ หลายปีมานี้เพื่อที่จะตามหาเบาะแสของโลหิตมังกรฝันร้ายหยดนี้ ข้าเองก็นับว่าไม่เคยได้นอนหลับอย่างจริงจังสักครั้งหนึ่ง” ชายชุดดำเมื่อเห็นว่าเรื่องราวต่างๆ ได้ ได้คลี่คลายลงแล้ว จึงได้ลุกขึ้นกำหมัดคำนับกล่าวคำอำลาสองสามประโยค จากนั้นก็หมุนกายเดินออกไปยังด้านนอกประตูในทันที

“นักพรตเถียน… ไม่ ควรจะเรียกว่าเถียนเซียนจื่อถึงจะถูก หวังว่าท่านกับข้าเมื่อพบกันในครั้งต่อไป ท่านคงจะสามารถเผยโฉมหน้าที่แท้จริงได้บ้าง” หานลี่มองไปยังเบื้องหลังของชายชุดดำ จู่ๆ ใบหน้าก็เผยสีหน้าแปลกๆ แล้วเอ่ยออกมา

“ที่แท้พี่หานก็มองเห็นการปลอมตัวของน้องสาวมานานแล้ว ในเมื่อมีข้อเรียกร้องเช่นนี้ ครั้งหน้าน้องสาวก็จะใช้รูปโฉมที่แท้จริงมาพบท่านก็แล้วกัน ใช่แล้ว น้องสาวมีชื่อจริงว่าเถียนเฟยเออร์ ขอท่านนักพรตได้โปรดจำเอาไว้เช่นกัน” ชายชุดดำเมื่อได้ยินเข้า เบื้องหลังสั่นไหว แต่ทันใดนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเสียงหัวเราะคิกคักราวกับกระดิ่งสั่นไหว

จากนั้นก็เห็นกายของเขาพร่ามัว แล้วหายตัวไปด้านนอกของประตูพร้อมกับสายลม

“เถียนเฟยเออร์ คงจะมีสถานะบางอย่างในเผ่ามังกรสินะ” หานลี่ลูบไล้ไปบนคางของเขา เผยท่าทางครุ่นคิดออกมา จากนั้นทั้งกายของเขาก็เหมือนจมอยู่ในห้วงความคิด

สี่วันถัดมา ในตอนที่หานลี่กำลังนั่งไขว้ห้างอยู่ในห้องลับ จู่ๆ ก็มีลำแสงสีแดงลอยจากด้านนอกเข้ามาภายในห้องลับ จากนั้นเพียงแค่พริบตาเดียวก็ตกลงไปในมือของเขา

ในเปลวเพลิงสีแดงที่โหมกระหน่ำอยู่นั้น น้ำเสียงราบเรียบของหมิงจุนก็ลอยดังออกมา

“นักพรตหาน เขตอาคมส่งตัวเตรียมพร้อมแล้ว ท่านสามารถออกเดินทางได้แล้ว”