บทที่ 2036 ความเข้มแข็งและความอ่อนแอ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืนบทที่ 2036 ความเข้มแข็งและความอ่อนแอ

“ไป!” เทพธิดาจื่อเว่ยตะโกนและส่งวิญญาณจํานวนมากเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

เทพธิดาจอเว่ยก่าลังสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งมากมายมันมีโอกาสที่คนเหล่านี้จะโจมตีนางระหว่างกระบวนการนี้ดังนั้นนางจึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ

เทพธิดาจื่อเว่ยหยุดหายใจและมองไปทางฉินติงหลิงและแท่นบูชาแห่งโชค

ปิงช่ายฉวนเข้าใจความกังวลของนางเขากล่าว “ด้วยการปกป้องจากข้าเจ้าสามารถจัดตั้งค่ายกลได้สบายใจ”

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่มีวิญญาณธงค่ายกลเหมือนฟางหยวน นางต้องจัดตั้งค่ายกลขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง

นางรู้ถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ ดังนั้นหลังจากได้ยินคํากล่าวของปิงช่ายฉวนนางจึงเริ่มนําวิญญาณอมตะออกมา

แสงสีม่วงส่องประกายขึ้นและสร้างเป็นฉากที่งดงาม น่าเสียดายที่ไม่มีผู้อมตะคนใดมีอารมณ์ ชื่นชมความงามนี้

ปิงชายฉวนกล่าว “ไหลั่วหลัน เจ้าอยู่กับฟางหยวนมานาน เจ้าคิดอย่างไร เขาจะทําเช่นไรในสถานการณ์นี้”

ไหลั่วหลันยืนอยู่ด้านข้างปิงชายฉวน เมื่อได้ยินคําถาม นางคิดก่อนตอบ “ฟางหยวนมีเพียงสามตัวเลือกนั่นคือวังมังกร เรือรบหมื่นปีและอาณาจักรแห่งความฝัน

“การซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันเสียงเกินไปสําหรับฟางหยวน นอกจากเทพปีศาจจิตวิญญาณจะสามารถนําอาณาจักรแห่งความฝันไปวังสวรรค์ก็มีวิธีจัดการมันเช่นกัน หากข้าเป็นฟางหยวนข้าจะไม่อยู่ที่นี่เพื่อรอความตาย”

ไหลั่วหลั่นยิ้ม “แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าเขาจะไม่ทําเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้วังสวรรค์จึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่เทพธิดาจื่อเว่ยก็เช่นกัน นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญานางไม่สามารถต่อสู้กับคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองนางคือคนที่ต้องการอยู่ที่นี่มากที่สุด”

“เรือรบหมื่นปีเร็วกว่าวังมังกร แต่ข้าไม่คิดว่าฟางหยวนจะอยู่ในเรือรบหมื่นปี นั่นเป็นเพราะเรือรบหมื่นปียังช้ากว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณขณะเดียวกันพลังป้องกันของมันก็ต่ำกว่าวังมังกรหากเทพปีศาจจิตวิญญาณเลือกไล่ล่าเรือรบหมื่นปี มันจะอยู่ได้ไม่นานเท่ากับวังมังกร”

ไหลั่วหลันเผยรอยยิ้มเย็นชา “ในสงครามชะตากรรม ฟางหยวนสูญเสียสนามรบสิบสองราศีหากมันยังอยู่เขาอาจหลบอยู่ในเรือรบหมื่นปีดังนั้นข้าคิดว่าฟางหยวนน่าจะซ่อนตัวอยู่ในวังมังกร!”

ดวงตาของไร่ลั่วหลันกลายเป็นน่ากลัว “เทพปีศาจจิตวิญญาณก็คิดเช่นเดียวกันนั่นคือเหตุผลที่เขาไล่ล่าวังมังกรและให้ปีศาจอมตะฉีเจียไล่ล่าเรือรบหมื่นปีด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถป้องกันทั้งสองสถานการณ์ร่างกายของฟางหยวนมีต้นกําเนิดมาจากวิญญาณทารกอมตะของเทพปีศาจจิตวิญญาณเขายังมีอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ด้วยหากเทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถฆ่าเขาและได้รับร่างทารกอมตะรวมถึงอาณาจักรแห่งความฝันกลับคืนเขาจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง!”

“แม้เราจะต้องการฆ่าฟางหยวนแต่เราไม่สามารถปล่อยให้เทพปีศาจจิตวิญญาณประสบความสําเร็จแม้นิกายเงาจะทํางานร่วมกับเราในเวลานี้พวกเขาก็ไม่ได้มีเจตนาที่ดีท้ายที่สุดเทพธิดาจื่อเว่ยก็สามารถอนุมานว่าฟางหยวนอยู่ในวังสวรรค์แต่พวกเขาเก็บมันไว้จากพวกเราและปล่อยให้เทพปีศาจจิตวิญญาณโจมตีเขาเพียงลําพังพวกเขาเรียกพวกเรามาที่นี้เพราะต้องการหยิบยืมความแข็งแกร่งของพวกเราเท่านั้น”

“ในความคิดเห็นของข้า เราควรเฝ้ามองจากด้านข้างและพยายามใช้ประโยชน์จากสถานการณ์หากเป็นไปได้มันจะดีที่สุดหากเราสามารถกําจัดเทพปีศาจจิตวิญญาณฟางหยวนและวังสวรรค์ในครั้งเดียว!

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ปังช่ายฉวนหัวเราะเสียงดังและชมเชย “เป็นการวิเคราะห์ที่ดีมันค่อนข้างน่าประทับใจเผ่าไห่น่าผิดหวังแต่เจ้ามีสายเลือดของเทพอมตะตะวันเดือดไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าตั้งแต่ข้าตื่นขึ้นข้าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าและเฝ้าสังเกตเจ้ามาตลอด ข้าสามารถบอกได้ว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงชีวิตของเจ้าค่อนข้างลําบากเจ้าถูกพ่อของตนเองวางอุบายและถูกกดขี่โดยฟางหยวนเจ้าเพียงขาดโอกาสพัฒนามิฉะนั้นเจ้าจะไม่อยู่ในสภาพนี้”

ไหลั่วหลันมองปิงช่ายฉวนด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง

หลังจากนั้นนางก็ป้องหมัดขึ้น “ข้าจะฟังคําสั่งของท่าน!”

ปิงช่ายฉวนหัวเราะเสียงดังก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง “ดี ไห่ลัวหลัน เจ้าเต็มใจสร้างเผ่าไร่ของภาคเหนือขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่?”

เผ่าไห่ของภาคเหนือถูกทําลายไปนานแล้ว อาณาเขตของพวกเขาถูกยึดครองโดยจักรพรรดิสวรรค์ไปซสมาชิกเผ่าไร่กลายเป็นสมาชิกเผ่าไปซูพวกเขาเป็นเพียงความอัปยศของตระกูลฮวงจีน

ไหลั่วหลันเต็มใจทําสิ่งนี้แต่นางยังแสดงความลังเลออกมาเล็กน้อย “แต่ตอนนี้ข้ายังอ่อนแอเกินไป…”

ปิงชายฉวนโบกมือและส่งวิญญาณดวงหนึ่งให้นาง

ไหลั่วหลันรับมันไว้ มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด

ปิงช่ายฉวนอธิบาย “ไหลั่วหลัน เจ้ามีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงเจ้าควรบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ด้วยวิธีนี้อนาคตของเจ้าจะสดใสมากเจ้ามีสายเลือดตระกูลฮวงจิน เราจะไม่ตระหนี้ทรัพยากรที่จะมอบให้เจ้าตอนนี้เจ้าจงใช้วิญญาณอมตะดวงนี้แม้มันจะเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎแต่มันก็เหมาะสมกับเจ้าเช่นกัน”

“วิญญาณความเข้มแข็ง!”ร่างของไหลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น

“เอาล่ะ ค่ายกลวิญญาณอมตะของเทพธิดาจื่อเว่ยพร้อมแล้ว เจ้าออกไปเถอะ”ปิงช่ายฉวยสั่ง

ไหลัวหลันบินออกจากแท่นบูชาแห่งโชคและเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของเทพธิดาจื่อเว่ย

ใบหน้าของไร่ลั่วหลันเรียบเฉยแต่จิตใจของนางกําลังปั่นป่วน วิญญาณความเข้มแข็งถูกบันทึกไว้ในตํานานมนุษย์คนแรก ปีงช่ายฉวนมอบวิญญาณดวงนี้ให้นางนี่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ ในการเลี้ยงดูนางของเขา

ไหลั่วหลันตระหนักได้ในที่สุด ดูเหมือนชีวิตของข้าจะเปลี่ยนไปหลังจากนี้!”

ตํานานมนุษย์คนแรก

มนุษย์คนแรกสูญเสียวิญญาณอิสรภาพ เขารู้สึกเจ็บปวดและฟื้นตัวขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

มนุษย์คนแรกถามวิญญาณความเข้าใจ “วิญญาณความเข้าใจข้าจะได้รับวิญญาณอิสรภาพอีกครั้งได้อย่างไร?หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดวิญญาณอิสรภาพไม่เข้าใกล้ข้าอีกเลย”

วิญญาณความเข้าใจตอบด้วยคําถาม “มนุษย์ เหตุใดเจ้าจึงต้องการวิญญาณอิสรภาพมากนัก?”

มนุษย์ตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “เจ้าไม่รุ่งั้นหรือ? ข้าไล่ล่าอิสรภาพเพื่อปลดปล่อยตนเองจากโซ่ตรวนแห่งโชคชะตา”

วิญญาณความเข้าใจตอบอีกครั้ง “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะบอกเจ้ามากนักไม่ใช่ว่าเจ้าตอบคําถามนี้กับวิญญาณชะตากรรมไปแล้วงั้นหรือ?”

มนุษย์คนแรกมีนงงก่อนจะนึกได้

ก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนบ้า เขาพบวิญญาณชะตากรรม เมื่อเขาได้รับอันตรายจากมันเขาตะโกนใส่มันว่าเขาจะใช้ความแข็งแกร่งและสติปัญญาของตนเองเพื่อให้ได้รับอิสรภาพมาครองสุดท้ายเขาก็หลุดพ้นจากการควบคุมของโชคชะตา

ดวงตาของมนุษย์คนแรกส่องประกายขึ้น “โอ้ข้าจําได้แล้ว ขอบคุณที่เตือนข้าต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งและสติปัญญาของตนเองข้ามีความแข็งแกร่งของตนเองอยู่แล้วสิ่งที่ข้าขาดคือสติปัญญาของตนเองข้าต้องให้วิญญาณตัวตนกัดกินวิญญาณสติปัญญาเพื่อให้ได้รับสติปัญหาของตนเอง

“แต่วิญญาณสติปัญญาอยู่ที่ใด?” มนุษย์คนแรกถามวิญญาณความเข้าใจ

วิญญาณความเข้าใจตอบ “ข้าไม่รู้ วิญญาณสติปัญญาอยู่หลายที่ มนุษย์เจ้าต้องค้นหามันด้วยตนเอง

มนุษย์คนแรกพยักหน้าและออกเดินทางอีกครั้ง

เขาเดินไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเขาเห็นวิญญาณสองดวงวิ่งไล่ล่ากัน

วิญญาณสีขาวดวงเล็กๆวิ่งอยู่ด้านหน้าและตะโกนร้องขอความเมตตา “หยุดไล่ล่าข้าข้าไม่อยากถูกเจ้ากิน!”

วิญญาณดวงใหญ่กว่าที่ดูเหมือนสวมชุดเกราะไว้บนร่างกายกล่าว “ข้าจะกินเจ้าข้าจะกินเจ้าไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ใดข้าก็จะกินเจ้า!”

วิญญาณดวงเล็กเห็นมนุษย์คนแรกและเร่งเข้าไปซ่อนอยู่ด้านหลังเขา“มนุษย์ข้าขอร้องโปรดช่วยข้าด้วย”

มนุษย์สงสารมันและรู้สึกเหมือนเขากําลังมองเห็นตัวเอง

ด้วยเหตุนี้หัวใจดวงใหม่จึงถือกําเนิดขึ้นในอกของเขา

หัวใจแห่งความเห็นอกเห็นใจ

มนุษย์คนแรกกางแขนออก “หยุด หยุดไล่ล่ามัน!”

วิญญาณหุ้มเกราะดวงใหญ่ตะโกน “มนุษย์ เจ้ากําลังขวางทางข้า เจ้าหยุดข้าไม่ได้เจ้าไม่สามารถหยุดข้าได้!”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?” มนุษย์คนแรกถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

วิญญาณหุ้มเกราะอธิบาย “ข้าคือวิญญาณความเข้มแข็ง นั่นคือวิญญาณความอ่อนแอกฎของธรรมชาติคือผู้อ่อนแอจะเป็นเหยื่อของผู้เข้มแข็ง”

มนุษย์คนแรกถอนหายใจและพยายามเกลี้ยกล่อม “เหตุใดเจ้าไม่ปล่อยมันไปสักครั้งมันน่าสงสารมาก”

วิญญาณความเข้มแข็งเย้ยหยัน “ไม่แม้แต่ครั้งเดียว!ในสายตาของผู้เข้มแข็งผู้อ่อนแอไม่มีคุณค่าไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อ่อนแอนี่เป็นเพราะสวรรค์พิภพไม่เคยสงสารผู้อ่อนแอผู้เข้มแข็งเกิดมาเพื่อกําปราบควบคุมและกลืนกินผู้อ่อนแอ

แต่มนุษย์คนแรกยังปฏิเสธ “ข้าจะปกป้องวิญญาณดวงนี้ เจ้าจงไปกินวิญญาณดวงอื่น”

วิญญาณความเข้มแข็งรู้ว่ามันไม่สามารถเอาชนะมนุษย์คนแรกเพียงลําพังดังนั้นมันจึงทําได้เพียงบินจากไปด้วยความไม่พอใจเท่านั้น “ข้าจะกลับมา”