บทที่ 904 คนที่เกลียดรวมตัวอยู่ด้วยกัน + ตอนที่ 905 เธอมีเจตนาอะไร

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 904 คนที่เกลียดรวมตัวอยู่ด้วยกัน + ตอนที่ 905 เธอมีเจตนาอะไร โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 904 คนที่เกลียดรวมตัวอยู่ด้วยกัน

คนคุ้นเคยที่ว่านั่นคือเหมยซูหาน อู่เยวี่ยแล้วก็โอหยางซานซาน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักกับลูกชายและลูกสาวของหูเซียงหลัน ไม่รู้จริง ๆว่าพวกเขามารวมตัวกันได้อย่างไร โลกมันช่างแคบเสียจริง

ลูกสาวของหูเซียงหลันชื่อเซียวเวย หน้าตาคล้ายแม่ของเธอ ขนาดตัวไม่สูงมากแต่หุ่นอวบอั๋นน่าเย้ายวนใจ สัดส่วนโค้งเว้าหน้าหลังมีเพียบพร้อม หน้าตาสวย ดึงดูดสายตาผู้ชายได้เป็นอย่างดี

ลูกชายคนเล็กชื่อเซียวจิ่งสิงตัวสูงโปร่งผิวขาวสะอาดสะอ้าน ได้ข่าวว่าเขาดูเหมือนอาจารย์เซียวสมัยหนุ่ม ๆ  อีกทั้งยังมีความสามารถเพียบพร้อม และยังมีชื่อเสียงในวงการนักเขียนกับศิลปะอยู่บ้างจึงได้รับความรักจากอาจารย์เซียวอย่างล้นเหลือ

อู่เยวี่ยอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงที่กำลังได้รับความนิยม เธอมีผิวขาวและตัวสูงโปร่ง กระโปรงตัวนี้ขับให้เธอดูงามขึ้นไม่น้อย สวยกว่าตอนเพิ่งมาถึงเมืองหลวงอยู่มาก

เหมยเหมยสังเกตเห็นภายใต้ผมยาวของอู่เยวี่ยมีแสงสีเงินสะท้อนแวววับอยู่ตรงหูด้านขวาเธอพอดี นั่นน่าจะเป็นเครื่องช่วยฟัง เหมยเหมยยิ้มที่มุมปาก อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้โกหกเธอ การผ่าตัดของอู่เยวี่ยไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คุยกันไว้ เพราะคุณหมอแผนกการรักษาหูที่ดีที่สุดในประเทศคนนั้น ครึ่งชั่วโมงก่อนจะเข้าห้องผ่าตัด…

ล้ม…

ล้มแรงเสียด้วย!

แขนขวากระดูกร้าวแตกจนแม้แต่มีดผ่าตัดยังถือไม่ไหว แล้วจะผ่าตัดได้อย่างไร?

แต่ในเวลานั้นอู่เยวี่ยถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดเสร็จสรรพ ทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมหมดแล้วแต่กลับเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น…

จึงต้องให้คุณหมอชื่อดังอีกคนมาแทน ถึงปกติคุณหมอคนนี้จะเก่งไม่แพ้กันแต่สุดท้ายก็ยังด้อยกว่าอยู่ดี หรือบางทีอู่เยวี่ยอาจจะโชคไม่ดีมั้ง เลยทำให้การผ่าตัดไม่สำเร็จอย่างที่คาดคิดไว้

การได้ยินของอู่เยวี่ยกลับคืนมาเพียงร้อยละห้าสิบ ชีวิตปกติเลยต้องใช้เครื่องช่วยฟังและต้องไปตรวจเช็คอาการที่โรงพยาบาลทุกปีเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อหูฝั่งซ้าย

เพราะความจริงแล้วเยื่อหูของเธอเองก็ไม่ดีมากเท่าไรเพียงแค่อาการยังไม่สาหัส หากไม่ให้ความสำคัญกับมัน หูทั้งสองข้างของเธอต้องเกิดปัญหาขึ้นภายหลังแน่

เหมยเหมยแค่คิดว่าในอนาคตอู่เยวี่ยอาจจะกลายเป็นคนหูหนวก เธอก็อารมณ์ดีขึ้นมากกว่าเดิม

สองพี่น้องเซียวเวยแนะนำเพื่อนให้พ่อแม่รู้จัก เหมยซูหานเป็นเพื่อนใหม่ในมหาวิทยาลัยของเซียวเวย ทั้งคู่รู้จักกันตอนไปชมโรงเรียน พอได้คุยก็พบว่าเป็นเพื่อนห้องเดียวกันเลยสนิทกันมากกว่าเดิม เซียวเวยมีความรู้สึกดีต่อเหมยซูหานที่ดูดีมีสง่า จึงเชิญชวนเขาให้มาร่วมงานฉลองวันเกิดคุณแม่ของเธอ

ส่วนเหมยซูหานเองก็อยากไต่เต้าเข้าสู่สังคมชั้นสูงให้เร็วที่สุด เขาได้ยินว่าคุณพ่อเซียวเวยเป็นอาจารย์เซียวผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแล้วจะปฏิเสธได้อย่างไรเล่า ย่อมต้องรับปากอย่างเต็มใจอยู่แล้ว

โอหยางซานซานนั้นเป็นเพื่อนของเซียวจิ่งสิง เซียวจิ่งสิงคงรู้สึกดีต่อโอหยางซานซานอยู่บ้างแหละ เพราะปกติก็เข้าหาอยู่บ่อยครั้ง

ช่วงก่อนหน้านี้ที่เกิดเรื่องกับโอหยางซานซานเขาก็อยากช่วยให้เพื่อนเดินออกจากความมืด เลยเชิญโอหยางซานซานมาร่วมงานฉลองวันเกิดด้วย แต่โอหยางซานซานไม่อยากมาเพราะกลัวขายหน้าแต่หวงอวี้เหลียนกลับคะยั้นคะยอให้เธอมา

ทางจ้าวเสวียหลินไม่มีหวังแล้ว แม้เซียวจิ่งสิงจะเทียบจ้าวเสวียหลินไม่ได้ก็นับว่าเป็นลูกหลานของตระกูลดัง ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลือกถัดมาที่ดีที่สุด หวงอวี้เหลียนจำต้องเลือกเซียวจิ่งสิง เลยให้ลูกสาวเข้าหาเซียวจิ่งสิงให้มาก

ส่วนรูปพวกนั้นของหวงอวี้เหลียน ตระกูลโอหยางได้ส่งคนเก็บกลับคืนไปหมดแล้ว อย่างไรเสียคนที่ควบคุมสื่อมวลชน ย่อมทำได้อยู่แล้วถ้าอยากปิดข่าวพวกนี้

ส่วนรูปต้นฉบับถึงหวงอวี้เหลียนเดาได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือเหมยเหมย แต่เหมยเหมยไม่มีทางส่งมอบให้อยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับ จนท่านผู้เฒ่าโอหยางต้องเดินทางไปหาเจ้าตัวเองและได้จับเข่าคุยกับคุณปู่จ้าวอยู่หนึ่งชั่วโมงเต็ม

ภายหลังคุณปู่จ้าวแอบให้เหมยเหมยทำลายรูปถ่าย แต่เหมยเหมยก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี บอกแค่ว่าเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น

ของดีขนาดนี้เธอจะทำลายมันได้อย่างไร?

จากนี้ไปถ้าหวงอวี้เหลียนสงบเสงี่ยมเธอก็จะสงบเสงี่ยม แต่ถ้าหวงอวี้เหลียนยังกล้าเหิมเกริมเธอก็จะกระจายข่าวพวกนี้ของหวงอวี้เหลียนไปทั่วประเทศรวมไปถึงเรื่องของโอหยางซานซานด้วย

ทำให้สองแม่ลูกคู่นี้ไม่กล้าก้าวเท้าออกจากประตูบ้านได้อีก!

……………………

ตอนที่ 905 เธอมีเจตนาอะไร

อาจารย์เซียวรู้สึกประทับใจเหมยซูหานไม่น้อย เขาชอบเด็กวัยรุ่นที่ใฝ่เรียนแบบนี้ที่สุด เลยอดไม่ได้ที่จะคุยกับเขาไปหลายประโยค ด้านเซียวจิ่งสิงกับเซียวจิ่งหมิงที่ยืนอยู่ด้วยกัน ช่างดูไม่เหมือนพี่น้องแต่กลับเหมือนพ่อลูกกันมากกว่า

เซียวจิ่งหมิงเงยหน้าชื่นชมผลงานของลูกสาวที่แขวนตรงกำแพงอีกครู่หนึ่งก็หัวเราะอย่างได้ใจ พยักหน้าน้อย ๆให้เซียวจิ่งสิงแล้วเตรียมตัวไปประจำที่นั่ง

เซียวจิ่งสิงมองภาพวาดที่แขวนตรงกำแพงแวบเดียวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มุ่นคิ้วถามหูเซียงหลันเบา ๆว่าใครเป็นคนให้

“เจ้าปีศาจเซียวเซ่อน่ะสิ  จิ่งสิงเมื่อกี้ลูกไม่ได้ยิน พี่สองของลูกชมภาพวาดของเจ้าปีศาจตัวนี้ยกใหญ่ เหอะ ไม่เคยเห็นใครหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะจะเอาใจพ่อของลูก แม่ไม่แขวนรูปของเจ้าเด็กปีศาจนั่นหรอก!”

หูเซียงหลันกดเสียงให้เบาลง ไม่คิดปกปิดความรังเกียจที่เธอมีต่อสองพ่อลูกเซียวจิ่งหมิงต่อหน้าลูกชาย

เซียวจิ่งสิงเอามือกุมหน้าผาก แม้แม่ของเขาจะใช้ชีวิตร่วมกับพ่อของเขามาหลายปีแต่ไม่ได้รับความรู้มาเลยสักนิด ยังไร้ความสามารถเหมือนเดิม!

ความหมายชัดเจนขนาดนี้กลับดูไม่ออก…

“พ่อเคยดูรูปนี้หรือยัง?” เซียวจิ่งสิงถาม

“เหลือบดูแค่แวบเดียว รูปนี้ทำไมเหรอ?” หูเซียงหลันยังพอมีความฉลาดอยู่บ้าง พอเห็นสีหน้าของลูกชายก็จับความผิดปกติของรูปนี้ได้แล้ว

เซียวจิ่งสิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พูดเตือนแม่ที่ไร้ความสามารถของเขาไป “ดอกหยางที่ตกเต็มผิวน้ำ ทำไมแม่ไม่ลองคิดให้ดีล่ะ?”

เขาเองก็ไม่พอใจแม่ของตัวเองนัก ปกติก็ดูเจ้าเล่ห์ฉลาดเอาการแต่พอถึงเวลาสำคัญกลับตกม้าตาย อย่างน้อยก็เป็นถึงลูกของคุณครูแต่กลับถูกยัยเด็กปีศาจนี่ปั่นหัวหมุน

หูเซียงหลันได้ฟังคำเตือนของลูกชาย ครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก็เข้าใจในทันทีพลันสีหน้าก็เปลี่ยนไป

มิน่าตอนที่แขกชมรูปนี้ถึงมีสีหน้าแปลก ๆ เพราะพวกเขาเข้าใจความหมายที่แฝงไว้สินะ!

แล้วก็เมื่อกี้ที่เซียวจิ่งหมิงบอกว่าเธอเหมาะสมกับภาพวาดรูปนี้ เธอฟังแล้วยังนึกได้ใจอยู่ด้วยซ้ำ ตอนนั้นได้ใจขนาดไหนในตอนนี้หูเซียงหลันกลับรู้สึกอายปนโกรธมาก  อยากกลับไปที่ห้องแล้วไม่ปรากฏตัวต่อหน้าแขกอีก

คนตั้งมากมายเห็นภาพวาดภาพนี้ เธอยังมีหน้าอยู่ตรงนี้ต่อไปได้หรือ?

“สองพ่อลูกคู่นี้ต้องร่วมมือกันแน่ ๆ ให้ตายสิ แม่ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาด!”

หูเซียงหลันกัดฟันกรอดด้วยความคับแค้นใจ

แน่นอนว่าเซียวจิ่งสิงเองก็แค้นใจที่เซียวเซ่อหยามแม่ของเขาต่อหน้าทุกคนซึ่งเท่ากับว่ากำลังหยามเขาอยู่ด้วย ในฐานะผู้อาวุโสกว่านับว่ายังพอมีอำนาจในการสั่งสอนหลานสาวอยู่บ้าง

เซียวจิ่งสิงอายุมากกว่าเซียวเซ่อเพียงสองปี ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นชายหนุ่มอายุน้อยแต่ก็มีความสุขุมรอบคอบ แต่พอโกรธกลับไม่ได้มีความรอบคอบเช่นเดิม

เขาไปปลดภาพวาดที่ห้องโถงใหญ่ลงแล้วเดินตรงดิ่งไปทางเซียวเซ่อ “เซ่อเซ่อ มาที่ห้องหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”

เหมยเหมยไม่รู้จักเซียวจิ่งสิงแต่เห็นเขาเดินมาด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร น่าจะเป็นศัตรูมากกว่ามิตรสหาย ได้แต่มองเขาอย่างระแวง

เซียวเซ่อกลับไม่แม้แต่จะเชยตามอง “ไม่ว่าง!”

“เซียวเซ่อ ฉันขอสั่งให้เธอตามมา!” เซียวจิ่งหมิงพูดเสียงดัง

แต่นั่นไม่มีผลต่อเซียวเซ่อ เธอยังแทะกระดูกซี่โครงต่อด้วยความเรียบนิ่งอย่างเอร็ดอร่อย การไม่มองเซียวจิ่งสิงสักนิดเดียวยิ่งทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิม

ความโกรธมักทำให้คนเสียสติง่าย เซียวจิ่งสิงในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น เขาในตอนนี้แค่อยากสั่งสอนเซียวเซ่อที่บังอาจหยามแม่ของเขาหนัก ๆสักที

“เซียวเซ่อ เธอวาดรูปนี้มีเจตนาอะไร ในสายตาของเธอยังเห็นหัวแม่ฉันอยู่บ้างไหม?”

เซียวจิ่งสิงถือภาพวาดถามด้วยสีหน้าที่โกรธเคือง เลยทำให้อาจารย์เซียวกับแขกคนอื่นสนใจทางนี้รวมถึงเหมยซูหานด้วย

เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่เขาเห็นเหมยเหมย เขาเลยเดินตรงไปหาอย่างดีใจ

ของขวัญวันเกิดเขายังไม่ได้ให้เหมยเหมยเลย วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริง ๆ!

………………………..