เล่มที่ 33 เล่มที่ 33 ตอนที่ 972 เป็นจิ่วหรงหรือว่าอวิ๋นจิ่น

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีอดนึกถึงจงซีจือ มารดาของนางไม่ได้ น่าเสียดายที่นางไม่สามารถเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น นางไม่เห็นมารดา และนางไม่รู้ว่ามารดาของนาง บิดาของนาง มู่หรงอวิ๋นไห่ และมู่หรงฉี พี่ชายของนางอยู่ในอาคมกำไลปี่อั้นเป็นอย่างไรบ้าง

เยี่ยโยวเหยาเห็นแววตาของซูจิ่นซีที่ก้มลงมองอาคมกำไลปี่อั้น เขาจึงจับมือของซูจิ่นซีมาบีบเบาๆ

ซูจิ่นซีรู้ว่าเยี่ยโยวเหยากำลังปลอบโยนนาง และต้องการบอกนางว่าไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น เขายังอยู่กับนาง นางเงยหน้าขึ้น พลางแย้มยิ้มให้เยี่ยโยวเหยาอย่างอบอุ่น

ใต้แท่นจิ่วโยว เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม ทว่าเวลาด้านบนผ่านไปหลายวัน ในช่วงเวลานี้ เป่ยถังหลีดูแลซูอวี้และถังเสวี่ยเป็นอย่างดี จนทั้งสองคนดีขึ้นมาก

ซูจิ่นซีตรวจอาการบาดเจ็บของซูอวี้และถังเสวี่ย จากนั้นก็จัดห้องพักให้พวกเขา และพาเข้าไปด้านใน

แม้ซูอวี้จะกังวลว่าซูจิ่นซีและคนอื่นจะต้องเผชิญกับอันตรายมากมายใต้แท่นจิ่วโยว ทว่าเมื่อเห็นทุกคนปลอดภัยและไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เขาจึงไม่พูดอันใดมากนัก

ทว่าขณะที่เขาเข้ามา เขาไม่พบหน้าอวิ๋นจิ่น ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับเขา ตามหลักแล้ว ทุกคนกลับมาพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เขาไม่อยู่ในเวลานี้ได้อย่างไร

……

ความจริง อาการของอวิ๋นจิ่นย่ำแย่อย่างมาก

หลังจากกลับมา เขาก็กลับไปที่ห้องของตนเอง ตั้งแต่หมอกสีดำลึกลับใต้แท่นจิ่วโยวโจมตีเขา พลังปีศาจอันทรงพลังก็เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของเขาตลอดเวลา เพื่อให้เดินกลับมาได้โดยไม่ให้ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ รู้ เขาได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว

ในเวลานี้ เขากำลังนั่งอยู่บนเตียง เดินพลังลมปราณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ พยายามบังคับพลังปีศาจสีดำให้ออกไปจากร่างกาย ทว่าพลังปีศาจสีดำยังคงเคลื่อนที่ในบริเวณเส้นชีพจรของเขา ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้เลย

ทันใดนั้น ‘เอื้อก… ’ อวิ๋นจิ่นกระอักเลือดสีดำออกมาและล้มตัวลงนอนบนเตียง

“จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… ” จิ้งจอกเก้าสีรีบวิ่งไปยังข้างกายอวิ๋นจิ่นอย่างร้อนใจ และร้องเรียกไม่หยุด

คุณชาย คุณชายเป็นอันใด?

คุณชาย อย่าทำให้เก้าสีตกใจ… คุณชาย… ฮือ ฮือ ฮือ… คุณชาย…

อวิ๋นจิ่นลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง เขาใช้นิ้วเช็ดเลือดจากมุมปาก และแย้มยิ้มสดใสให้จิ้งจอกเก้าสี เพื่อบอกจิ้งจอกเก้าสีว่าไม่ต้องกังวล ข้าสบายดี

ทว่า ไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไร?

คุณชายแทบไม่เคยอาเจียนเป็นเลือด ตั้งแต่มาถึงแคว้นเป่ยอี้ คุณชายอาเจียนเป็นเลือดไปกี่ครั้งแล้ว

อาเจียนเป็นเลือด! และเป็นเลือดดำอีกด้วย เป็นอันตรายถึงชีวิตแน่นอน!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จิ้งจอกเก้าสีก็รีบกระโดดลงจากเตียง พยายามวิ่งออกนอกห้อง

เรื่องเช่นนี้ต้องบอกแม่จิ่นซี และแม่จิ่นซีต้องรู้เรื่องนี้

ทว่าก่อนที่มันจะวิ่งไปถึงประตู อวิ๋นจิ่นก็ยกมือขึ้น ก่อนจะดึงมันกลับมาแล้วยัดเข้าไปใต้ผ้าห่ม

ไม่รู้ว่าอวิ๋นจิ่นทำอันใดกับผ้าห่ม ทันทีที่ผ้าห่มคลุมร่างของจิ้งจอกเก้าสีไว้ มันต้องการจะเอาออก ทว่ามันออกไปไหนไม่ได้เลย

“จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… ”

อวิ๋นจิ่นไม่สนใจจิ้งจอกเก้าสี เขาลุกขึ้นนั่งและค่อยๆ พับแขนเสื้อขึ้น เมื่อเห็นแขนของอวิ๋นจิ่น จิ้งจอกเก้าสีก็กรีดร้องเสียงดัง

“จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… ”

รอบดวงตาเปียกชุ่ม น้ำตาคลอเบ้า

เป็นไปได้อย่างไร?

เส้นสีเงินบนแขนของคุณชายยาวมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบถึงหัวใจแล้ว อีกทั้งสีก็เข้มมากขึ้นเรื่อยๆ

คุณชาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คุณชายอาจตายได้!

จิ้งจอกเก้าสีไม่ต้องการให้เขาตาย หากคุณชายตาย จิ้งจอกเก้าสีจะทำอย่างไร! คุณชาย…

อวิ๋นจิ่นมองที่แขนของตนและไม่พูดอะไร สีหน้าของเขาซีดเซียว ทว่าหลังผ่านไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาค่อยๆ ปล่อยแขนเสื้อลง และหันหลังกลับไปมองหน้าจิ้งจอกเก้าสีที่อยู่ใต้ผ้าห่ม

‘จี๊ด จี๊ด… ’ เจ้าเก้าสีร้องเสียงต่ำราวกับกำลังสะอึกสะอื้น

อวิ๋นจิ่นยื่นมือออกไปลูบขนบนร่างของจิ้งจอกเก้าสีแผ่วเบา

“นานเท่าใดแล้วที่เจ้าไม่ได้กลับไปที่ชิงชิว? ”

‘จี๊ด จี๊ด… ’

คุณชายต้องการไล่จิ้งจอกเก้าสีกลับไปชิงชิวหรือ? จิ้งจอกเก้าสีไม่ต้องการกลับไป จิ้งจอกเก้าสีต้องการอยู่เคียงข้างคุณชายตลอดไป

“เด็กโง่! ” สีหน้าของอวิ๋นจิ่นอ่อนโยนอย่างมาก ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่เขาเผชิญหน้ากับซูจิ่นซี อาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย “เจ้าเป็นสายเลือดของเผ่าเทพจิ้งจอกชิงชิว ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าก็ต้องกลับไป จะอยู่เคียงข้างข้าไปตลอดได้อย่างไร? ”

‘จี๊ด จี๊ด… ’

คุณชาย ไม่…

อวิ๋นจิ่นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและอ้างว้าง “เมื่อข้าจากไปแล้ว เจ้าก็กลับไปเถิด! ”

‘จี๊ด จี๊ด… ’

คุณชาย…

จู่ๆ เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านนอก

อวิ๋นจิ่นซ่อนจิ้งจอกเก้าสีไว้ใต้ผ้าห่ม จากนั้นจึงปรับสีหน้าและเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาให้เป็นปกติที่สุด

“หมอหลวงอวิ๋น… ” เป็นเสียงของตงหลิงหวง

ขณะที่อวิ๋นจิ่นพูด ไม่มีสิ่งใดผิดปกติในน้ำเสียงของเขาแม้แต่น้อย “รัชทายาทตงเฉินมาหากระหม่อม มีเรื่องอันใด? ”

ตงหลิงหวงเงียบไปครู่หนึ่ง “ข้าไม่มีอันใด เพียงแค่… ตอนที่อยู่ใต้แท่นจิ่วโยว เห็นหมอหลวงอวิ๋นดูผิดปกติเล็กน้อย ไม่รู้ว่าร่างกายของหมอหลวงอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง? ”

“กระหม่อมไม่เป็นอันใด ขอบพระทัยรัชทายาทตงเฉินที่ทรงห่วงใย”

“จริงหรือ? ” ตงหลิงหวงไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด

‘เอี๊ยด’ เสียงประตูเปิดออก อวิ๋นจิ่นเดินออกมา “กระหม่อมไม่เป็นอันใดจริงๆ เพียงกระทบกระเทือนแผลเก่าเท่านั้น แค่บาดแผลภายนอก เมื่อครู่ใส่ยาแล้ว พักสักระยะคงไม่เป็นอันใด”

ตงหลิงหวงเห็นสีหน้าของอวิ๋นจิ่นดูปกติ ดวงตาเป็นประกาย ไม่เหมือนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ นางจึงเชื่อในสิ่งที่อวิ๋นจิ่นพูด

“ในเมื่อหมอหลวงอวิ๋นสบายดี ข้าจะได้วางใจ หมอหลวงอวิ๋นเชิญพักผ่อน ข้าไม่รบกวน”

“รัชทายาทตงเฉิน ระมัดระวังด้วย! ” ตงหลิงหวงหันหลังเดินจากไป

ซูจิ่นซียืนอยู่ที่ประตูถัดไป ตอนที่ตงหลิงหวงมาหาอวิ๋นจิ่น นางก็มาถึงแล้ว เมื่อเห็นตงหลิงหวงถามไถ่ถึงอาการของอวิ๋นจิ่นแล้ว และเห็นสีหน้าอวิ๋นจิ่นเป็นปกติ ทั้งยังมีดวงตาสดใส นางจึงเชื่อเช่นกันว่าเขาไม่เป็นอันใด จึงไม่เดินเข้าไป และหันหลังเดินกลับ

“จี๊ด จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… ”

เจ้าจิ้งจอกน้อยที่อยู่ใต้ผ้าห่มในห้อง ราวกับรับรู้ถึงลมหายใจของซูจิ่นซี มันส่งเสียงร้องเรียก พยายามบอกบางอย่างกับซูจิ่นซี ทว่าน่าเสียดาย ซูจิ่นซีไม่ได้ยินอันใดแม้แต่น้อย

เมื่อตงหลิงหวงและซูจิ่นซีกลับไปแล้ว อวิ๋นจิ่นก็เดินกลับเข้าไปในห้อง

ทว่าขณะที่เขาก้าวเข้าไปในห้องและกำลังจะปิดประตู ร่างสีดำลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้นด้านนอกประตู เจ้าของร่างนั้นเหยียดเท้าออกวางตรงขอบประตู เพื่อขวางไม่ให้อวิ๋นจิ่นปิดประตู

สีหน้าของอวิ๋นจิ่นปรากฏความแปลกใจเล็กน้อย “ท่านอ๋อง… พระองค์มาได้อย่างไร? ”

อวิ๋นจิ่นเปิดประตู เยี่ยโยวเหยาจึงยกมือไพล่หลังและเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง

“หมอหลวงอวิ๋น ดูเหมือนเจ้กำลังปกปิดบางอย่างกับพวกเรา ทั้งไม่บอกรัชทายาทตงเฉิน และไม่ให้ซูจิ่นซีรู้ หรือว่าแม้แต่ข้า เจ้ายังต้องการปิดบังอีก? ”

สีหน้าของอวิ๋นจิ่นเป็นปกติ เขาพูดอย่างใจเย็น “ท่านอ๋องทรงกล่าวล้อเล่นกระมัง กระหม่อมไม่มีเรื่องอันใดปกปิดท่านอ๋อง”

กลับไม่คาดคิดว่า เยี่ยโยวเหยาจะลุกขึ้นคว้าข้อมือของอวิ๋นจิ่น

“จิ่วหรง เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถปกปิดข้าได้หรือ? ”

อวิ๋นจิ่นได้ยินอย่างชัดเจน เยี่ยโยวเหยาเรียกเขาว่า “จิ่วหรง” ไม่ใช่ “อวิ๋นจิ่น”