บทที่ 1327 ปะทะกับเหยียนหมัว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

เมื่อได้ยินเสียงคำรามจากทางด้านหลัง

มู่เฉินก็โอบเอวชิงซวงขณะที่หันกลับไปมองแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวด้วยสายตาไม่แยแส

ยามนี้แม่ทัพเหยียนหมัวกำลังมองเขาราวกับสัตว์ร้ายที่ขุ่นเคือง

เผชิญหน้ากับความโกรธแค้นนี้ มู่เฉินก็ไม่แยแส เพียงแค่เหลือบมองในระยะไกล ชิงหลิงที่หลบออกไปไกลก็พุ่งกลับมาในเวลานี้

“มู่เฉิน?”

เมื่อเห็นมู่เฉิน ชิงหลิงก็อึ้งไป แต่เมื่อเห็นมู่เฉินประคองชิงซวงที่หมดสติ สายตาของนางก็ซับซ้อนขึ้น นางไม่คิดว่าจะเป็นมู่เฉินที่มาช่วยพวกนางเมื่อเกิดภัย

มู่เฉินแตะฝ่ามือเบาๆ คลื่นหลิงก็ห่อร่างชิงซวงพลิ้วไปหาชิงหลิง “ดูนางด้วย”

ชิงหลิงคว้าชิงซวงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะขบฟันพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “ขอบใจมาก!”

ก่อนหน้านี้นางไม่ได้มองมู่เฉินที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในสายตา มิหนำซ้ำยังรู้สึกว่ามู่เฉินหยิ่งเกินไปที่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือ

ตอนนี้นางกลับรู้สึกเสียใจและละอายใจกับการมองคนของตนเองนัก

แม้ว่าชายหนุ่มที่เบื้องหน้านางจะมีสายเลือดของตระกูลชิงแห่งเผ่าฝูถู แต่เขาไม่เคยใช้ทรัพยากรใดๆ ของเผ่า แต่กระนั้นความสำเร็จของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามั่วซินและเฉวียนหลัวเลย

อันที่จริงในจุดหนึ่งเขาโดดเด่นยิ่งกว่าสองคนนั่นด้วยซ้ำ

“ระวังตัวนะ เขาทรงพลังมาก” ชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะเตือนขณะถอยฉากหลบไป นางได้เห็นพลังของแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวแล้ว แม้แต่ชิงซวงที่อยู่ในสภาพพร้อมรบก็ยังได้เพียงสกัดไว้

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ สายตาจ้องมองไปที่แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจางๆ

เหตุผลที่เขาสามารถหวดแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวได้ก็เพราะอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ด้วยการเตรียมการจากนี้คงไม่ง่ายที่จะได้รับผลเช่นนั้น

มู่เฉินชุดดำและชุดขาวทะยานมายืนอยู่ข้างมู่เฉิน ทั้งสามจ้องมองแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวเขม็ง

ภายใต้สายตาสามคู่ ความป่าเถื่อนในสายตาของแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวก็ลดลงแทนที่ด้วยความเคร่งเครียด

สายตาและประสาทสัมผัสของเขาทรงพลังกว่าจอมยุทธ์เผ่าเขาที่ติดตามมา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกได้ว่าแม้มู่เฉินจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่พลังในการต่อสู้เกินกว่าที่แสดงให้เห็นแน่นอน

จุดนี้ตระหนักได้จากการแลกกระบวนท่ากันเมื่อครู่

“ไอ้เวร ส่งผู้หญิงสองคนนั่นมาแล้วข้าจะปล่อยแกไป!” แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวพูดขณะถลึงตามอง

ทว่ามู่เฉินเพียงยิ้มตอบ จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นคมชัด “ไสหัวไป”

“รนหาที่ตาย!”

ความป่าเถื่อนของแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวพวยพุ่ง แม้ว่ามู่เฉินดูเหมือนจะไม่ง่ายที่จะจัดการ แต่ก็เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้สำหรับพวกมนุษย์ที่กล้าพูดกับเขาในลักษณะนี้!

“ก่อนหน้าแกได้เปรียบก็เพราะแอบโจมตี ในเมื่อแกเรียกร้องความตายข้าก็จะทำตามความปรารถนาให้เป็นจริง!”

แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวยิ้มเหี้ยมก่อนที่จะกระแทกเท้า ทั่วบริเวณโยกคลอน เปลวไฟสีดำกวาดออกจากร่าง ขณะที่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นทันควัน แม้กระทั่งบรรยากาศโดยรอบก็เริ่มลุกไหม้

แรงกดดันทรงพลังระเบิดออกมาจากแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว

เมื่อชิงหลิงที่กำลังถอยสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนั่น ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปโดยไม่สามารถควบคุมได้ ความแข็งแกร่งของแม่ทัพคนนี้อยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดแล้ว

เผชิญหน้ากับศัตรูดังกล่าว แม้แต่เฉวียนหลัวและมั่วซินยังลำบากเลย

“ฝ่ามืออสูรเพลิง!”

แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวสาดสายตาน่าขนลุกมองมู่เฉิน ก่อนที่มือจะตบลงกะทันหัน ทันใดนั้นเปลวไฟสีดำก็รวมตัวกันกลายเป็นฝ่ามือปีศาจเพลิงขนาดมหึมาปกคลุมท้องฟ้าพุ่งใส่มู่เฉิน

ก่อนที่ฝ่ามือจะกระแทกลงไป พื้นดินเบื้องล่างก็ทรุดตัวลงพร้อมกับป่าบนภูเขากลายเป็นทะเลเพลิง

ขณะที่ฝ่ามือพุ่งเข้ามาโดยเร็ว ม่านตามู่เฉินก็หดเกร็ง ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นคลื่นหลิงไร้ขีดจำกัดสามสายก็ทะยานออกจากร่างทั้งสามคน

โฮก!

คลื่นพลังสามสายถักทอกันกลายเป็นเสายืนตระหง่านระหว่างสวรรค์และโลกปะทะกับฝ่ามืออสูร

ตึง!

แผ่นโลกสั่นสะเทือนด้วยเปลวไฟสีดำและคลื่นหลิงสร้างความหายนะไปทั่ว

วาบ!

เมื่อการโจมตีดุเดือดสองสายปะทะกัน แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวก็มาปรากฏเบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมลูกปัดในมือปลดปล่อยลำแสงนับไม่ถ้วน

“ตาข่ายอสูรดักวิญญาณ!”

เกลียวแสงพันเข้าด้วยกันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ห่อหุ้มมู่เฉินทั้งสามไว้

“ฮึ ตกลงไปในตาข่ายปีศาจของข้า แม้ว่าแกจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ต้องตาย!” แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวหัวเราะเยาะ หลังจากเห็นว่าการโจมตีของตนเองประสบความสำเร็จ

ตู้ม!

ทว่าคลื่นหลิงพร่างพราวก็ระเบิดออกมาราวกับดวงอาทิตย์ลุกโชติช่วงบนตาข่ายปีศาจ อึดใจต่อมาเกลียวแสงสีม่วงทองขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นในตาข่าย

เกลียวแสงสีม่วงทองเปล่งรัศมีอมตะ ภายใต้การกัดเซาะก็ทำลายตาข่ายอสูรอย่างรวดเร็ว

“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยนพันหมื่น หมัดเทพอมตะ!”

เมื่อตาข่ายถูกทำลาย เสียงคำรามก็ดังมาจากแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวที่ม่านตาหดลง กำปั้นสีม่วงทองขนาดหมื่นจั้งที่มีพลังน่าสะพรึงราวกับเทพแตกมิติเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่พุ่งเข้าชน

“โล่เพลิงอสูร!”

แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวกำลูกปัด เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงก็พัดออกมาเปลี่ยนเป็นโล่เพลิงสีดำขนาดใหญ่ที่มีลวดลายกะโหลกไขว้สลักไว้

ตู้ม!

กำปั้นใหญ่กระแทกเข้ากับโล่ พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวสองสายก็ปะทะกัน ทว่าหมัดที่เปล่งแสงอมตะดูเหมือนจะสามารถระงับเปลวไฟปีศาจอย่างเห็นได้ชัด

ปัง!

ดังนั้นโล่ก็ใช้เวลาคงอยู่ได้ไม่กี่อึดใจก่อนที่จะระเบิด แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวก็ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่กระเด็นกลับไปกระแทกเข้ากับภูเขาทำเอาราพณาสูรไปเลยทีเดียว

ทว่าหินก้อนใหญ่ก็ระเบิดออกขณะที่ร่างแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตามองไกลออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เงาสีม่วงทองยืนตระหง่านอยู่บนขอบฟ้า มู่เฉินทั้งสามสาดสายตาเย็นชามองเขาจากบนไหล่ร่างใหญ่โตนั่น

“นี่คือทักษะที่เรียกว่าร่างเทห์สวรรค์ของมหาพันภพรึ?”

สายตาแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวกะพริบด้วยไอเย็นชา

“ช่างเถอะ ข้าจะแสดงให้แกเห็นถึงวิธีการของเผ่าเหยียนหมัวบ้าง!” แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวประสานมือไว้ด้วยกันพร้อมกับเปลวไฟสีดำกะพริบวูบไหวในดวงตา ราวกับจะเผาดวงตาเขาไปเลยทีเดียว

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ท้องฟ้าที่ด้านหลังสั่นกระพือรุนแรงพร้อมกับเปลวไฟสีดำที่รวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่กี่อึดใจร่างปีศาจใหญ่โตสีดำก็รวมตัวกันอยู่ที่ด้านหลังแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว

ร่างปีศาจถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟสีดำ แค่เหลือบมองก็เต็มไปด้วยความรุนแรงและจิตสังหาร

ความกดดันที่น่ากลัวกำจายออกมาจากร่างปีศาจ

มองจากระยะไกล ดวงตาของมู่เฉินก็หดลงพร้อมกับความตื่นตะลึงฉายบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวจะมากปัญหาขนาดนี้ วิธีการเช่นนี้น่าตกใจอย่างแท้จริง

จากการประมาณ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนธรรมดาไม่สามารถต่อกรกับแม่ทัพคนนี้ได้แน่นอน

ฮา

มู่เฉินสูดหายใจลึกๆ ใบหน้าเคร่งขรึมลง พลังของแม่คนนี้แกร่งกร้าวมาก ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

เขาวาดตราประทับด้วยมือเพียงข้างเดียว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เปล่งประกายออกมาด้วยแสงสีม่วงทองพร้อมกับแรงกดดันอันทรงพลังเล็ดลอดออกมา

แต่ทันใดนั้นรัศมีเย็นเยียบทรงพลังก็พุ่งพรวดเข้ามา ทำให้มู่เฉินและแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวตกตะลึงไป ทั้งคู่เลื่อนสายตาไปจับจ้องก็เห็นว่าชิงซวงฟื้นคืนสติเรียบร้อยพร้อมกับกระบี่ยาวในมือเล็งไปที่แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว

“นังตัวปัญหา!”

แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวสีหน้าดิ่งลง เนื่องจากรับมือมู่เฉินก็ลำบากพอสมควรแล้ว หากชิงซวงผสมโรงด้วยละก็ กระทั่งเขาก็แพ้ในการต่อสู้แน่

สายตาของเขาวูบไหว ก่อนที่จะเขม่นมองมู่เฉินเอ่ยเสียงเย็น “โชคช่วยแกในครั้งนี้ ถ้าเจอกันครั้งต่อไป ข้าจะใช้ร่างปีศาจขยี้ร่างเทห์สวรรค์ของแก!”

ทันใดนั้นร่างปีศาจก็เปลี่ยนเป็นพายุเฮอริเคนสีดำพร้อมกับเปลวไฟสีดำพัดห่อหุ้มเขาจากไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง

มู่เฉินไม่คิดว่าชายคนนี้จะตัดสินใจปุบปับ ทำเอาเขาอึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะมองไปยังทิศทางที่แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวหนีไปก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

แม้ว่าจะเป็นการแลกกระบวนท่ากันสั้นๆ แต่เขาก็รู้ถึงความน่าเกรงขามของเผ่าปีศาจ

ชายคนนั้นอาจได้รับการพิจารณาว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของจอมยุทธ์เผ่าปีศาจในแดนเซิ่งยวนโบราณ เพียงแต่เขาไม่ทราบว่ามีจอมยุทธ์ปีศาจระดับนี้จำนวนเท่าใดที่เข้ามาในชั้นนี้

มู่เฉินดึงสายตากลับช้าๆ ก่อนจะเม้มปาก ดูเหมือนว่าครั้งนี้ไม่ใช่งานง่ายสำหรับเขาที่จะได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์แล้ว