ซูม!

หลินสวินเรียกยานขนส่งอวกาศออกมาโดยไม่ลังเล เดินทางไปเมืองวายุทรายเต็มอัตรา

อีกฝ่ายตรึงกำลังสะกดรอยเข้มงวดยิ่ง ทั้งยังเป็นนายเหนือหัวในอาณาเขตแคว้นกู่ชาง หากรอฝ่ายตรงข้ามเตรียมการพร้อมสรรพ คิดออกจากแคว้นกู่ชางอีกคงลำบากอยู่บ้าง

สรุปง่ายๆ คือ หลินสวินในตอนนี้ไม่กลัวภัยคุกคาม แต่ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้น

เขายังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ

ตัวอย่างเช่น ไปเยือนสำนักกระบี่เทียมฟ้าสักรอบ!

เมืองวายุทราย

ตั้งอยู่ในอาณาเขตทะเลทรายไพศาลแห่งหนึ่งบนแคว้นกู่ชาง

เล่าลือว่าทะเลทรายผืนนี้เดิมคือแดนมงคลบำเพ็ญเซียนแห่งหนึ่ง ทิวทัศน์งดงามไอวิญญาณปกคลุม แต่ภายหลังกลับประสบเคราะห์ใหญ่ ถูกมหาอริยะบรรพกาลผู้หนึ่งใช้ยอดศาสตรามารในมือทำลาย!

ต่อมาทิวทัศน์ดับสลาย แม่น้ำแห้งขอด ผืนดินแตกระแหง ตามเวลาซึ่งล่วงเลยที่แห่งนี้ก็ปรากฏทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล

เนื่องด้วยจวบจนปัจจุบันทะเลทรายยังอบอวลไอสังหารชวนสยอง ประหนึ่งไอมารอมตะไม่เคยสลาย จึงถูกผู้บำเพ็ญเพียรเรียกว่า ‘ทะเลทรายหลอมมรณา’

เมืองวายุทรายตั้งอยู่ใกล้ทะเลทรายหลอมมรณานี้

สวบ!

เงาร่างหนึ่งโฉบมาแต่ไกล แปลงเป็นชายวัยกลางคนเคราโค้งคนหนึ่ง ทะยานลงพื้นดินมุ่งหน้าสู่เมืองวายุทราย

คนผู้นี้คือหลินสวินที่ปลอมแปลงกาย

‘หืม?’

ทว่าเพิ่งมาถึงนอกประตูเมือง หลินสวินก็เห็นบนประตูเมืองนั่นแปะภาพประกาศจับ บนภาพเหมือนคือเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง

ใต้ภาพมีเนื้อหาประกาศจับ ‘คนผู้นี้นามหลินสวิน ฉายาเทพมารหลิน เหี้ยมโหดป่าเถื่อน เลื่องชื่อโจษจัน หากใครสามารถแจ้งเบาะแสของเขา รับรางวัลหนึ่งหมื่นแกนวิญญาณขั้นสูง!’

ขณะนี้มีผู้ฝึกปราณมากมายมุงดู วิพากษ์วิจารณ์ประกาศจับนี่

“เด็กนี่ถึงกับถูกแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ประกาศจับ ต้องเป็นจอมมารก่อกรรมทำชั่วแน่!”

“ไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องสวรรค์พิโรธคนเคียดแค้นอะไรกันถึงได้ถูกประกาศจับเช่นนี้”

ผู้คนวิจารณ์เซ็งแซ่

หลินสวินในใจครัดเคร่ง คิดไม่ถึงสักนิดว่าการเคลื่อนไหวของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะเร็วเช่นนี้

เขาถึงขั้นสงสัยว่า ไม่เพียงเมืองวายุทรายตรงหน้า เกรงว่าแม้แต่เมืองอื่นๆ ของแคว้นกู่ชางคงเริ่มปรากฏประกาศจับแบบนี้แล้ว!

‘หากเพียงเพื่อแก้แค้น ไม่มีทางทำให้สำนักโบราณแห่งหนึ่งระดมพลเช่นนี้แน่ พวกเขาทำเช่นนี้… เห็นชัดว่ามีแผนการอื่น!’

หลินสวินใคร่ครวญพลางมุ่งสู่กลางเมืองไปด้วย

ใจกลางเมือง แท่นบูชาเก่าแก่คร่ำคร่าประทับกลิ่นอายแห่งยุคสมัยตั้งเด่นตระหง่าน ด้านบนอบอวลพลังผนึกต้องห้ามเร้นลับอัศจรรย์

นี่ก็คือค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ!

มีเพียงอริยะที่ครอบครองศาสตร์ลับห้วงอากาศชั้นสูงจึงจะสามารถวางค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นนี้ได้ ทำให้ผู้ฝึกปราณสามารถเคลื่อนย้ายข้ามห้วงอากาศไร้ขอบเขต ไปปรากฏตัวนอกระยะพันหมื่นลี้ในชั่วพริบตา

ในอดีตที่ผ่านมาบริเวณค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งนี้คึกคักยิ่ง ผู้ฝึกปราณมากมายอาศัยค่ายกลโบราณนี้มุ่งสู่สถานที่อื่นในแดนชัยบูรพา

แต่วันนี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณกลับถูกปิดล้อมรอบด้าน!

กองกำลังผู้ฝึกปราณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ารักษาการณ์รอบค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณดั่งกำแพงสำริดผนังเหล็ก แม้แต่เหนือท้องฟ้ายังมีผู้ฝึกปราณควบคุมดูแล

“มีสิทธิ์อะไรมาบอกจะปิดก็ปิด ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนี้คือของสำคัญที่อริยะในอดีตหลงเหลือไว้ เกื้อกูลมาทุกยุคสมัย สร้างสุขแก่มวลชน เหตุใดไม่ให้พวกเราใช้งาน”

มีผู้ฝึกปราณกล่าวเดือดดาล

“แค่เทพมารหลินที่ไม่รู้ความเป็นมาคนหนึ่งก็ถึงกับต้องปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ ไม่ใช่ว่าต่อจากนี้ยามใดที่มีจอมมารโผล่มาอีกล้วนต้องทำเช่นนี้หรือ”

ผู้ฝึกปราณอื่นๆ ส่วนหนึ่งโวยวายตาม

เห็นชัดว่าผู้ฝึกปราณเหล่านี้เป็นเหมือนหลินสวิน หมายอาศัยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณออกเดินทาง แต่บัดนี้กลับถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู แน่นอนว่าต้องไม่พอใจยิ่ง

“เรื่องนี้เป็นความต้องการของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ หากพวกเจ้าไม่พอใจก็ไปโต้แย้งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ หากยังร้องแรกแหกกระเชออีก เชื่อหรือไม่ว่าจะจับพวกเจ้าเสียให้สิ้น!” บนอากาศ ชายชราอาจหาญคนหนึ่งตวาดลั่น เสียงราวฟ้าร้องสะเทือนทั่วทิศ

ทันใดนั้นเสียงไม่พอใจเหล่านั้นพลันเงียบกริบ

“แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไม่สมควรเผด็จการเช่นนี้ ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เปิดค่ายกลนี้ซะ!” หลินสวินเอ่ยปากพลางก้าวไปข้างหน้า เบื้องหน้าคือโอกาสหนีเพียงหนึ่งเดียว หากรอกำลังพลของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไล่ตามมา เช่นนั้นทุกอย่างคงสายไปแล้ว

“เจ้านับเป็นตัวอะไร กล้าข่มขู่ข้ารึ” ชายชราอาจหาญสีหน้าขรึมลงทันที พลานุภาพไร้รูปแผ่กระจายสยบทั่วทั้งลาน

เขาคือเจ้าเมืองวายุทราย นามหยางเฉิงปอ ครอบครองปราณระดับกึ่งราชัน พลานุภาพหนักหน่วง

ตูม!

หลินสวินก้าวขึ้นห้วงอากาศ เงาร่างพลันมาถึงหน้าหยางเฉิงปอ ยื่นแขนออกคว้า นิ้วดั่งพญามังกรออกจากหุบเหว ประกายเจิดจรัสห่อหุ้มปกคลุมลงมา

หยางเฉิงปอโกรธจัดจนยิ้มออกมา คาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าชายวัยกลางคนนี่จะระห่ำเช่นนี้ แค่เห็นต่างก็ถึงกับกระโดดออกมาลงมือกับตน หรือเขาสะกดคำว่าตายไม่เป็น

“ไสหัวไป!” หยางเฉิงปอตวาดลั่น ปะทะกลับหนักหน่วง

แต่เหนือความคาดหมาย การโจมตีของเขายังไม่ทันได้สำแดงอานุภาพก็ถูกสลายกระเจิง ส่วนมือใหญ่นั่นก็ตะปบลงมาอย่างทรงพลัง ไม่อาจต้านทาน

แย่แล้ว!

หยางเฉิงปอพลันหน้าเปลี่ยนสี แต่ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ถูกหลินสวินคว้าคอเหวี่ยงทุ่มกลางอากาศเต็มแรงราวทิ้งขยะ

เสียงปึงดังสนั่น หยางเฉิงปอหน้าคะมำกระแทกลงพื้นแข็งอย่างหนักหน่วงจนเกิดหลุมใหญ่ เศษหินกระจัดกระจาย

เขาโลหิตกบจมูกปาก ร่างกระตุกส่งเสียงโอดครวญ

ทั้งลานเงียบสงัด เงียบกริบไร้สุ้มเสียง ทุกคนต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ชั่วพริบตาหยางเฉิงปอซึ่งเป็นราชันกึ่งระดับที่มีชื่อเสียงนานปี ถูกกำราบลงเช่นนี้อย่างคาดไม่ถึง

กร๊อบ!

หลินสวินลงมาจากฟ้า เท้าย่ำลงบนร่างหยางเฉิงปอ สีหน้าเยียบเย็น “ข้าขอบอกเป็นครั้งสุดท้าย เปิดค่ายกลนี้ซะ!”

“สหายยุทธ์โปรดระงับโทสะ!”

หยางเฉิงปอยิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าคราวนี้เตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้ว จึงก้มหัวยอมจำนนในบัดดล “เพียงแต่ตอนนี้ไม่อาจเปิดค่ายกลได้”

“ยันต์ที่ใช้เปิดค่ายกลไม่อยู่กับเจ้าหรือ” หลินสวินมุ่นคิ้ว

“ใช่แล้ว!”

หยางเฉิงปอรีบกล่าว “นับแต่ตัดสินใจปิดผนึกที่แห่งนี้ ยันต์ผนึกต้องห้ามของค่ายกลก็ถูกส่งไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทันที”

ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณคือสิ่งที่อริยะในอดีตหลงเหลือไว้ แน่นอนว่าไม่อาจเปิดใช้ตามสะดวก

มีเพียงยึดกุมยันต์ผนึกต้องห้ามที่ตอบสนองกับมันจึงจะสามารถเปิดใช้และควบคุมค่ายกลนี้ได้ ประเด็นนี้หลินสวินซึ่งเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งย่อมเข้าใจดี

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดพวกเจ้ายังต้องปิดล้อมที่นี่อีก ไม่ใช่ว่าทำเรื่องเกินจำเป็นหรือ” หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น ไอสังหารแผ่ออกมาโดยไม่ปกปิด

หยางเฉิงปอสั่นไปทั้งตัว ทั่วร่างหนาวสั่น แค่จากไอสังหารนี้ก็ทำให้เขารับรู้ได้แล้วว่า นี่คือคนอำมหิตที่กล้าสังหารตนโดยไม่ลังเล!

“นี่เป็นความต้องการของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เพื่อล่อเทพมารหลินนั่นออกมาค่อยจับตัวเขา…” พูดถึงตรงนี้หยางเฉิงปอคล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนยกใหญ่ กล่าวเสียงหลง “เจ้า… เจ้าคงไม่ใช่…”

ปึง!

ไม่รอให้เขากล่าวออกมาก็ถูกเท้าข้างหนึ่งของหลินสวินเตะสลบไปกับพื้น

พอมองไปรอบๆ ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ท่าทางหวาดกลัวสุดขีด

หลินสวินยังไม่ตัดใจ ทำการซักไซ้ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งที่ปิดล้อมค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ แต่ทุกคนล้วนแสดงออกชัดว่าสิ่งที่หยางเฉิงปอกล่าวเป็นความจริง ยันต์ผนึกต้องห้ามของค่ายกลโบราณไม่อยู่แล้ว

ยุ่งแล้ว!

หลินสวินทอดถอนใจ

แคว้นกู่ชางมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแค่สามแท่น แท่นหนึ่งตั้งอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ อีกหนึ่งตั้งอยู่ในเมืองวายุทราย ส่วนอีกแท่นอยู่ที่เมืองรุกขดิถี

แต่หลินสวินรู้ดีว่าสถานการณ์เมืองรุกขดิถีก็คงเป็นแบบเดียวกัน ไร้หนทางสิ้นเชิง

‘แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คิดวางตาข่ายดักทั่วหล้า ปิดตายข้าในแคว้นกู่ชางนี่งั้นหรือ’ หลินสวินเกิดจิตสังหารที่ไม่อาจระงับภายในใจ

ไม่มียันต์เปิดใช้ค่ายกลโบราณ ต่อให้หลินสวินมีฐานะเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณก็ไม่อาจเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณได้

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่อริยะในอดีตหลงเหลือไว้ เกี่ยวเนื่องถึงศาสตร์ลับต้องห้ามเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถตีความได้

‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะดูว่าการปิดล้อมของพวกเจ้าจะสามารถขวางหนทางของข้าหลินสวินได้จริงหรือไม่!’

สวบ!

หลินสวินเงาวูบไหว ทะยานอากาศจากไป

ที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะอยู่นาน

“คนผู้นี้เป็นใคร น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“เพิ่งมีปราณระดับกระบวนแปรจุติ แต่สามารถเอาชนะราชันกึ่งระดับในชั่วดีดนิ้วมือ ทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนทรงพลังเช่นนี้”

กระทั่งหลินสวินจากไป บรรยากาศกดดันในลานจึงสลายลง ผู้ฝึกปราณมากมายเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่ อดส่งเสียงพิศวงไม่ได้

“ยังจะมีใครอีก ต้องเป็นเทพมารหลินนั่นปลอมตัวมาแน่!”

“ไม่ผิด ต้องเป็นเขาแน่ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งเช่นนี้ มิน่าถึงทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ให้ความสำคัญ ออกประกาศจับทั่วแผ่นดินแคว้นกู่ชางโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดเช่นนี้”

“คาดเดาจากจุดนี้ ต่อให้คนผู้นี้เหี้ยมโหดยิ่งกว่านี้ เกรงว่าใช้เวลาไม่นานคงถูกลงโทษ อย่างไรเสียอิทธิพลของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคนเดียวสามารถต้านทานได้”

ฟุ่บๆๆ

ไม่นานนักแสงห้อทะยานของผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็มาเยือน กดอัดพยับเมฆพุ่งเข้ามา มืดฟ้ามัวดินดุจกองทัพตั๊กแตน

พลานุภาพปิดฟ้าคลุมดิน สะท้านทั่วทิศ!

หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ หนานกงหั่วพลันฉุนเฉียว “ปล่อยให้มันหนีได้อีกแล้ว!”

“หนีไปไหนแล้ว”

“คันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์ฉายว่าเขาหนีไปทางทะเลทรายหลอมมรณา”

“ระดมกำลังทั้งหมดปิดล้อมทะเลทรายหลอมมรณา!”

ทันใดนั้นกองทัพใหญ่อันเกรียงไกรก็ไม่ชักช้า ออกเคลื่อนพลอีกครา โฉบผ่านเหนือเมืองวายุทรายไปทางทะเลทรายหลอมมรณา

วันนี้แคว้นกู่ชางสั่นสะเทือน ประกาศจับหนึ่งฉบับของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทำเอาผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตื่นตระหนก ชักนำมาซึ่งเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่

‘เทพมารหลินนี่เป็นใคร’

นี่คือข้อสงสัยของผู้ฝึกปราณส่วนมาก เพราะแต่ก่อนพวกเขาแทบไม่เคยได้ยินว่าบนโลกยังมีบุคคลเช่นนี้ด้วย

แต่ไม่จำเป็นต้องสงสัย นับจากวันนี้ไปเด็กหนุ่มที่ถูกเห็นเป็น ‘เทพมารหลิน’ ได้เริ่มเข้าสู่สายตาผู้คนแล้ว

ขุมอำนาจมากมายต่างเคลื่อนไหว ฟังคำสั่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ในแคว้นกู่ชางเปิดการปิดผนึกชั้นแล้วชั้นเล่า

เพียงชั่วขณะ ทุกเมืองในแคว้นกู่ชางต่างเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดทุกหนแห่ง ดุจดั่งมรสุมกำลังมา

เนื่องจากการเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่เกิน ทำให้ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างรับรู้ขึ้นเรื่อยๆ ว่า ครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คงตั้งใจมั่นจะขุดรากถอนโคนเทพมารหลินแน่!

ในทะเลทรายไร้ขอบเขต หลินสวินกำลังท่องทะยาน

เริ่มระมัดระวังไม่ใช่ยานขนส่งอวกาศ หนึ่งเพราะสมบัตินี้ผลาญแกนวิญญาณจำนวนมาก

สองเพราะมันสะดุดตาเกินไป ถึงอย่างไรก็เป็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง แม้เสียหายอย่างหนักแต่ทันทีที่ปรากฏออกมา ไม่แน่ว่าอาจล่อให้พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเกิดความละโมบ!

…………………