ราชันเร้นลับ 1034 : เก็บเกี่ยว

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ท่ามกลางสายหมอกสีเทาไร้ขอบเขต วังโบราณกำลังมีไฟลุกท่วมทุกคนแห่ง

เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ราวกับว่าดวงอาทิตย์ที่สว่างไสวและเจิดจ้าได้ปรากฏตัวภายในมิติลึกลับแห่งนี้

พายุเฮอร์ริเคนพัดผ่านโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ หักโค่นเสาหินหนาและทำให้วังหรูหราถล่มลงมากว่าครึ่งหนึ่ง

ในตำแหน่งเดอะฟูล สมองไคลน์กำลังเดือดพล่าน ก่อนที่เกิดรูจำนวนมากพร้อมกับระเบิดออก หนอนแมลงที่ไหม้เกรียมเริ่มคลานออกจากรอยแตกของผิว

มันยังไม่ตาย และยังสามารถเหยียดแขนขวาออกมาอย่างใจเย็น เคาะกับที่พักแขนของเก้าอี้

เหนือมิติสายหมอก พื้นที่ลึกลับแห่งนี้กำลังสั่นสะเทือนหนักหน่วง คลื่นพลังงานพรั่งพรูออกมาหลายระลอก ช่วยดับไฟพร้อมกับทำให้พายุเฮอร์ริเคนสงบลง คล้ายกับดวงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผาค่อยๆ สลายตัวไปทีละนิด

เสาหินต้นหนากลับมาตั้งเด่นตระหง่านอีกครั้ง โต๊ะทองแดงยาวฟื้นฟูกลับสู่สภาพปรกติ วังโบราณที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์ กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ราวกับไม่เคยพังทลายหรือเสียหาย

ศีรษะของไคลน์เองก็สมานกลับเป็นปรกติในพริบตา หนอนแมลงไหม้เกรียมที่เคยคลานออกไป เปลี่ยนกลับไปเป็นสีใสและคลานกลับเข้าไปในหัว

อย่างที่คิด ทรงพลังยิ่งกว่า ‘มังกรจินตภาพ’ แอนเคอร์เวล… ไคลน์พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างมิอาจควบคุม อดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือขึ้นมาลูบหน้าผาก “เจ็บชะมัด… รุนแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด…”

ขณะพึมพำ มันเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาว สร้างแรงสั่นสะเทือนบนมิติเหนือสายหมอกอีกครั้ง

ท่ามกลางเสียงดังสนั่น เงาสีดำสนิทผุดขึ้นจากพื้นวัง

เงาดังกล่าวพลันบิดเบี้ยว พยายามดิ้นรนสักพักก่อนจะถูกพลังของมิติหมอกขจัดออกไป ปราศจากมลพิษตกค้างภายใน

หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งนาที ไคลน์ใจเย็นลงและนึกทบทวนฉากที่ตนเห็น

ชายคนนั้นน่าจะเป็นเทพสุริยันบรรพกาล พระผู้สร้างแห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ บิดาของอาดัมและอามุนด์…

พิจารณาจากไม้กางเขนที่สวม และจากข้อความ ‘จงสว่าง’ มีโอกาสสูงมากที่ชายคนนี้จะเป็นนักเดินทางข้ามโลกคนแรก… น่าจะเป็นคนยุโรปหรือไม่ก็ทางอเมริกา… อาจเป็นคนของศาสนา…

ท่านใช้ภาษาที่สามารถกระตุ้นพลังธรรมชาติ ฟังดูคล้ายกับภาษาคนยักษ์ แต่ยังมีจุดที่แตกต่าง… ไม่ใช่ภาษาเอลฟ์ มังกร และเฮอร์มิสโบราณแน่นอน… อา… มันฟังดูคล้ายกับภาษาฟุซัคของทวีปเหนือ และภาษาตูทานของทวีปใต้ ช่วยให้เราสามารถเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดแม้จะไม่ชำนาญภาษานั้น… เป็นภาษาที่ท่านเรียนมาจากสิ่งก่อสร้างหลังใหญ่สีเทาอ่อนนั่น?

ท่านถูกส่งมาที่นั่น และได้รับสืบทอดมรดกที่ล้ำค่า?

เหตุการณ์ที่สองเป็นฉากขณะท่านกำลังถูกทรยศและถูกกินโดยเหล่าราชาเทวทูต ประกอบด้วยเทวทูตสีขาว เทวทูตปัญญา และเทวทูตวายุ?

สำหรับเทพที่เรียกตัวเองว่าพระผู้สร้าง ความเจ็บปวดและบิดเบี้ยวระดับนั้นคงเกิดจากสิ่งใดไม่ได้นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าว…

อา… เลือดศักดิ์สิทธิ์ของท่านที่หยดลงมาก่อนตาย ได้ผสานเข้ากับไม้กางเขนสีเงินและแปรสภาพกลายเป็นสมบัติปิดผนึกที่ค่อนข้างทรงพลังในภายหลัง…

พิจารณาจากจุดนี้ ไม้กางเขนเจิดจรัสคงตกอยู่ในมือของหนึ่งในสามราชาเทวทูตระหว่าง ‘สีขาว’ ‘ปัญญา’ และ ‘วายุ’ หรือไม่ก็ถูกมองข้ามและตกมาถึงมือของอาดัมและอามุนด์ในภายหลัง สำหรับท่านทั้งสอง นี่คือมรดกแสนล้ำค่าที่บิดาเหลือทิ้งไว้

โอกาสเป็นอย่างแรกนั้นต่ำมาก ไม้กางเขนอันนี้มีประโยชน์ที่หลากหลาย แถมต้นกำเนิดของมันยังเป็นความลับที่ต้องปกปิดให้มิดชิด ไม่มีทางถูกนำมามอบให้ตระกูลออกัสตัส… ถ้าอย่างนั้น… มันคือสิ่งที่อาดัมมอบให้ด้วยเหตุผลบางประการ? เป็น ‘แผน’ ของท่านมาตั้งแต่แรก?

แล้วทำไมถึงต้องส่งต่อไม้กางเขนเจิดจรัสมาให้มิสเมจิกเชี่ยนกับมิสจัดจ์เมนต์อย่างสมเหตุสมผล?

ท่านพบว่าสตรีทั้งสองศรัทธาเดอะฟูลหลังจากเฝ้าจับตามองมาสักพัก?

ไม้กางเขนอันนี้มีไว้สำหรับเดอะฟูลจากต่างยุคสมัย?

ท่านต้องการจะทราบว่า บิดาซึ่งมาจากต่างยุคสมัยเช่นกัน แท้จริงแล้วมาจากที่ใด? แต่ปัญหาก็คือ หลังจากส่งมอบไม้กางเขนแล้ว เขาจะถามทางไหน และรับคำตอบจากทางไหน?

พระผู้สร้างของเมืองเงินพิสุทธิ์นั้นมีระดับสูงมาก สามารถตระหนักถึงการ ‘แอบมอง’ ของเราทั้งที่ถูกกั้นแบ่งด้วยช่วงเวลาประวัติศาสตร์อันยาวนาน… สามารถมองตรงมายังมิติเหนือสายหมอกแห่งนี้… แถมอิทธิพลของท่านไม่เพียงจะสร้างความเสียหาย แต่ยังสร้างเงาชนิดพิเศษที่เกือบจะซ่อนตัวอยู่ที่สำเร็จ…

กำลังจะบอกว่า เมื่อใดก็ตามที่เทพสามารถครอบครอง ‘อำนาจ’ ในหลายขอบเขตด้วยตัวคนเดียว ระดับตัวตนของเทพตนนั้นจะพัฒนาขึ้นในเชิงคุณภาพ?

แล้วคำว่า ‘เร้นลับ’ หมายถึงสิ่งใด? หมายถึงเรา… หรือหมายถึงเจ้าของเดิมของมิติลึกลับแห่งนี้?

คำถามมากมายแล่นผ่านสมองไคลน์ ส่งผลให้มันผุดทฤษฎีขึ้นมาจำนวนหนึ่ง แต่ก็มิอาจพิสูจน์หาความจริงได้ด้วยข้อมูลปัจจุบัน

และเนื่องจากความกลัวที่มีต่ออาดัม ไคลน์เชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับไม้กางเขนเจิดจรัสซึ่งเป็นสมบัติปิดผนึกระดับพระผู้สร้างของเมืองเงินพิสุทธิ์ คือการบดขยี้ให้แหลกและรอให้กลับมารวมตัวเป็นตะกอนพลังบริสุทธิ์อีกครั้ง

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์ปัดตกคำถามอื่นในใจและเสกปากกากับกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาจดบันทึก ‘ความรู้’ ที่ได้จากการมองพระผู้สร้างแห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ตรงๆ

“ลำดับ 4: ผู้เจิดจรัส”

“วัตถุดิบหลัก: เลือดสุริยันหนึ่งหยด หรือขนหางสามเส้นของ ‘วิหคเทพสุริยัน’ และ ‘ศิลาเจิดจ้า’ ”

“วัตถุดิบรอง: เลือดวิหคเทพสุริยันหกสิบมิลลิลิตร น้ำศักดิ์สิทธิ์จากศิลาเจิดจ้าสามสิบมิลลิลิตร น้ำส้มมือทองคั้นเจ็ดหยด ผงหัวใจแมกม่าสิบกรัม”

“พิธีกรรม: ดึงอารมณ์ที่เข้มข้นที่สุดและไม่อยากทิ้งไปมากที่สุดของผู้ประกอบพิธีกรรม ออกจากร่างกายและดื่มโอสถ จากนั้นก็นำอารมณ์ดังกล่าวกลับเข้าไปใหม่ภายหลัง”

“ลำดับ 3: ผู้ชี้นำคุณธรรม…”

“ลำดับ 4: อัศวินมืด…”

“ลำดับ 3: นักบุญสามหน้า…”

จัดการทั้งหมดเสร็จ ไคลน์หยิบไม้กางเขนทองแดงและตรวจสอบมันด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

จากนั้น ชายหนุ่มโยนไม้กางเขนเจิดจรัสเข้าไปในกองขยะพร้อมกับกระตุ้นพลังของมิติเหนือสายหมอกเพื่อผนึกมันไว้ ด้วยเกรงว่าครั้งถัดไปที่ขึ้นมา ตนจะเห็นกระดาษคนที่ตัดเตรียมไว้เริ่มสรรเสริญดวงอาทิตย์

เขตเชอร์วู้ด หน้าบ้านธรรมดาๆ หลังหนึ่ง

บุรุษไปรษณีย์ผู้กำลังขี่จักรยานรีบบีบเบรก หยุดลงที่หน้าประตู

มันจอดจักรยาน นำจดหมายออกจากกระเป๋าไปรษณีย์ที่เบาะหลัง ชำเลืองที่อยู่จัดส่ง

“เป็นที่นี่ไม่ผิดแน่… ถึงซิล…” บุรุษไปรษณีย์รีบเดินไปที่กล่องจดหมาย สอดจดหมายและขึ้นจักรยานอีกครั้งโดยไม่มัวรีรอ ถีบออกไปด้วยความเร็ว

ถัดมานั้นไม่นาน เปลวไฟสีดำพลันลุกโชนจากช่องสอดของกล่องจดหมาย

เปลวไฟเผาไหม้เงียบงัน ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

เขตราชินี ภายในคฤหาสน์สุดหรูของตระกูลฮอลล์

ออเดรย์ซึ่งพาซูซี่เดินเล่นรอบๆ สวน เมื่อกลับมาถึงห้องโถง เธอพบบิดาของตน เอิร์ลฮอลล์ เดินเข้ามาจากข้างนอก ยื่นหมวกและถอดผ้าพันคอให้บุรุษรับใช้ด้านข้าง ตามด้วยขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่มีใครทราบว่ากำลังขบคิดสิ่งใด

“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” ออเดรย์ถามด้วยความเป็นห่วง

นี่เป็นเพียงการสังเกตง่ายๆ ที่เธอไม่จำเป็นต้องปิดบัง

เอิร์ลฮอลล์พยายามระงับการสีหน้าไม่ปรกติของตน อมยิ้มและกล่าว

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร… แค่คาดไม่ถึงว่าเฮอร์วิน·แรมบิสจะเป็นคนของลัทธินอกรีต”

“คนของลัทธินอกรีต?” ออเดรย์เผยสีหน้าประหลาดใจตามสมควร

เธอย่อมทราบว่าเฮอร์วิน·แรมบิสเป็นสมาชิกเบื้องบนของสมาคมแปรจิต เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ถึงถูกเปิดเผย

เอิร์ลฮอลล์พยักหน้าเคร่งขรึมและกล่าว:

“ใช่… เขาถูกหมายหัวโดยสามศาสนจักรใหญ่ ส่วนจะเป็นลัทธิใดนั้น พ่อเองก็ไม่ทราบ”

“…เขาถูกจับหรือยัง?” ออเดรย์หันไปถามด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

“ยัง… ก่อนจะถูกหมายหัว เขาหายตัวไป” เอิร์ลฮอลล์ถอนหายใจ “เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าชายคนนั้นเป็นพวกคลั่งศาสนา เขาวางตัวดี มีความรู้ เต็มไปด้วยความสมเหตุสมผลและสติปัญญา”

นั่นเป็นเพียงด้านที่เขาอยากให้พ่อเห็น… ออเดรย์รำพันในใจ จากนั้น เหมือนทุกครั้ง ก่อนอาหารเย็นจะเริ่มขึ้น เธอเข้าห้องสวดมนต์เล็กๆ ภายในบ้าน หันหน้าเข้าหาตราศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดารัตติกาลและสวดวิงวอน

ทว่า ข้อความที่เธอวิงวอนด้วยเสียงต่ำก็คือ:

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย…”

ท่องพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์จบ ออเดรย์มอบรายงานสั้นกระชับ:

“เฮอร์วิน·แรมบิสตัวไป… เขาถูกระบุว่าเป็นสมาชิกของลัทธินอกรีต กำลังถูกหมายหัวจากสามโบสถ์ใหญ่”

กล่าวจบ ออเดรย์เตรียมสวดวิงวอนต่อเทพธิดาอย่างจริงจัง ทันใดนั้น ทุ่งสายหมอกสีเทาไร้ขอบเขตก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

ใจกลางหมอกสีเทา ร่างอันคลุมเครือกำลังนั่งบนเก้าอี้ พยักหน้ารับเชื่องช้า:

“เราทราบแล้ว”

เมื่อสิ้นเสียงของตัวตนลึกลับ ภาพตรงหน้าออเดรย์เปลี่ยนไปกะทันหัน กลายเป็นภาพของคนผู้หนึ่งกำลังสวดวิงวอนอย่างตั้งใจ:

“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ… โบสถ์รัตติกาลได้รับข้อมูลจากโจนาส·โคลเกอร์ ยืนยันว่ากษัตริย์จอร์จที่สามเก็บซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่ และยังเป็นผู้ค้นพบโบราณสถานของจักรพรรดิโลหิตในเขตสเตอร์ริเว่นของแม่น้ำทัสซอค จากนั้นก็สมรู้ร่วมคิดกับนิกายแม่มดและสมาคมแปรจิตเพื่อค้ามนุษย์ เป็นต้นเหตุของคดีบุคคลสูญหายจำนวนมากหาย และยังเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันในกรุงเบ็คลันด์”

“ในตอนต้น ตัวแทนของนิกายแม่มด ‘ไนติงเกลแห่งความสิ้นหวัง’ พานาเทีย แต่ในภายหลังได้ ‘นักบุญสีขาว’ คาร์เทอริน่ามาแทน ส่วนทางสมาคมแปรจิตเป็นเฮอร์วิน·แรมบิส”

“ได้โปรดเตือนมิสจัสติส ให้เธอเพิ่มความระมัดระวังในตอนที่เข้าไปพบเฮอร์วิน·แรมบิสอีกครั้ง และเตรียมขอความช่วยเหลือไว้ทุกเมื่อ”

ฝ่าบาท… ดวงตาออเดรย์เบิกกว้างเล็กน้อย อารมณ์แปรปรวนกะทันหัน ยากที่จะควบคุม

สำหรับเรื่องนี้ ข่าวคราวล่าสุดทำให้ตัวเธอที่เป็นขุนนางตกตะลึงในระดับหนึ่ง แต่ก็ถูกขยายอารมณ์ให้เข้มข้นขึ้นโดยเครื่องประดับ ‘คำลวง’ ที่สวมอยู่

แทบจะในเวลาเดียวกัน รายงานหนึ่งแล่นเข้ามาในความคิดออเดรย์ เป็นข่าวที่เธอยากจะลืม:

“…จากสถิติเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิตคาที่ภายในหมอกมากกว่าสองหมื่นหนึ่งพันราย และโรคระบาดที่แพร่กระจายในเวลาต่อมาได้คร่าชีวิตผู้คนอีกไปเกือบสี่หมื่นราย ในนั้นมีเด็กเล็กที่บ้านมีฐานะ ชายหนุ่มและหญิงสาวที่แข็งแรง”

เรื่องราวเป็นแบบนี้เองหรือ… กษัตริย์มีแผนอะไรกันแน่? … ศาสนจักรใหญ่ทั้งสามแห่งไม่น่าจะได้รับหลักฐานเต็มๆ ที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้น ท่านพ่อคงไม่ทำหน้าแตกตื่นเล็กๆ เช่นนี้… โทสะของออเดรย์กำลังปะทุอย่างไม่มีคำอธิบาย ภายในใจเกิดความเศร้าเล็กๆ คล้ายกับบางสิ่งที่เคยยึดถือในอดีตถูกเหยียบย่ำอย่างไร้ความปรานี คล้ายคุณค่าบางอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานาน พังทลายลงอย่างเงียบงัน

หญิงสาวก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว หลับตาสนิท

ทันทีหลังจากนั้น เธอหายใจเข้า กระซิบเสียงแผ่ว:

“ขอบคุณมิสเตอร์ฟูล และได้โปรดแสดงความขอบคุณต่อมิสเตอร์เวิร์ลด้วย”

หลังจากสวดมนต์เสร็จ ออเดรย์นั่งท่ามกลางความมืดที่เงียบสงบ ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายเป็นเวลานาน

……………………